กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำวันที่ 1 เมษายน 2563 สถานการณ์ในประเทศไทย ผู้ป่วยกลับบ้านได้ 74 ราย ผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 120 ราย
กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 51 ราย มีรายละเอียดดังนี้ สนามมวย 1 ราย สถานบันเทิง 11 ราย สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 38 ราย และร่วมพิธีทางศาสนาที่มาเลเซีย 1 ราย
กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 39 ราย มีรายละเอียดดังนี้ ผู้เดินทางร่วมพิธีกรรมทางศาสนาที่ประเทศอินโดนีเซีย 16 ราย ชาวต่างชาติ 2 ราย อาชีพเสี่ยง 14 ราย บุคลากรทางการแพทย์ 1 ราย และคนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 6 ราย
กลุ่มที่ 3 ได้รับผล lab ยืนยันพบเชื้อ อยู่ระหว่างรอประวัติและสอบสวนโรค 30 ราย
โดยสรุปวันนี้ มีผู้ป่วยกลับบ้านแล้ว 416 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล 1,343 ราย เสียชีวิตรวม 12 ราย รวมมีผู้ป่วยสะสม 1,771 ราย
โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตอายุ 60 ปี ชื่อว่า นายอนันต์ พบเสียชีวิตบนขบวนรถไฟจากกรุงเทพฯ-ปลายทางสุไหงโกลก ถือตั๋วโดยสารรถนอนปรับอากาศชั้นที่ 2 ขบวนด่วนพิเศษทักษิณที่ 37 วันที่ 30 มี.ค.63 คันที่ 4 เลขที่ 28
เดินทางจากสถานีชุมทางบางซื่อ – สุไหงโกลก ซึ่งศพได้ส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลอำเภอทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยขบวนรถถึงสถานีทับสะแก ซึ่งผลชันสูตรครั้งแรกพบว่าเสียชีวิตจากโรคเบาหวาน และหลังจากนั้นทางโรงพยาบาลทับสะแก ได้นำสารคัดหลั่งไปตรวจที่ จ.สมุทรสาคร ล่าสุดได้รับแจ้งจากกระทรวงสาธารณสุขอำเภอทับสะแก พบว่ามีเชื้อไวรัสโควิด-19
โดยระหว่างทางผู้เสียชีวิต มีอาการไอ อาเจียน เมื่อถึงช่วงสถานีหัวหิน เจ้าหน้าที่ประจำรถไฟได้ประสานเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นมาตรวจสอบ พบว่ามีอาการไอ และอาเจียนลดลง และตรวจวัดอุณหภูมิได้ที่ 36 องศาเซลเซียส จึงแนะนำให้ผู้เสียชีวิตลงพักรักษาตัวที่หัวหิน
แต่ผู้เสียชีวิตต้องการเดินทาง เมื่อถึงบริเวณสถานีทับสะแก 00.30 พบว่าผู้โดยสารล้มลงและเสียชีวิตหน้าห้องน้ำ จึงให้ขบวนรถหยุด เพื่อให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้ามาตรวจสอบ โดยมีผู้ร่วมตู้รถไฟ 20 คน และเมื่อตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิต เดินทางมาจากปากีสถานและมีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศปากีสถาน
ทางทีมข่าวได้คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด ขณะที่นายอนันต์ มาซื้อตั๋วรถไฟ เพื่อจะเดินทางไปยังสถานี รถไฟอำเภอสุไหงโกลก จ.นราธิวาส โดยผู้เสียชีวิตได้แต่งกายชุดสีขาว เสื้อกักสีฟ้าทับ สวมหมวกกะปิเยาะห์ ที่สำคัญมีหน้ากากอนามัยห้อยอยู่ที่หู แต่ไม่ได้สวม เดินไปในช่องซื้อตั๋วที่ 3 แล้วไอใส่ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้า ก่อนย้ายไปช่องที่ 1 และเดินออกไป
นายดุล (นามสมุติ) ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า ผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาซื้อตั๋วรถไฟในวันที่ 30 มี.ค.63 เวลา 10.00 น. มีกระเป๋า 3-4 ใบ วัดไข้ได้ 36.08 องศาเซลเซียส และผู้เสียชีวิตก็ปฏิเสธว่าไม่มีอาการใด ปกติทุกอย่าง จากนั้นผู้เสียชีวิตก็ได้ไปนั่งรอตรงเก้าอี้ ตรงกันข้ามกับที่ขายตั๋วรถไฟ หลังมีข่าวออกมาตนตกใจมาก ยังนึกว่าเป็นผู้โดยสารท่านใด และตนก็พบว่าวันที่เกิดเหตุผู้เสียชีวิตได้มาจุดที่คัดกรองจริง
ก่อนหน้านั้น ทางสถานีรถไฟก็ได้มีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้ออยู่แล้ว ตั้งแต่เวลาเช้าและเวลาเย็น ตามโต๊ะตามพื้น ส่วนตนก็มีวิธีการดูแลตนเองคือมีแอลกอฮอล์คอยฉีดตัว เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ สวมถุงมือ และสวมหน้ากากอนามัย ทางการรถไฟแห่งประเทศไทยได้มีการส่งอุปกรณ์ป้องกันต่างๆมาให้ตลอด และหลังจากนี้อาจจะมีมาตรการที่คอยดูแลพนักงานอย่างเข้มงวด
หลังจากที่มีข่าวออกมาทาง การรถไฟแห่งประเทศไทยได้ให้เจ้าหน้าที่มาฉีดพ่นฆ่าเชื้อในบริเวณจุดที่ผู้เสียชีวิตได้มาซื้อตั๋วคือช่อง 1 และช่อง 3 โดยจะเน้นช่อง 3 เป็นพิเศษ
ทั้งนี้ทีมข่าวของเรายังได้ไปพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ที่ดูแลสถานีรถไฟบางซื่อ เผยว่า หลังจากมีข่าวออกมาหลังบุคลากรทางสถานีรถไฟบางซื่อตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะขนาดที่มีการคัดกรอง และวัดไข้อุณหภูมิของผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 36.08 และมีอาการปกติ
นอกจากนี้ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ขอให้กักตัวเจ้าหน้าที่จำหน่ายตั๋ว บซ.ช่อ 1037 เวรจำหน่ายช่วงเวลา 10.27 น.วันที่ 29 มีนาคม 2563 โดยให้ออกจากครอบครัวและติดตามอาการรายงานให้ทราบทุกวัน กักตัวพนักงานรถนอนคันดังกล่าว โดยปฏิบัติเข่นเดียวกันกับข้อ 1 ให้บนท.ป.1064 สาธารณสุขทับสะแกฉีดยาฆ่าเชื้อ เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2563 ถึง กรุงเทพฯแล้ว กักรถไว้ไม่น้อยกว่า 2 วัน แล้วทำความสะอาดหนัก รื้อผ้าม่านทุกขิ้นเครื่องนอนทำความสะอาดฆ่าเชื้อ เครื่องนอนที่ผู้เสียชีวิตใช้แยกออกแจ้งบริษัทซักผ้าเผาทำลาย พร้อมตรวจสอบพนักงานรถเสบียงขบวนดังกล่าวว่าใกล้ชิดผู้เสียชีวิตหรือไม่แล้วดำเนินการตามขั้นตอนควบคุมโรค สุดท้ายตรวจสอบพนักงานรักษารถขบวนดังกล่าวว่าสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้เสียชีวิตดังกล่าวหรือไม่แล้วดำเนินการตามมาตรการควบคุมโรค เป็นเวลา 14 วันและให้ไปตรวจร่างกายว่าพบเชื้อหรือไม่