สงสัยว่านักแสดงหนุ่ม ฟลุ๊ค เกริกพล จะไม่ค่อยได้ออกงานอีเว้นท์สักเท่าไหร่ เพราะเมื่อวันก่อน นักข่าวไปเจอเจ้าตัว ก็เลยขออัพเดตเรื่องราวชีวิตสักหน่อย โดย ฟลุ๊ค ก็ตอบด้วยความอารมณ์ดีทุกคำถาม เริ่มกันที่เรื่องอาการป่วยของน้องอชิ ว่า “น้องอชิเป็นไวรัสลงกระเพาะครับ ก็เข้าโรงพยาบาลไป 1 วัน คือมีอาการตัวร้อนมาก ต้องเช็ดตัวให้ตลอด สาเหตุไม่ทราบจริงๆ แต่เดาว่าน่าจะอาหาร เขาก็มีให้น้ำเกลือ วันรุ่งขึ้นก็ดีขึ้น พอพาส่งโรงพยาบาลคุณโบว์ก็ดูต่อเพราะผมมีบิน ไม่รู้สึกกลัวว่าลูกจะช็อคเพราะคิดว่าแค่อ่อนเพลีย น่าจะเอาอยู่
ในเรื่องความสะอาดผมดูแลมากอยู่แล้ว แต่เขาอาจจะเผลอตอนเล่นเกม คือเล่นเกมอยู่เล่นหยิบขนมกินแล้วก็เล่นเกม ผมว่าตรงนี้แหละ ซึ่งผมก็เตือนนะไม่ใช่ไม่เตือน แต่คนมันเผลออ่ะ ผมเดาว่าไม่น่าจะกลับมาเป็นแล้ว เพราะเป็นแล้วคงไม่เป็นอีก ถามว่าป่วยแบบนี้บ่อยไหม ไม่นะ ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัด 3 เดือน 4 เดือนเป็นทีหนึ่ง ค่อนข้างจะได้ใช้ประกันครับ แต่ถ้าแอดมิทน่าจะเป็นรอบแรกในรอบหลายปี”
เมื่อถามว่า มีแพลนจะส่งลูกไปเรียนต่างประเทศหรือไม่ ฟลุ๊ค บอกว่า “ผมมีลูกคนเดียว มันคิดถึงอ่ะ ไม่อยากให้ไป คือไปอะมันอาจจะดีในส่วนที่เขาได้เรียนรู้การดูแลตัวเอง ซึ่งการไปเรียนเมืองนอกจริงๆ แล้วถ้าเทียบกับการเรียนอินเตอร์ที่เมืองไทยคิดว่าถูกกว่า แต่ว่ายอมจ่ายแพงดีกว่าได้อยู่กับลูก และเอาจริงๆ ลูกก็คงไม่ใช่นักวิชาการ ลูกคงจะไม่เป็นเกียรตินิยมอันดับ 1 เหรียญทอง ดังนั้น เรียนที่ไหนก็คงไม่ต่างกันมากหรอก ซึ่งตัวเขาเองก็ไม่ได้อยากไป แต่ถ้าเขาอยากไปค่อยคิด คือทุกวันนี้ยังนอนกอดกันอยู่ แต่ถ้าเมื่อไหร่เลิกกอดค่อยส่งไป”
แล้วได้ปรึกษาเรื่องการส่งลูกไปเรียนกับ โบว์ ไหม “คือถ้าจะไปโอกาสไปที่อเมริกาสูงกว่าอังกฤษ แต่ว่าการส่งลูกไปเรียน คืออยากให้ลูกได้ภาษา แต่ลูกผมเรียนอินเตอร์อยู่แล้วเรื่องภาษาก็ไม่จำเป็นแล้ว เหลือแต่เรื่องการเรียนรู้ในการดูแลตัวเอง ก็ส่งไปแค่ซัมเมอร์ก็ได้มั้ง เดือนหนึ่งก็ต้องดูแลตัวเองแล้ว ในมุมผมนะ เดี๋ยวนี้อชิเริ่มติดเพื่อน บางวันมีบอกว่าให้คนรถไปส่งหน่อยจะไปห้างกับเพื่อน เขาก็จะไปเที่ยวกับเพื่อนทุกอาทิตย์เลย ถามว่าติดลูกขนาดไหนก็เรียกกอดทั้งวัน บอกให้เลิกเล่นเกมมากอดพ่อก่อน"
พอเขาเริ่มโตขึ้นมีห่วงเรื่องสาวๆ บ้างหรือยัง “ ห่วงว่าจะไม่มีมากกว่า คือตอนนี้ติดเกม แล้วก็เล่นกับเพื่อนผู้ชายเยอะ แล้วคือไม่มีวี่แววว่าจะชอบผู้หญิงเลย ยิ่งเครียดมากกว่า ตอนนี้เลยอยากให้มีมาก เพราะดูเขาไม่ค่อยสนใจเลยอ่ะ มีแอบถาม เขาก็ตอบว่าชอบผู้หญิงแต่เขายังไม่ชอบในโรงเรียน ซึ่งตอนถามผมลุ้นมากเลย ผมอยากมีหลานไง”
เห็นบอกชอบไปไหนกับเพื่อนเราจำกัดเรื่องการใช้เงินไหม “ตอนนี้ผมให้เงินเป็นเงินเดือนแล้ว เพิ่งเริ่มตอนเปิดเทอมประมาณเดือน 2 เดือน ผมให้ไม่เยอะครับ เดือนละ 20,000 บาท เพราะค่าอาหารในโรงเรียนลูกก็ประมาณ 8,000 บาทแล้ว ที่เหลือก็ไปตัดสินใจเองว่าจะซื้อจะใช้อะไร คือต้องการให้เขามีความรู้แล้วก็มีความเข้าใจในการบริหารเงินตั้งแต่เด็กๆ รู้จักเก็บเงิน เอาเงินมาลงทุน เพราะผมก็มีพอร์ทหุ้นเป็นชื่อผม แต่เราลงทุนกันคนละครึ่ง ทุกครั้งที่เขาได้แต๊ะเอียมาผมก็จะบังคับว่า ลูกต้องเก็บกี่เปอร์เซ็นต์เข้าพอร์ทแล้วพ่อก็บริหารให้
ถามว่าถึงขั้นให้บัตรเครดิตไหม มันให้ไม่ได้ แต่เขาก็มีเอทีเอ็มซึ่งเป็นชื่อเรา เขาก็รูดได้ แต่เขาก็จะมีเงินในแบงค์เท่านี้นะ ซึ่งเขามีเหลือทุกเดือน เขาเก็บเงินเก่ง เขาอยากได้อะไรให้ซื้อเอง เราให้เขาตัดสินใจเอง แต่ถ้าเขาไม่ได้ซื้ออะไรเลย อย่างแรกก็คือไม่ได้ใช้ แล้วเขาจะเรียนรู้การใช้เงินได้อย่างไร มันเหมือนผมให้เป็นค่าเรียนลูกมากกว่า ไม่ใช่การตามใจ ค่าเรียนที่เราจ่ายปีหนึ่งจะเป็นล้านอยู่แล้วเนี้ย ให้เพิ่มเดือนละหมื่น มันไม่เยอะหรอก ถ้าลูกได้เรียนรู้การใช้เงิน มันสำคัญไม่น้อยไปกว่าการหาเงิน เพราะถ้าคุณใช้เงินเป็น คุณก็จะเหลือเงินเยอะ ก็เหมือนเป็นนอกห้องเรียนให้ลูก แทนที่จะจ้างครูมาสอนเรื่องการใช้เงิน ก็ให้ลูกใช้เอง”
สุดท้ายนักข่าวก็เลยขอถามเรื่องของ ฟลุ๊ค กันบ้างว่าเมื่อไหร่จะแต่งงานกับหวานใจ นาตาลี สักที “ มันเดินทางเยอะอะ มันมีโปรแกรมการเดินทางตลอดเลย แต่ในใจผมก็ไม่เกินปี สองปีนี้แน่นอน เพราะว่ามันต้องมีแล้ว มันจะแก่แล้ว ผมไม่อยากมีลูกหลังเกษียณ ผมรู้สึกว่าอยากมีลูกเร็วๆ ผมถึงได้มีน้องอชิเร็ว ผมอยากมีไม่เกินอายุ 42 ถามว่าปรึกษาหมอยัง ไม่ต้องปรึกษาระดับนี้ ฟิตอยู่แล้ว ถ้าเปิดปุ๊บต้องมีติดปั๊บ".