เมื่อวันที่ 26 เม.ย.63 ร.ต.อ.ติพล วาดโคกสูง รอง.สว.(สอบสวน) สภ.วังขอนแดง จ.ปราจีนบุรี รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อเบรกแตกพุ่งชนรถกระบะ ทำให้พลิกตะแคงขวางถนนเกิดไฟลุกไหม้ มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลาย บนถนนสาย 304 ช่วงทางลงเขาศาลโทน ก.ม.210 ม.4 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรีจึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมรถดับเพลิง อบต.บุพราหมณ์ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสัจจพุทธธรรมแห่งประเทศไทย จ.ปราจีนบุรี
ล่าสุดวันที่ 27 เม.ย.63 ทีมข่าวเดินทางมาที่ รพ.นาดี ต.สำพันตา อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี โดยทางญาติพี่น้องได้เดินทางมารับร่างผู้เสียชีวิต ทราบชื่อ นางพัชรา กรุณา หรือ แขก อายุ 48 ปี ซึ่งถูกไฟคลอกเสียชีวิต ไปประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดหนองปรือ จ.ชลบุรี โดยน้องชายกับลูกสาวของผู้เสียชีวิตอยู่ในอาการตกใจ และร้องไห้ตลอดเวลา ทั้งนี้น้องชายของผู้เสียชีวิต ได้จุดธูปเรียกวิญญาณที่จุดรับศพ และหลังจากเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาจะเดินทางไปทำพิธีเรียกวิญญาณอีกครั้ง
ทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณปิยพร อยู่สุข อายุ 42 ปี น้องของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 เม.ย.63 เวลาประมาณ 16.30 น. พี่สาวกับแฟนของพี่สาว ได้ขับรถบรรทุกคันที่เกิดเหตุ ขนน้ำตาลทรายมาจาก อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เพื่อนำไปส่งที่ จ.ชลบุรี ก่อนจะถึงศาลเจ้าพ่อปู่โทน รถบรรทุกเกิดเบรกแตก ทำให้เสียหลักพุ่งชนกับรถกระบะ และเสียหลักชนเข้ากับแท่งแบริเออร์ เป็นเหตุให้รถพลิกคว่ำ
จากนั้นร่างของนายวิชาญ คนขับได้กระเด็นออกมาจากรถ ทำให้ศีรษะแตกและขาหัก ขณะนั้นกู้ภัยกับนักข่าวท้องถิ่นได้เข้ามาในพื้นที่ นายวิชาญ กล่าวว่า “ช่วยแฟนหน่อย แฟนติดในรถ” ซึ่งทุกคนกำลังจะเข้าไปช่วย แต่ยางรถกลับเกิดระเบิดขึ้นมาทันที เป็นเหตุให้ไฟลุกท่วมรถ นางพัชรา ซึ่งติดอยู่ภายในรถจึงถูกไฟคลอกเสียชีวิต
ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นโค้งอาถรรพ์ และเชื่อว่าพี่สาวของตนเป็นตัวตายตัวแทน 100% โดยเมื่อ 3 วันก่อน ตรงกับวันที่ 24 เม.ย.63 พี่สาวโทรศัพท์มาคุยกับตนนานผิดปกติ และครั้งสุดท้ายที่คุยกัน พี่สาวกล่าวว่า “อยู่คนเดียวดูแลตัวเองดี ๆ นะ เก็บเงินไว้รักษาตัวเองยามเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่มีใครดูแลแล้วนะ เราอยู่คนเดียวแล้วนะ”
กระทั่งช่วงกลางดึกของวันเดียวกัน ขณะที่ตนกำลังจะนอนหลับ ตนได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินผ่านหน้าบ้านเสียงดัง และได้ยินเสียงนกบินผ่านหน้าบ้าน อีกทั้งเมื่อวันที่ 26 เม.ย.63 เวลาประมาณ 11.00 น. พี่สาวโทรศัพท์มาถามว่าจะมาหาไหม แต่ตนไปไม่ได้ เพราะต้องไปขายของ และเวลา 16.00 น. ตนได้โทรศัพท์หาพี่สาว ประมาณ 10 ครั้ง แต่พี่สาวไม่รับสาย
ขณะนี้ตนยังไม่ทราบอาการของนายวิชาญ ผู้เป็นพี่เขยว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะตนต้องมารับพี่สาวไปบำเพ็ญกุศลก่อน และหลังจากเสร็จสิ้นพิธี ทางครอบครัวจะนิมนต์พระไปเรียกวิญญาณพี่สาวกลับมาอีกครั้ง
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนอยากให้มีหน่วยงานเข้าไปสอดส่องดูแล และอยากให้มีการทำพิธีในพื้นที่ดังกล่าว เพราะเกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก สุดท้ายนี้หากพี่สาวได้ยิน ตนอยากจะบอกว่า ขอให้ไปสบาย ไปสู่ภพภูมิที่ดี และไม่ต้องเป็นห่วงลูกหลาน ทุกคนจะช่วยกันดูแลให้ ส่วนเรื่องงานศพ ตนจะจัดงานให้อย่างดี เพราะตนรักพี่สาวคนนี้มาก
ทีมข่าวได้เดินทางมาเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ สังเกตเห็นว่า ได้รับบาดเจ็บที่ขาข้อเท้าซ้ายหัก ทางด้านของ นายวิชาญ บุญครุฑ 58 ปี คนขับรถพ่วง เปิดเผยว่า ตนขับรถมาตั้งแต่ปี 32 สมัยที่ถนนเส้นที่เกิดเหตุยังเป็นทางลูกรัง และเป็นถนนเล็ก ๆ ก่อนหน้านี้ตนเคยประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลัก ใกล้ ๆ กับที่เกิดเหตุ แต่คนละจุดกัน เป็นเหตุให้แขนขวาหัก ล่าสุดวันที่ 26 เม.ย.63 ขณะที่ตนลงไปเซ็นชื่อที่จุดสกัดผางาม (ห่างจากที่เกิดเหตุ 3 กม.) รถพ่วงของตนเบรกแตก ตนจึงเรียกให้ช่างมาซ่อม
หลังจากที่ซ่อมเสร็จ เวลาประมาณ 16.00 น. ตนได้ขับรถออกมา โดยใส่เกียร์ 2 วิ่งมาปกติ ความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. พร้อมกับโทรศัพท์บอกเถ้าแก่ซึ่งเป็นเจ้าของรถว่า “รถซ่อมเสร็จแล้ว กำลังจะออกมา” พอพูดจบเสียงเบรกแตกดัง “ปุ้ง” เป็นเหตุให้รถเบรกไม่อยู่ ขณะนั้นมีรถกระบะสีดำอยู่ข้างหน้า ตนจึงพยายามหักหลบ ทำให้รถเหยียบท่อกรวยซึ่งวางอยู่ที่ริมถนน จึงพยายามจะเข้ามาทางฉุกเฉิน เพราะเบรกไม่อยู่ ตนจึงปล่อยเลยตามเลย กระทั่งกระบะดังกล่าววิ่งมาตัดหน้า ตนจึงควบคุมรถไม่ได้ ทำให้ชนรถกระบะกระเด็นตกไหล่ทาง ส่วนรถพ่วงของตนเสียหลังล้มที่ริมถนน
ก่อนที่รถจะเสียหลักล้มลง ตนได้บอกให้ภรรยาไปนั่งที่เบาะหลัง พร้อมกับกอดเบาะคนขับไว้ ถ้าตายก็ตายด้วยกัน แต่นายพัชรา อยู่ในอาการตกใจ ยังไม่ทันขยับไปนั่งที่เบาะหลัง ขณะนั้นรถพ่วงได้ชนแท่งแบริเออร์เสียก่อน เป็นเหตุให้ยางระเบิด ส่วนตนกระเด็นออกจากรถ และหมดสติไป
กระทั่งกู้ภัยวิ่งเข้ามาในที่เกิดเหตุ ตนจึงรู้สึกตัว และพบว่าร่างของตนกระเด็นออกมา ส่วนรถพ่วงของตนเกิดไฟลุกไหม้ ก่อนเกิดเรื่องไม่ได้มีลางบอกเหตุ เพราะนางพัชราพูดคุยและหัวเราะปกติ ส่วนตนอาการดีขึ้นแล้ว โดยตนได้ผ่าตัดดามเหล็กที่ข้อเท้าข้างขวาแล้ว แต่ยังรู้สึกปวดอยู่ ส่วนค่ารักษาพยาบาล เถ้าแก่ซึ่งเป็นเจ้าของรถจะเป็นคนจ่ายให้
อย่างไรก็ตามภายในรถกระบะคู่กรณีมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 ราย เป็นชาย 1 ราย หญิง 2 ราย ทราบต่อมาคือ นายวิเชียร ไชยบัวรินทร์ อายุ 52 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา เป็นคนขับ ได้รับบาดเจ็บมีรอยฟกช้ำตามลำตัว และบุตรสาวของคนขับ ทั้ง 2 คน คือ ด.ญ.สมิตา ไชยบัวรินทร์ อายุ 14 ปี ได้รับบาดเจ็บศรีษะแตก และ น.ส.อาทิตา ปรุงโพธิ์ อายุ 24 ปี มีรอยถลอกตามร่างกาย ขณะนี้ทั้ง 3 คนอาการปลอดภัยแล้ว แพทย์ได้อนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้านใน จ.ฉะเชิงเทรา
ทีมข่าวเดินทางมาที่จุดเกิดเหตุ บนถนนสาย 304 ช่วงทางลงเขาศาลโทน ก.ม.210 ม.4 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ระหว่างที่ทีมข่าวลงพื้นที่ พบว่ารถส่วนใหญ่มักจะบีบแตรก่อนถึงทางโค้งและช่วงทางโค้ง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร พบว่ามีศาลเจ้าพ่อปู่โทน ตั้งอยู่ที่เนินเขา บริเวณหัวโค้งพอดี ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่จะเรียกโค้งนี้ว่า โค้งศาลปู่โทน หรืออาถรรพ์ 304
ทีมข่าวเดินทางมาที่ จุดสกัดผางาม ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 3 กม. เพื่อพูดคุยกับชาวบ้านในพื้นที่ พบกับนายอุทัย อัคพัฒน์ อายุ 73 ปี ชาวบ้าน เปิดเผยว่า เมื่อก่อนพื้นที่บริเวณนี้จะเป็นถนนลูกรัง และเมื่อ 3 ปีที่แล้วเพิ่งจะสร้างเป็นถนนคอนกรีต สร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว โดยตลอด 50-60 ปีที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุบ่อยมาก ใน 1 เดือน เกิดอุบัติเหตุอย่างน้อย 1 ครั้ง และเกิดมากสุดถึง 7 ครั้ง ซึ่งตนเชื่อว่าโค้งดังกล่าวมีผู้เสียชีวิต มากกว่า 1,000 คน
เมื่อ 60 ปีก่อนช่วงแรกที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ญาติพี่น้องของคนที่ล่วงลับไปแล้ว ได้ก่อตั้งศาลขึ้นชื่อศาลเจ้าพ่อปู่โทน เพื่อที่เวลาใครเกิดอุบัติเหตุจะได้นำของมาเซ่นไหว้ โดยหลวงปู่โทนตั้งตามชื่อคนที่ตายช่วงแรก ๆ นายโทนเป็นพ่อค้าขนลา มาจากนครราชสีมา และกำลังจะไป จ.ชลบุรี แต่พอเดินทางมาถึงทางโค้งถนน 203 รถสิบล้อของนายโทน ได้เกิดอุบัติเหตุเสียหลักที่โค้งมรณะ
ชาวบ้านบางคนก็เล่าว่า เคยเห็นตอนกลางคืนเหมือนเห็นเงาคนเดินวนเวียนอยู่แถวนั้น ซึ่งบางคนก็ว่าเป็นหลวงปู่โทน แต่บางคนก็เชื่อว่าเป็นวิญญาณที่ยังวนเวียนอยู่แถวนั้น เพราะบริเวณนั้นมีคนตาย ทั้งนี้บางคนก็เรียกว่า โค้งปู่โทน หรือ โค้งอาถรรพ์ เนื่องจากเป็นโค้งหักศอก ซึ่งส่วนใหญ่จะเสียชีวิตเพราะ 1.เวลาขับเร็วเสียหลักหลุดโค้ง 2.รถเกิดเบรกแตก
เมื่อก่อนตนไปช่วยเหลือเป็นประจำ แต่ทุกวันนี้ไปไม่ไหวแล้ว ส่วนตัวก็เคยประสบอุบัติเหตุ โดยรถบรรทุกขนเกลือได้เสียหลักชนท้ายรถกระบะของตน แต่โชคดีได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยสาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุบ่อย เพราะทำถนนผิด โดยคนที่ทำถนนได้ทำทางขึ้นไปที่ศาลโทน และติดไฟฉุกเฉินไว้ที่หลังศาล ซึ่งไม่มีใครเห็น และทุกวันนี้ยังไม่มีใครมาแก้ไข
หลังจากนี้ ส่วนตัวเชื่อว่า คงจะเกิดอยู่เรื่อย ๆ ถ้าไม่แก้ไขเส้นทาง ด้วยเหตุนี้ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังขอนแดง ได้ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้สอบสวนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ เพราะคนขับรถอยู่ในระหว่างการรักษาตัว หลังจากนี้จะเรียกมีสอบสวนเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงต่อไป
สำหรับสถิติอุบัติเหตุ 1 ม.ค. - 26 เม.ย.63 บนถนนสาย 304 กม.210 เกิดขึ้นจำนวน 7 ครั้ง เสียชีวิต 5 ราย บาดเจ็บ 6 ราย มีดังต่อไปนี้
วันที่ 8 ม.ค.63 รถบรรทุกเบรกแตกพลิกคว่ำ เสียชีวิต 1 ราย
วันที่ 20 ก.พ.63 รถบรรทุกพลิกคว่ำ เสียชีวิต 1 ราย
วันที่ 21 ก.พ.63 รถพ่วงพลิกคว่ำ บาดเจ็บ 1 ราย
วันที่ 5 มี.ค.63 รถบรรทุกน้ำมันพลิกคว่ำ เสียชีวิต 1 ราย
วันที่ 19 มี.ค.63 รถบรรทุกชนเสาไฟฟ้าหัก เสียชีวิต 1 ราย
วันที่ 20 มี.ค.63 รถบรรทุกชรกระบะ บาดเจ็บ 1 ราย
วันที่ 26 เม.ย.63 รถบรรทุกน้ำตาลชนรถกระบะ เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บ 4 ราย