วันที่ 13 เม.ย. 63 เมื่อเวลา 02.00 น. ที่ผ่านมา ตำรวจงานป้องกันปราบปราม สภ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้รับแจ้งว่ามีชายคลั่งเนื่องจากเสพยาอย่างหนัก และถืออาวุธปืนอยู่ในมือ ขู่ที่จะยิงใส่ผู้เข้าใกล้ตลอดเวลา ที่บ้านถนนรัตนอุทิศ เขตเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา
เจ้าหน้าที่ได้นำเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการเวหา และชุดวิหคของงานปราบปราม สภ.หาดใหญ่ รวม 10 นาย เข้าไปตรวจสอบและควบคุมเหตุการณ์ พบว่าชายคลุ้มคลั่งขังตัวอยู่ในห้องนอนชั้น 2 ของบ้าน และล็อกประตู ทราบชื่อคือนายปณภัทร อายุ 40 ปี
นางอนงค์ แม่ของผู้ก่อเหตุ พยายามเกลี้ยกล่อมอยู่นานเกือบ 30 นาที แต่ก็ไม่เป็นผล และพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง ผู้ก่อเหตุอยู่ในอาการมึนเมา และไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ระหว่างนั้นได้ยินเสียงคล้ายกันมีการเหนี่ยวไกปืนเพื่อยิงตัวเอง แต่กระสุนด้าน และมีเสียงกระสุนปืนตกบนพื้น คล้ายการเปลี่ยนกระสุนใหม่
จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจพังประตูเข้าไปภายในห้อง พบว่านายปณภัทรได้ใช้เชือกผูกคอตัวเองกับขื่อหลังคา จึงได้ช่วยปลดเชือกนำตัวลงมาได้อย่างปลอดภัย ในสภาพที่ลำคอมีรอยแดง พบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ขนาด .38 ตกอยู่ที่พื้นที่ ในลำกล้องมีกระสุนปืน 9 มม.1 นัด และกระสุนปืน 9 มม.อีก 2 นัด กระสุนปืน .357 อีก 1 นัด ตกอยู่ที่พื้น และอุปกรณ์เสพยาไอซ์
เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหามีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1
นางอนงค์ แม่ของนายปณภัทร เล่าว่า ลูกชายดื่มเหล้าเมาแล้วอาละวาด เนื่องจากเครียด เพราะตอนนี้ลูกไม่มีเงิน และยังออกไปไหนไม่ได้ จึงเอาปืนออกมา เมื่อเห็นตํารวจมาล้อมบ้านลูกชายก็จะยิงตัวตาย แต่กระสุนด้าน เลยตัดสินใจผูกคอตายเมื่อคืนนี้ ซึ่งตํารวจก็พังประตูเข้าไปช่วยได้ทัน
ขณะที่ตํารวจให้ตนไปหลบอยู่กับญาติในที่ปลอดภัย เพราะเกรงว่าลูกชายอาจกระโดดลงมาจากหน้าต่างแล้วคลุ้มคลั่ง จับตนเป็นตัวประกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกชายไม่ได้บอกตนเองว่าเครียดเรื่องอะไร ตนมารู้ว่าเป็นเรื่องเงิน 5,000 บาท เพราะหลานชายโทรศัพท์มาบอกว่าลูกชายให้ปากคํากับตํารวจ
นางสาวเจ พี่สาวของนายปภัทร เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุช่วงหัวค่ำ น้องชายบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้คงจะไม่เห็นเขาแล้ว แต่ตนไม่ได้เอะใจ ไม่คิดว่าจะคิดสั้น ซึ่งตอนนั้นน้องชายไม่ได้มีอาการเมา แม้ว่าจะดื่มเหล้า ส่วนเรื่องเงิน 5,000 บาท ตนเองก็รอผลอยู่เช่นกัน แม้ตนยังประกอบอาชีพได้ แต่รายได้ลดลง ภาระหนี้สินก็ยังต้องจ่ายทุกเดือน ส่วนน้องชายเขาไม่มีโทรศัพท์ สมุดบัญชีก็ไม่มี ตนจึงลงทะเบียนให้ ซึ่งก็รอคําตอบนานหลายวัน กระทั่งวันศุกร์ที่ผ่านมา เขาก็มาขอร้องให้เช็กสถานะการลงทะเบียน ตนจึงบอกไปว่าอย่าหวัง เยอะ เพราะเห็นจากในโซเชียลระบุว่ามีเงื่อนไขที่ผู้มีเลขที่บัญชีไม่ตรงกับบัตรประชาชน ก็จะไม่มีสิทธิ์รับเงิน ซึ่งจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้รับข้อความตอบกลับมา อีกทั้งมีคนที่ลำบากกว่าที่ควรจะต้องได้รับเงินเยียวยา
ปกติน้องชายเป็นคนอ่อนโยน ดื่มเหล้า แต่ไม่เกเร ไม่หาเรื่องใคร ซึ่งในอดีตน้องชายเคยเครียดและอาละวาด แต่ไม่รุนแรงขนาดนี้ ส่วนอาการของน้องชายล่าสุด สงบสติอารมณ์ได้แล้ว