จากกรณีเมื่อเวลา 22.30 วันที่ 28 มี.ค.63 ที่ผ่านมา ร.ต.อ.อดิเรก บุรินทร์ภิบาล รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมือง
ล่าสุดวันที่ 29 มี.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นจุดที่นายประพัฒน์ นอนเสียชีวิตนั้น ญาติได้นำเทียนและดอกไม้มาวางไว้ หลังจากทำพิธีเชิญวิญญาณไปเมื่อเช้าที่ผ่านมา
นายหนุ่ม (นามสมมติ) ชาวบ้านใกล้จุดเกิดเหตุ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 20.00 น. ขณะที่ตนนั่งทำงานอยู่ในบ้านก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 3-5 นัด จึงรีบออกจากบ้านมาดูก็พบกับผู้ชายคนหนึ่ง คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิต นั่งอยู่บนรถจักรยานยนต์ ตนจึงเดินเข้าไปหาชายคนดังกล่าว
ขณะที่ตนเดินไปสังเกตเห็นร่างของชายคนหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างถนน จึงถามเพื่อนของผู้เสียชีวิตว่า “เพื่อนอาการเป็นไงบ้าง” แต่ชายคนดังกล่าวมีท่าทีตกใจ และบอกสั้น ๆ กับตนว่า ผู้เสียชีวิตและผู้ก่อเหตุมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน ตนจึงเดินเข้าไปดูอาการของนายประพัฒน์ มีเลือดไหลออกจากปาก ส่วนบาดแผลตามร่างกายมองไม่เห็น เนื่องจากเป็นเวลากลางคืน
จากนั้นจึงได้โทรศัพท์ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กู้ภัย เพื่อให้มาตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ จึงทราบว่านายประพัฒน์เสียชีวิตแล้ว อย่างไรก็ตามตนไม่เห็นผู้ก่อเหตุ เนื่องจากขณะที่มีเสียงปืนดังขึ้นนั้น ตนยังอยู่ในบ้าน คาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะก่อเหตุเสร็จแล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว
ด้านนางอนงค์ (นามสมมติ) ย่าของนายพรมงคล กาญจนบรรณ หรือเบิร์ด ผู้ก่อเหตุ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.63 เวลาประมาณ 19.00 น. หลังจากตนนั่งกินข้าวกับหลานชายพร้อมครอบครัวที่หน้าบ้านเสร็จเรียบร้อย จากนั้นตนจึงเข้ามานอนเล่นอยู่ภายในบ้าน ส่วนหลานชายก็นั่งเล่นที่หน้าบ้านคนเดียว ต่อมาเวลา 20.00 น. ตนได้ยินเสียงปืนดังขั้นประมาณ 3-5 นัด จึงรีบลุกออกมาดูที่หน้าบ้านก็ไม่เห็นหลานชายแล้ว เห็นแต่ชาวบ้านยืนมุงดูชายคนหนึ่งที่นอนเสียชีวิตอยู่ข้างถนน กระทั่งทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือหลายชายของตนเอง
ส่วนปมปัญหาระหว่างหลานชายของตน กับผู้เสียชีวิต ตนไม่รู้จักว่าทั้งคู่มีปัญหาอะไรกัน เพราะหลานชายไม่เคยเล่าให้ตนฟัง สำหรับหลานชายของตนนั้น เป็นคนอารมย์ร้อน และไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใคร ก่อนหน้านี้เคยเสพยาเสพติดมาก่อน แต่พักหลังไม่รู้ว่ายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอยู่หรือไม่
นอกจากนี้นางอนงค์ ยังบอกอีกว่า สาเหตุที่หลานชายของตนก่อเหตุนั้น น่าจะมาจากโกรธ เพราะวันเกิดเหตุ ผู้เสียชีวิตตบหน้าและทำร้ายร่างกายหลานชายตนก่อน อาจเป็นสาเหตุของการก่อเหตุ ยอมรับว่าตนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคนในตระกูลของตนไม่เคยมีเรื่องแบบนี้มาก่อน ตอนนี้ตนก็ไม่รู้ว่าหลานชายไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน และตนก็อยากให้หลายชายเข้ามอบตัว ผิดก็ว่าไปตามผิด โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่มายังวัดโรงวาส ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จ.สงขลา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของนายประพัฒน์ หนูน้อย อายุ 26 ปี ผู้เสียชีวิต บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
น.ส.วาทิกา หนูน้อย พี่สาวของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า เมื่อวันที่ 27 มี.ค.63 ที่ผ่านมา น้องชายของตนได้โทรศัพท์ไปหาตนและแม่เพื่อแจ้งว่า มีปัญหากับเพื่อนคนหนึ่ง ที่ติดหนี้น้องชายของตน จำนวน 30,000 บาท และน้องชายพูดเปรยว่า “ถ้าผมเป็นอะไรไป ให้ไปทวงตังค์กับชายคนนี้”
โดยชายคนดังกล่าวที่ยืมเงินน้องชายของตนไปก็คือ ผู้ก่อเหตุคนดังกล่าว ซึ่งน้องชายของตนก็ได้ไปทวงเงินหลายรอบแล้ว แต่ก็ถูกปฏิเสธทุกครั้ง กระทั่งวันที่ 28 มี.ค. ก่อนเวลาเกิดเหตุ เพื่อนของน้องชายเห็นผู้ก่อเหตุ นั่งอยู่ที่หน้าบ้านของเขา น้องชายของตนจึงพากันขี่รถจักรยานยนต์เพื่อจะไปเจรจาทวงหนี้คืน ซึ่งได้พบเจอกับผู้ก่อเหตุที่ติดหนี้ประมาณ 30,000 บาท น้องชายจึงถามว่า "เมื่อไหร่จะคืนเงินผม ผมไม่มีจะใช้แล้ว" แต่ผู้ก่อเหตุบอกกับน้องชายของตนว่า “ไม่มี ไม่ให้” จึงทำให้น้องชายของตนเองโกรธ และตบหน้าคู่กรณี 1 ที ก่อนที่จะมีปากเสียงและชกต่อยกันตามมา กระทั่งผู้ก่อเหตุสู้แรงน้องชายของตนเองไม่ไหว คว้าอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงน้องชายของตนจนเสียชีวิต มีบาดแผลถูกยิงที่ไหล่ซ้ายทะลุปอดและชายโครงด้านขวา สภาพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด
หลังจากยิงน้องชายของตนเสร็จ ผู้ก่อเหตุยังข่มขู่เพื่อนของน้องชายว่าให้ขี่รถหนีไป ไม่เช่นนั้นจะยิงทิ้งอีกราย ส่วนผู้ก่อเหตุนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปทันที และเพื่อนของน้องชายตนจึงขี่วนกลับมาที่เกิดเหตุอีกครั้ง และนั่งตัวสั่นข้าง ๆ ศพของน้องชาย เนื่องจากตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
สำหรับนายประพัฒน์น้องชายของตนนั้น เพิ่งจะพ้นโทษคดียาเสพมาได้ 5 เดือน และเคยพบเจอผู้ก่อเหตุในคุก และเมื่อมีโอกาสพ้นโทษจึงตั้งใจจะออกมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่กลับมาเจอเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ ซึ่งเงินที่ไปทวงนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด สำหรับตนก็ยังทำใจไม่ได้เช่นกัน เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วไม่ทันได้ตั้งตัว
นางวาทิกา เผยต่อว่า สำหรับวันที่ 28 มี.ค.63 ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุเป็นวันคล้ายวันเกิดของตน ถือเป็นวันที่เศร้าที่สุดในชีวิตของตนเลยก็ว่าได้ ที่ตนจะต้องมาเสียน้องชายไป หัวใจของตนแทบสลาย น้องชายอายุ 25 ย่างเข้า 26 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยเบญจเพสอีกด้วย ทั้งนี้ก่อนจะเกิดเหตุ ตาข้างขวาของตนกระตุก จึงคิดว่าน่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว กระทั่งมาทราบข่าวในเฟชบุ๊กเมื่อเวลา 21.00 น. ว่าน้องชายเสียชีวิต
สุดท้ายนี้ตนก็อยากให้ผู้ก่อเหตุ มาขอขมาศพของน้องชายตน เพราะตนอยากเห็นหน้าคนที่ฆ่าน้องชายของตน เพราะตนมีน้องชายแค่คนเดียว และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุยิงนายประพัฒน์ จริง โดยวันเกิดเกตุผู้เสียชีวิตได้มาทวงเงินและมีปากเสียงกัน ซึ่งสังเกตเห็นว่าผู้เสียชีวิต พกกระเป๋าสะพายข้างมาด้วย คิดว่ามีอาวุธปืนอยู่ภายใน จึงคว้าอาวุธปืนของตัวเองยิงใส่คู่อริจนเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พกพาอาวุธปืนฯ และคัดค้านการประกันตัว