จากกรณีมีผู้เสียชีวิต 31 รายในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ในบ้านพักคนชราเฮอร์รอน เมืองมอนทรีออล รัฐควิเบก ประเทศแคนาดา โดยพบว่าเกี่ยวข้องกับโควิด-19 อย่างน้อย 5 คนและผู้เสียชีวิตที่เหลือกำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบ
เหตุการณ์ครั้งนี้จุดประเด็นให้เกิดการสอบสวนเกี่ยวกับสภาพความเป็นอยู่คนชราในบ้านพักต่าง ๆ ว่าได้รับการดูแลดีเพียงพอหรือไม่ โดยพบว่าผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในแคนาดา อย่างน้อย 1,250 คน มากกว่าครึ่งเป็นคนชราที่อาศัยอยู่ตามสถานที่รับดูแล
บ้านพักคนชราเฮอร์รอน ถูกเปิดโปงเมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้เข้าทำการช่วยเหลือ หลังพบว่าเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่ไปทำงานเนื่องจากคาดว่ามีการระบาดของโควิด-19 ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเมืองพบว่าคนชราหลายคนขาดน้ำและอาหาร ต้องนอนนิ่ง ๆ บนเตียง บางคนนอนอยู่ในผ้าอ้อมที่เต็มไปด้วยของเสีย หลายคนนอนอยู่บนพื้น และมีผู้เสียชีวิต 2 คนถูกทิ้งไว้โดยไม่ได้รับความสนใจนานหลายวัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-
โควิด-19 ระบาดบนเรือบรรทุกเครื่องบิน ลูกเรือติดเชื้อเกือบ 700 นาย
-
นักวิจัยเผย เชื้อโควิด-19 สุดอึด เจอความร้อน 60 องศายังไม่ตาย
กรณีนี้สร้างความโกรธแค้นอย่างมากให้กับบรรดาลูกหลานของผู้ที่อาศัยในบ้านพักคนชราแห่งนี้ ลูกสาวคนหนึ่งเปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา แม่ของเธอถูกทิ้งไว้บนวีลแชร์พร้อมกับผ้าอ้อมที่เต็มไปด้วยอุจจาระนานกว่า 3 ชั่วโมง พยายามกดปุ่มขอความช่วยเหลือแต่ก็ไม่มีใครมาช่วย โดยขณะนั้นเธอมีอาการท้องเสียเนื่องจากติดโควิด-19 และตอนนี้ถูกส่งตัวรักษาที่รพ.แล้ว
ทั้งนี้สาธารณสุขประจำเมือง ได้เข้ายึดบ้านพักคนชราดังกล่าวและดำเนินคดีกับเจ้าของในข้อหาปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร้มนุษยธรรม และทารุณกรรม ในขณะที่ฟร็องซัว เลอโกลต์ ผู้ว่าการรัฐควิเบก ออกมาประนามถึงการปล่อยปละละเลยนี้ โดยเหลือผู้ดูแลเพียง 2 คน ดูแลคนชรากว่า 130 ชีวิต ด้านสื่อของแคนาดาได้ออกมาเปิดเผยว่าเจ้าของบ้านพักคนชราเคยมีคดีค้ายา ฉ้อโกง และหนีภาษีอีกด้วย
ขอบคุณภาพ - CityNews