จากกรณีวันที่ 8 เม.ย. 63 สาวกัมพูชาใช้เชือกไนล่อนสีขาวผูกคอตัวเองกับกิ่งต้นหว้า สูงประมาณ 10 เมตร ในป่า ม.9 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ชาวบ้านในพื้นที่คิดว่าเป็นอาถรรพ์ตัวตายตัวแทน เนื่องจากเมื่อปี 2560 เคยมีชายชาวไทย 1 คน และปี 2561 มีชายชาวกัมพูชา 1 คน มาผูกคอตายโดยใช้กิ่งต้นหว้าเดียวกัน รวมเป็น 3 ศพ
(อ่านเพิ่มเติม : ต้นหว้าอาถรรพ์ผูกคอ 3 ศพ กู้ภัยอึ้งใช้กิ่งเดียวกัน ญาติเชื่อผีปลุกไปหาตอนตี 4)
วันที่ 9 เม.ย. 63 ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดเขาชีธรรมนิมิต อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นวัดที่ทางครอบครัวของนางจูเฮียง ผู้เสียชีวิต นำร่างมาทำพิธีฌาปนกิจในช่วงเช้า
นายอกวน อายุ 45 ปี สามีของนางจูเฮียง และนางสาวเกิ่มฮีอก อายุ 27 ปี ลูกสาวของนางจูเฮียง ชาวกัมพูชา เปิดเผยว่า นางจูเฮียงฝันเรื่องเดิมซ้ำ ๆ มาตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ที่ 5 เม.ย. 63 ฝันว่าเห็นชายกัมพูชามายืนอยู่ปลายเตียง พูดด้วยสีหน้านิ่งเฉยว่า "ไปหาหน่อย"
โดยในเช้ามืดของวันที่ 8 เม.ย. 63 เวลาประมาณ 04.00 น. ขณะที่พวกตนกำลังนอนหลับสนิทอยู่ในห้องนอน นางจูเฮียงก็ได้เดินออกจากห้องนอนไป คิดว่าออกไปซื้ออาหารเช้า แต่ไม่กลับมา จนเจอว่าผูกคอตายบนกิ่งต้นหว้าเสียชีวิตแล้ว
สามีของนางจูเฮียง เล่าต่อว่า ตนไม่รู้จักกับชายกัมพูชาที่ผูกคอตายบนกิ่งไม้ก่อนหน้านี้ แต่ตนคิดว่าคนที่นางจูเฮียเห็นในฝัน น่าจะเป็นชายกัมพูชาที่ตายไปก่อนหน้า จึงอยากให้ตัดต้นหว้าทิ้ง เพราะตนไม่อยากเห็นต้นไม้ที่พรากชีวิตภรรยาของตนไป สิ่งที่ตนเสียใจที่สุดคือการจากกันโดยไม่ได้ร่ำลา เพราะอยู่ด้วยกันมา 30 ปี
โดยเมื่อปี 2560 ชายไทยผูกคอเสียชีวิต รายที่ 1 ต่อมาปลายปี 2561 นายฮองเซียน อายุ 37 ปี ชาวกัมพูชา ผูกคอเสียชีวิตรายนที่ 2 และล่าสุดนางจูเฮียง อายุ 49 ปี ชาวกัมพูชา ผูกคอเสียชีวิต บนต้นไม้ต้นเดียวกันเป็นรายที่ 3
ทั้งนี้ จุดที่ตั้งของต้นไม้ อยู่บริเวณกลางพื้นที่ลานดินมีหญ้ารกร้าง ใกล้กับอะพาร์ตเมนต์สูง 9 ชั้น ซึ่งชาวบ้านมักจะใช้พื้นที่ตรงนี้ออกกำลังกาย ทำกิจกรรมกลางแจ้ง และเล่นกีฬา
นายทองหล่อ พารุณ อายุ 48 ปี เพื่อนของนายฮองเซียน ผู้เสียชีวิตรายที่ 2 เล่าว่า ตนรู้จักกับครอบครัวของนางจูเฮียง ผู้เสียชีวิตรายที่ 3 มาตั้งแต่ปี 2555 โดยในวันเกิดเหตุนางจูเฮียงได้ออกจากห้อง เพื่อไปซื้อข้าวต้มนำมาให้สามีและลูกตามปกติ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็ไม่กลับมา ญาติได้ออกตามหานางจูเฮียง แล้วแวะปลดทุกข์เบาแถวต้นหว้า ในลานวอลเลย์บอลที่ชาวกัมพูชาชอบไปเล่นกัน
ก่อนจะพบนางจูเฮียงผูกคอหมดลมหายใจ ขาห้อยลงมาจากกิ่งต้นหว้า ซึ่งทางครอบมาทราบภายหลังว่าเชือกที่ใช้ผูกคอ คือเชือกที่ใช้แขวนผ้าม่านกั้นห้องนอนที่นางจูเฮียงตัดมา
นายทองหล่อ เล่าต่อว่า ช่วงเย็นของวันที่ 8 เม.ย. 63 ขณะที่ตนเดินทางไปรับศพนางจูเฮียงกับสามีของนางจูเฮียง ที่โรงพยาบาลแหลมฉบัง เจอกับพระรูปหนึ่งที่หน้าห้องเก็บศพ พระพูดขึ้นมาว่า "ช่วงเวลานี้เป็นช่วงวันโกน วันพระ ใครที่ดวงตกหรือมีธาตุต่ำ ก็จะมีเหตุตัวตายตัวแทน เพราะผีมา" ซึ่งวันพระคือวันที่ 7 เม.ย. 63 ทำให้ตนเชื่อเรื่องตัวตายตัวแทน เพราะนางจูเฮียงกับครอบครัวรักกันดี ไม่มีปัญหาทางการเงิน ไม่มีเหตุผลให้ฆ่าตัวตาย
นอกจากนี้ ตนเองรู้จักนายฮองเซียน อายุ 37 ปี ชาวกัมพูชาที่ผูกคอตายบนกิ่งต้นหว้าก่อนหน้า เป็นพนักงานโรงงาน เมื่อเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง จึงเดินทางกลับประเทศกัมพูชา แล้วกลับมาประเทศไทย พบว่าโรงงานรับพนักงานคนใหม่ไปแล้ว เจ้าตัวจึงตกงานอยู่ประมาณ 1 เดือน จึงเดินทางไปหาพี่สาวที่ อ.ศรีราชา พี่สาวบอกว่า "เลี้ยงตัวเองไม่ได้เหรอ เมียก็ช่วยเลี้ยงลูกแล้ว ตัวเองก็ทนเอาหน่อย ถ้าไม่ได้ก็ไปผูกคอตายซะ" เวลาผ่านไป 2 วัน ก็มีคนไปพบร่างของนายฮองเซียนผูกคอเสียชีวิตแล้ว
ถ้าเป็นไปได้ ตนอยากจะฝากเจ้าของที่ดินให้เข้ามาจัดการดูแล ตัดต้นหว้าทิ้ง หรือหากเป็นที่ของเอกชน ก็อยากจะวิงวอนพิจารณาโค่นต้นหว้านี้ทิ้ง เนื่องจากทุกปีจะมีคนมาผูกคอตาย ตนไม่อยากจะให้มีรายที่ 4 เกิดขึ้น
นางพิรุณ อายุ 37 ปี ชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์เดียวกับผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ขณะนี้ชาวกัมพูชาทุกคนในพื้นที่ละแวกนี้กลัวอาถรรพ์ต้นหว้ากันมาก สังเกตได้จากปกติผู้ชายกับเด็ก รวมกว่า 30-50 ชีวิต จะไปเล่นวอลเลย์บอลกันที่ใต้ต้นหว้า ในช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ทุกวัน แต่ตั้งแต่เกิดเหตุ ก็ไม่มีใครกล้าไปลานนั้นอีก
นอกจากนี้ ชายกัมพูชา ผู้เสียชีวิตรายที่ 2 เคยอยู่ตึกห้องเช่าเดียวกันกับผู้เสียชีวิตรายที่ 3 อยู่ห่างกันประมาณ 3-4 ห้อง ตนจึงคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่วิญญาณของผู้เสียชีวิตรายที่ 2 ยังคงวนเวียนอยู่แถวห้องเช่าที่เคยอยู่ ตนเชื่อ 100%