ล่า 5 นักโทษแหกคุก แสบปีนฝ้าฝ่ากำแพงไฟฟ้า เผยหนึ่งในนั้นส่งจดหมายรักนัดเมียหนีไปลาว (คลิป)

จากกรณีนักโทษชาย จำนวน 5 คน แหกคุก หลบหนีจากเรือนจำสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร ซึ่งพฤติการณ์ในการหลบหนีอาศัยช่วงกลางดึก ใช้โต๊ะวางซ้อนกันหลายชั้นเพื่อปีนขึ้นไปเปิดฝ้าเพดาน ก่อนจะออกไปปีนโดยใช้ป้ายไวนิลวางทับลวดหนามเพื่อป้องกันกระแสไฟแรงสูง ก่อนจะกระโดดลงมาและมีคนขับรถมารับก่อนหลบหนีไปทั้งหมด ขณะนี้ทางเรือนจำและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สว่างแดนดินกำลังเร่งไล่ล่าตัวอยู่  

รายชื่อนักโทษแหกคุก เรือนจำสว่างแดนดิน จ.สกลนคร 1.นช.อานน หลักคำ หรือ นน ชาวอำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร
2.นช.วัฒนชัย พันธ์ภักดี หรือ อาทิตย์ ชาวอำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร

3.นช.ภานุพงศ์ โคตรชมภู หรือ หรือทัศ ชาวอำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร 4.นช.พัฒนพงษ์ เกษคำใส หรือ ตั้ม ชาวอำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร 5.นช.สุริยันต์ สุพรรณประเสริฐ หรือ ต้น ชาวจังหวัดสกลนคร

วันที่ 1 พ.ค. 63 นายอรรถสิทธิ์ ทองแสง ผู้บัญชาการเรือนจำสว่างแดนดิน ประชุมและจัดวางแผนแบ่งกำลังชุดติดตามนักโทษ พร้อมเปิดเผยว่า บริเวณที่นักโทษทั้ง 5 คนนอนนั้น ไม่ใช่เรือนขังปกติ เป็นเรือนนอนที่สร้างมาจากห้องสมุดของเรือนจำ ที่ดัดแปลงเป็นสถานที่กักตัวนักโทษเพื่อรอดูอาการของไวรัสโควิด 19 โดยมีนักโทษชายทั้งหมด 21 คน และจะครบกำหนดการกักตัวครบ 14 วัน ในวันพรุ่งนี้ (2 พ.ค.) แต่นักโทษทั้ง 5 คนก็มาหลบหนีไปเสียก่อน ซึ่งคาดว่านักโทษทั้ง 5 คนคงอาศัยช่วงกักตัว 14 วัน ดูกายภาพของเรือนจำและวางแผนหลบหนี

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า มีหนึ่งในนักโทษถูกไฟช็อต แต่ก็ยังไม่รู้รายละเอียดที่แน่ชัดว่านักโทษคนนั้นเป็นใคร ซึ่งตอนนี้ได้มีการขยายผล และสอบปากคำนักโทษจำนวน 16 คน ที่เหลืออยู่ในเรือนนอนกักตัว และไม่ได้หลบหนีไปด้วย ซึ่งได้ข้อมูลว่านักโทษหลบหนีทั้ง 5 คน มีการวางแผนก่อนหลบหนี แต่เรื่องรายละเอียดยังขอเก็บเป็นความลับ

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่จากเรือนจำอุดรธานี เรือนจำสกลนคร และเรือนจำหนองบัวลำภู และตำรวจ สภ.สว่างแดนดิน ช่วยกันออกติดตามสกัดกั้นตัวนักโทษแล้ว ซึ่งคาดว่าจะจับกุมได้ทั้งหมด เพราะนักโทษได้หลบหนีไปพร้อมกันทั้ง 5 คน

ด้าน นางแย้ม (นามสมมติ) ป้าของแฟนสาวนายสุริยันต์ หนึ่งในนักโทษหลบหนี บอกว่า ปกติแฟนสาวของหลานชายจะนอนอยู่ที่กระท่อมกลางสวนยางกับลูกและหลานชาย ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาหลานชายตื่นขึ้นมาเวลาประมาณ 02.00 น. และเห็นแฟนขึ้นรถกระบะวีโก้สีบรอนซ์เงินและขับออกไป แต่หลานชายไม่เห็นว่าภายในรถมีคนนั่งอยู่กี่คน จากนั้นทราบว่าหลานสาวได้ข้ามไปฝั่ง สปป.ลาว แล้ว 

ตนไม่รู้ว่าทั้งสองคนคบหากันมานานแค่ไหน เพราะผู้ชายเป็นแฟนใหม่ และตนก็ยังไม่เคยเห็นหน้าของนายสุริยันต์มาก่อน แต่รู้ว่านายสุริยันต์ มักจะเขียนจดหมายบอกรักจากในเรือนจำส่งให้หลานสาวตนเป็นประจำ อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าหลานสาวเองก็คงไม่รู้เรื่องหรือเกี่ยวข้องกับการแหกคุกในครั้งนี้ แต่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าหลานสาวจะเต็มใจไปกับนักโทษ รู้สึกเป็นห่วงมาก เพราะกลัวหลานจะถูกลูกหลงหากคนร้ายมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่

ขณะที่ นางเยาว์ (นามสมมติ) อายุ 50 ปี น้าสาวของ นช.วัฒนชัย หนึ่งในนักโทษหลบหนี บอกว่า หลานชายติดคุกด้วยคดีเสพยาบ้า ซึ่งหลักฐานตอนถูกจับมียาบ้าแค่ 3 เม็ดเท่านั้น โดยถูกแจ้งข้อหา"เสพยาบ้าและขับขี่ยานพาหนะ" (ขับเสพ) ซึ่งเพิ่งติดคุกไปยังไม่ถึง 1 เดือน และตอนนี้คดีก็ยังไม่พิพากษา ซึ่งที่ผ่านมาเรือนจำไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 จึงไม่ได้มีโอกาสได้พูดคุยและไม่รู้ว่าหลานเครียดหรือไม่

เมื่อก่อนหลานชายมีนิสัยดี แต่หลังได้เลิกรากับภรรยาไปเมื่อ 2-3 ปีก่อน ด้วยความเสียใจทำให้หันไปเสพยา จนสุดท้ายก็เริ่มมีอาการทางประสาทคุ้มดีคุ้มร้าย ชอบพูดคนเดียว และชอบขุดดินเพื่อตามหาภรรยา และตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหลานชายถึงต้องแหกคุกหนีด้วย ทั้ง ๆ ที่ถูกจับยาบ้าแค่ 3 เม็ด มีโทษจำคุกเพียงไม่นาน เชื่อว่าสาเหตุที่แหกคุกเพราะตกกระไดพลอยโจรไปด้วย 

ส่วน นายทอดใจ หลักคำ อายุ 57 ปี พี่ชายของ นช.อนนท์ หนึ่งในนักโทษหลบหนี บอกว่า น้องชายมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมานาน และนี่เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่น้องชายถูกจับ ครั้งแรกถูกจำคุกประมาณ 5 ปี ครั้งที่ 2 ถูกจำคุกประมาณ 3 ปี ครั้งล่าสุด เพิ่งถูกจับไปประมาณ 2 สัปดาห์ ยังไม่ได้ตัดสินคดีว่าต้องติดคุกกี่ปี ก่อนหน้านี้ติดคุกไป 2 ครั้งก็เคยตักเตือนแล้วว่าอย่ากลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก แต่ไม่เคยทำตาม เมื่อทราบข่าวว่าน้องชายตัดสินใจแหกคุกก็รู้สึกตกใจ กลัวน้องชายจะถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ