พระป่าใช้เลื่อยพังด่านโควิด อ้างไม่อ่านป้าย ชี้โค่นป่าเดี๋ยวปลูกคืน-รัฐจ่อจับ (คลิป)

จากกรณี นายสุทัศน์ ยาวิชัย ปลัดอาวุโสอำเภอแม่สรวย พร้อมด้วย หน.หน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้แม่สรวย สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 (เชียงราย) และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบบริเวณสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งตั้งอยู่บนดอยช้าง ต.วาวี อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ภายหลังได้รับการร้องเรียนว่ามีการลักลอบตัดไม้บริเวณสำนักสงฆ์เป็นจำนวนมากโดยไม่ได้รับอนุญาต

จากการตรวจสอบพบต้นไม้ใหญ่จำนวนหลายต้นถูกตัดโค่นล้ม เตรียมเคลื่อนย้ายและพบเป็นท่อนซุงจำนวนมาก และยังพบร่องรอยการแปรรูปและเตรียมนำไปใช้ประโยชน์ จึงทำการตรวจยึดและนำมาเก็บไว้ที่ สภ.แม่สรวย และยังพบว่ามีการใช้เลื่อยยนต์ไฟฟ้าทำลายด่านโควิด-19 ของหมู่บ้านเพื่อเกณฑ์คนเข้ามากระทำผิดด้วยนั้น

วันที่ 14 เม.ย.63 พระวิสาร อนาลโย พระประจำสำนักฆงค์ (สำนักสงฆ์พุทธอุทยานดอยช้าง) บอกว่า ส่วนตัวยอมรับผิดกรณีที่ไปทำลายด่านโควิด-19 ของชาวบ้าน โดยที่ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์และไม่รู้จะไปบอกใคร เนื่องจากมีลูกศิษย์เดินทางมาจากต่างจังหวัด แต่ไม่สามารถเข้าหมู่บ้านได้จึงใช้สมองอันน้อยนิดและไม่เข้าใจเกี่ยวกับทางโลกตัดสินใจนำเลื่อยไฟฟ้าไปเปิดด่าน 

ส่วนกรณีเรื่องของการตัดไม้หลังสำนักสงฆ์ ยอมรับว่าตนเองไม่ทราบว่าทำได้หรือไม่ เพราะต้นไม้ที่ตนเองรวมถึงพระในวัดได้มีการตัดด้วยเลื่อยไฟฟ้านั้นเป็นต้นไม้ที่เคยปลูกเอาไว้เมื่อ17 ปีก่อน ตั้งแต่ยุคของเจ้าอาวาสคนก่อน ปัจจุบันตนเองจึงได้เข้ามารับช่วงและพัฒนาสำนักสงฆ์แห่งนี้ต่อ โดยมีการใช้ไม้ในเขตพื้นที่วัดก่อสร้างเป็นอาคารในสำนักสงฆ์ ซึ่งคิดว่าเป็นไม้ที่ปลูกเองตัดแล้วไม่ผิดกฎหมาย อีกทั้งไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาให้ความรู้ รวมถึงศึกษาแต่พระธรรมแต่ไม่เคยศึกษาเกี่ยวกับทางโลก

ยืนยันว่าไม่เคยนำไม้ไปขายให้กับบุคคลภายนอก หลังจากนี้เตรียมจะปลูกทดแทน อีกทั้งยังเข้าใจและพร้อมรับผิดเกี่ยวกับการตัดไม้ทำลายป่า ซึ่งให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายโดยจะไม่มีการหนี โดยถือว่าครั้งนี้เป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่

ด้าน นายชาญชัย พิสัยเลิศ ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.วาวี บอกว่า ภายหลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ก็พบพฤติกรรมของพระในสำนักสงฆ์ มีการทำลายด่านโควิด-19หลังหมู่บ้านซึ่งชุมชนได้มีการปิดเส้นทางดังกล่าว เพื่อให้ใช้เส้นทางหลักในการตรวจคัดกรอง แต่พฤติกรรมของพระรูปดังกล่าวได้ใช้เลื่อยยนต์ไฟฟ้าตัดไม้กั้นและเปิดออก โดยไม่แจ้งให้ฝ่ายปกครองและสาธารณสุขหมู่บ้านรับทราบ

นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งจากชาวบ้านอีกว่าพระรูปดังกล่าวรวมถึงลูกศิษย์ที่เข้ามาได้มีการทำผิดกฎหมายฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน โดยพากันไปตัดไม้ทำลายป่าหลังสำนักสงฆ์ เพื่อสร้างอาคารโรงอาหารและหอปฏิบัติธรรม

ในฐานะฝ่ายปกครองได้ร่วมกับป่าไม้เข้าดำเนินการตรวจสอบ จนพบว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริง จึงได้มีการลงโทษและเอาผิด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง โดยปรับเป็นเงินจำนวน 10,000 บาท และให้ลูกศิษย์ที่เข้ามาอยู่ภายในสำนักสงฆ์กลับออกจากพื้นที่ ส่วนเรื่องของคดีตัดไม้ทำลายป่าได้มอบให้กรมป่าไม้เป็นผู้ดำเนินการต่อในการแจ้งความ