มือมืดจุดไฟเย้ยกฎหมาย เผาหญ้าแห้งหลังศาลากลาง จ.เชียงใหม่ ควันโขมง ส่ง ฮ. โปรยน้ำดับทัน

เมื่อวันที่ 12 เม.ย.63 เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากหลายหน่วยงานในพื้นที่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ รวมเพลิงทั้งสิ้นกว่า 10 คัน ระดมกำลังเข้ามาฉีดน้ำดับเพลิงที่กำลังเผาไหม้หญ้าแห้งและกองขยะบริเวณลานจัดกิจกรรมงานฤดูหนาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งอยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้สืบทราบว่าเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่าน ได้มีมือดีแอบเข้ามาจุดไฟเผา จนทำให้เกิดเป็นเพลิงลุกไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็ว สร้างความเสียหายจำนวนหลายไร่ โดยสถานที่ดังกล่าวนั้นจากการตรวจสอบพบว่ามีการนำขยะ ยางรถยนต์ เข้ามาทิ้งไว้ และกองทับถมกันอย่างแน่นหนา รวมถึงซากใบไม้กิ่งไม้ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ลุกลามอย่างรวดเร็วและรุนแรง

โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้กำลังพลกว่า 50 นาย กว่าจะควบคุมและใช้เวลาประมาณกว่า 1 ชม. จึงจะสามารถควบคุมเพลิงได้ทั้งหมด ทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดหมอกควันปกคลุมเป็นจำนวนมาก ประชาชนที่ขับรถสัญจรไปมาสามารถรับรู้ได้จากการหายใจ ทำให้แสบคอ แสบหู แสบตา

อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ได้ขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ Mi-17 บินขึ้นโปรยน้ำเพื่อดับเพลิงโดยหลังจากที่ควบคุมกองไฟนี้ได้ เจ้าหน้าที่จึงเข้าเคลียร์บริเวณตอไม้ต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไฟได้ดับสนิท และป้องกันไฟที่อาจจะปะทุขึ้นมาอีกเป็นครั้ง

นายคมสัน สุวรรณอัมพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมประชุมกับคณะทำงานศูนย์บัญชาการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งได้ประชุมกับ 5 อำเภอที่มีจุดความร้อนเกิดขึ้นมากที่สุด ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ได้แก่ อ.อมก๋อยและ อ.เชียงดาว อย่างละ 5 จุด รองลงมา อ.กัลยาณิวัฒนา และ อ.แม่แจ่ม อย่างละ 2 จุด และ อ.แม่แตง 1 จุด

จากการวิเคราะห์และติดตามสถานการณ์เพื่อปรับแผนการดับไฟป่าในแต่ละพื้นที่พบว่า อ.อมก๋อย มีบางจุดบุกรุกพื้นที่ป่าเพิ่มเติม และ อ.กัลยาณิวัฒนา พบว่าเกิดไฟป่าในพื้นที่ทางการเกษตรอย่างชัดเจน จึงสั่งให้ทางอำเภอส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปติดตามและดำเนินคดีโดยด่วน

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดี แจ้งความไปจำนวน 26 คดี ในพื้นที่ 9 อำเภอดังนี้ อ.ฝาง 3 คดี อ.เวียงแหง 2 คดี อ.แม่วาง 1 คดี อ.แม่อาย 1 คดี อ.เชียงดาว 3 คดี อ.อมก๋อย 9 คดี, อ.สะเมิง 3 คดี, อ.ฮอด 3 คดี และ อ.แม่ริม 1 คดี ทั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 1 ราย พร้อมของกลางรถจักรยานยนต์ 1 คัน, มีด 1 ด้าม พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาลักลอบเข้าไปในเขตอุทยานฯ ดอยผ้าห่มปก

ทั้งนี้สถานการณ์โดยรวมของจังหวัดดีขึ้น จุดความร้อนในพื้นที่ลดลง ส่วนในพื้นที่ดอยสุเทพสถานการณ์ดีขึ้นไม่เกิดจุดความร้อนในพื้นที่ โดยได้เน้นย้ำให้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามทางจังหวัดได้มีคำสั่งห้ามคนเข้าป่าอย่างเด็ดขาด และเพิ่มเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนเฝ้าระวังในพื้นป่าอย่างจริงจัง ตั้งจุดตรวจจุดสกัดและการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวด โดยไม่มีข้อยกเว้น