จากกรณีเมื่อวันที่ 28 เม.ย.63 เวลา 12.30 น. พบหญิงรายหนึ่งพยายามกินยาเบื่อหวังฆ่าตัวตาย ที่บริเวณประตู 4 หน้ากระทรวงการคลัง ถนนอารีย์สัมพันธุ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ ทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.อัญกาญจน์ บู๊ประเสริฐ อายุ 59 ปี ทั้งนี้สาเหตุมาจากการที่ไม่ได้รับเงิน 5,000 บาท ตามมาตรการเยียวยาของรัฐบาล ก่อนส่งตัวมารักษาที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า ถนน
ล่าสุดวันที่ 28 เม.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ได้พูดคุยกับนางสีตลา จินดาชัยกุล อายุ 54 ปี น้องสาวของน.ส.อัญกาญจน์ กล่าวว่า ตนกับพี่สาวไม่ได้ติดต่อกันมานานประมาณ 1 ปี ซึ่งอยู่ตัวคนเดียว ก่อนเกิดเรื่องพี่สาวก็ไม่เคยโทรศัพท์มาปรึกษา กระทั่งวันที่ 27 เม.ย.63 ที่ผ่านมา หลานสาวบอกว่าพี่สาวของตนออกทีวี เพราะเดินทางไปที่กระทรวงการคลัง ตนก็ไม่เชื่อและบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะนิสัยของพี่สาวไม่ใช่คนแบบนั้น นอกจากนี้ตนเชื่อว่าพี่สาวของตนต้องไปหาพี่สาวอีกคน ตนคิดว่าสาเหตุที่พี่สาวทำแบบนั้น เพราะคิดว่าไม่มีใคร ไหน ๆ จะตายแล้วก็ไม่มีใครให้พึ่งพา และลงทะเบียนเราไม่ทิ้งกัน สถานะก็ยังเป็นสีเทา โดยพี่สาวได้พูดกับพี่สาวที่เป็นอัมพาตว่า "อยากจะตาย ตายให้รัฐบาลได้เห็นว่า มันมีคนเดือนร้อนมากมาย ให้หันมาดู ไม่ใช่ให้กับคนที่ไม่เหมาะสม"
ส่วนประเด็นที่มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นด่าทอพี่สาวของตนนั้น ตนขอโทษทุกคนหากพี่สาวไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่ไม่ใช่ว่าอยากจะด่าก็ด่า ต้องมองว่าพี่สาวของตนผ่านอะไรมาบ้าง และมีบางคนมาแสดงความคิดเห็นว่าแค่เงิน 5,000 บาท ถึงกลับต้องฆ่าตัวตายเลยหรือไม่ ตนขอถามกลับว่าข้างในใจพี่สาวของตนเป็นอย่างไร สำหรับตนแล้วเงิน 5,000 บาท ไม่ตายก็หาใหม่ได้ แต่ถูกยกเลิกงาน จะหาเงินมาจากไหน อย่าด่าพี่สาวตนอีกเลย
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้พี่สาวของตนได้เปิดร้านเสริมสวย และได้ยืมเงินจากพี่สาวอีกคน ซึ่งแต่ละครั้งก็ยืมตัวเลข 7 หลัก พอปิดกิจการก็ไม่ได้ขนย้ายอุปกรณ์ทำผมออกไป ซึ่งพี่สาวของตนไม่มีลูกมือ แต่ต้องจ่ายค่าเช่าที่ หลังจากนั้นพี่สาวก็ได้ย้ายไปอยู่ทาวน์เฮ้าส์ ค่าเช่าเดือนละ 2-3 หมื่น ซึ่งธุรกิจไปได้ไม่สวยก็ยุติลง มาขายข้าวแกง จากนั้นสภาพจิตใจของพี่สาวก็ฟุ้งซ่าน ข้าวแกงก็ต้องปิดกิจการอีก จากนั้นพี่สาวได้บอกกับพี่สาวอีกคนว่าจะย้ายไปอยู่ที่อื่น แต่ห้ามบอกตน จนพี่น้องไม่สามารถติดต่อได้
อย่างไรก็ตามตนยังเป็นห่วง จึงได้ถามพี่สาวอีกคนว่า น.ส.อัญกาญน์ ไปอยู่ที่ไหน ซึ่งได้ข้อมูลเบื้องต้นว่าไปทำงานเกี่ยวกับทำความสะอาดเป็นแม่บ้าน ตนก็สงสัยว่าจากเจ้าของธุรกิจ แต่งตัวสวยงาม พูดจาไพเราะ กลับต้องเปลี่ยนงานมารับจ้างล้างจาน ถูบ้าน และทำความสะอาด ซึ่งพี่สาวอีกคนของตนได้บอกว่าน.ส.อัญญากาญน์ อาจจะไม่อยากลงทุนทำธุรกิจอะไรแล้ว และช่วงเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้พี่สาวของตนตกงาน ซึ่งพี่สาวต้องจ่ายค่าบ้าน ค่ากิน ค่าน้ำ ค่าไฟ
ล่าสุดวันนี้ที่ตนเดินทางมาที่ รพ.พระมงกุฎเกล้า เพื่อที่จะนำตัวพี่สาวไปอยู่ด้วย แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็ไม่ให้ตนเข้าไปเยี่ยม ลักษณะนิสัยเป็นคนดี ใจบุญ มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้ออาหารให้สุนัขและแมวหมด แม้แต่เก็บสุนัขจากข้างถนนมาเลี้ยงก็เคยทำ โดยเป็นสุนัขขี้เรื้อน ตนยังได้บอกกับพี่สาวว่า หมาขี้เรื้อน เลี้ยงจนหนังตัวเองจะเหมือนหมาอยู่แล้ว แต่ทางพี่สาวก็บอกกับตนว่า "ช่างเถอะ ไม่เป็นไร เลี้ยงเอาบุญ ไม่ต้องคิดอะไรมาก"
ทั้งนี้นางสีตลา บอกกับทีมข่าวว่า พี่สาวของตนไม่ได้ถูกจ้างไปโวยวาย พร้อมกับแจ้งว่าไม่ต้องเป็นห่วงสบายดี อีกประมาณ 4-5 วัน ก็กลับบ้านได้แล้ว ขณะนี้มีทีมแพทย์ดูแลอย่างดี และหลังจากออกโรงพยาบาล จะมีเจ้าหน้าที่ พม. ไปตรวจเยี่ยมบ้าน
สำหรับใครที่มาแสดงความคิดเห็นด่าทอ ทางพี่สาวไม่ติดใจเอาความ และขอโทษที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเรื่องก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูแล และได้เงินเยียวยา 5,000 บาทแล้ว พร้อมทั้งฝากบอกประชาชนทุกคนว่า ใครที่ลงเทียนจะได้เงินเยียวยาทั้งหมด
ทีมข่าวอมรินทร์ เดินทางไปยังหอพักของ น.ส.อัญกาญน์ ซึ่งย่าน ในพื้นที่ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พบว่าห้องพักถูกล็อกด้วยกุญแจ
นายนิพนธ์ สังข์บัว อายุ 68 ปี เจ้าของหอพัก ให้ข้อมูลว่า น.ส.อัญกาญน์ เป็นคนเงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร แต่จะเลี้ยงแมวไว้ ตั้งแต่ปี 60 ที่น.ส.อัญกาญน์ มาพักอยู่ที่นี่ตนก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีญาติมาเที่ยวหา ซึ่งระหว่างที่มาพักอาศัยก็ค้างชำระค่าเช่า ปีที่แล้วประมาณ 4,000 บาท และปีนี้ค้างชำระ 3 เดือน รวมทั้งปีที่แล้วและปีนี้เป็นจำนวนเงินทั้งหมด 8,000 บาท โดยค่าเช่าห้องเดือนละ 1,000 บาท หากรวมค่าน้ำค่าไฟก็จะประมาณ 1,700 บาท บางครั้งก็ทยอยจ่ายเดือนละ 400-500 บาท นอกจากนี้น.ส.อัญกาญน์ ทำอาชีพแม่บ้าน ตนไม่รู้ว่าทำที่ไหน แต่ก่อนหน้านี้มีอาชีพช่างตัดผม แต่สู้ค่าเช่าไม่ไหว เพราะที่อยู่ตอนนั้นเดือนละ 6,000 บาท
ก่อนเกิดเหตุการณ์ตนได้ทวงถามค่าเช่าห้องกับ น.ส.อัญกาญน์ หากไม่มีจ่ายสิ้นเดือนก็ให้หาที่พักอาศัยใหม่ แล้วตนก็เดินออกมา ส่วนน.ส.อัญกาญน์ ก็ได้บ่นพึมพำอยู่ในห้อง และบอกว่ารอเงินเยียวยา 5,000 บาทก่อน ทุกครั้ง
ทั้งนี้วันนี้น.ส.อัญกาญน์ โทรศัพท์ติดต่อมาหาตนเพื่อจะเคลียร์ค่าเช่าห้อง ซึ่งโทรศัพท์มาสายแรก น.ส.อัญกาญน์ พูดจาไม่รู้เรื่อง ตนจึงบอกว่าไว้ค่อยคุยกัน แต่เวลาประมาณ 15.30 น. ได้โทรศัพท์มาอีกครั้ง และบอกว่าจะชำระค่าห้องที่ค้างไว้เดือน ก.พ.63 จำนวนเงิน 1,700 บาท ส่วนค่าเช่าที่เหลือยังไม่บอกว่าจะชำระเมื่อไหร่