จากกรณีเหตุการณ์ ป้าอัญ (นามสมมติ) อายุ 59 ปี เดินทางไปประท้วงทวงสิทธิ์รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ที่หน้ากระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 27 เม.ย.63 ที่ผ่านมา ก่อนจะประชดด้วยการตัดสินใจชื้อยาเบื่อหนูมากรอกปาก หวังจะฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังไม่ได้รับเงินเยียวยา สุดท้ายถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล รับการรักษาจนปลอดภัยแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 1 พ.ค.63 ทีมข่าวเดินทางไปที่หอพักแห่งหนึ่ง ย่านเพชรเกษม ในต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งเป็นห้องพักของ ป้าอัญ อายุ 59 ปี ผู้ที่ก่อเหตุกินยาเบื่อหนูหน้ากระทรวงการคลัง พบว่าอยู่ในห้องเช่าแบบรายเดือน 1,000 บาท ค่าน้ำค่าไฟแยกต่างหาก ซึ่งป้าอัญ อาศัยมานานกว่า 3 ปี โดยก่อนหน้านี้ ป้าอัญยังคงมีรายได้จากการเป็นพนักงานประจำ มีรายได้จากอาชีพเสริมสวย และมีอาชีพรับจ้างเป็นแม่บ้าน ทำความสะอาดบ้านต่าง ๆ ชั่วโมงละ 200 บาท ทำให้มีรายได้เฉลี่ย 9,000-10,000 บาท ซึ่งเพียงพอสำหรับจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าใช้จ่ายประจำวัน
ป้าอัญ เปิดเผยว่า ช่วงระยะหลัง ประมาณกลางปี 62 ตนเจอกับปัญหาสุขภาพรุมเร้า มีอาการเจ็บเส้นประสาทด้านหลัง จากนั้นก็ยังมีโรคอื่นเพิ่มใหม่ อาทิ ความดัน เบาหวาน และปงดข้อเข่า ทำให้ต้องออกจากงานประจำ หรือแม้กระทั่งไม่มีแรงที่จะไปรับจ้างเป็นแม่บ้าน นอนป่วยอยู่ที่ห้องเช่า ไม่มีแม้แต่ข้าวกิน หรือค่าใช้จ่ายสำหรับค่าเช่าห้อง จึงยอมรับว่าช่วงปี 62 ค้างค่าเช่าห้องกว่า 4 เดือน และยังส่งผลมาถึงช่วงปี 63 แม้ว่าอาการป่วยจะดีขึ้น ก็พยายามที่จะไปรับจ้างทำความสะอาดเป็นแม่บ้าน แต่มาเจอกับช่วงวิกฤตโควิด-19 จึงทำให้สูญเสียรายได้ ทำให้รายจ่ายสูงกว่ารายได้
โดยในเช้าของวันที่ 27 เม.ย.63 ที่ผ่านมา ตนตั้งใจที่จะเดินทางไปที่กระทรวงการคลัง เพื่อทวงถามเกี่ยวกับเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบโควิด-19 จำนวน 5,000 บาท เพราะตนเป็นชาวบ้านที่ไม่รู้เกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ จึงต้องเข้าไปทวงถามด้วยตัวเอง อีกทั้งอยากจะรู้ว่าถ้าหากหมดช่วงจ่ายเงินเยียวยา 3 เดือน หน่วยงานภาครัฐจะมีมาตรการอะไรช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอีก
แต่หลังจากที่เดินทางไป ถูกขับไล่ และไม่ได้รับคำตอบ จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งการก่อเหตุครั้งนี้ ยอมรับว่าเป็นการคิดสั้นเกินไป และไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เรื่องราวบานปลายใหญ่โต แต่เจตนาของตนก็เพียงแค่ต้องการให้หน่วยงานรัฐบาลรับรู้เท่าไหร่ แต่หลังจากที่ได้รับการรักษา ก็มีผลข้างเคียงทำให้เสียงของตัวเองเป็นแบบที่กำลังให้สัมภาษณ์ ระบบกระเพาะอาหารและลำไส้ต้องกินยาต่อเนื่อง ที่สำคัญทุกวันนี้ตนได้รับกำลังใจดี ยืนยันว่าจะไม่กลับไปตัดสินใจแบบดังกล่าวอีก ฝากขอบคุณประชาชนหลายคนที่คอยให้กำลังใจ และทักมาพูดคุย รวมถึงโทรศัพท์มาร่วมบริจาคเงิน เพื่อเป็นทุนสำหรับสร้างตัว
ส่วนจำนวนเงินที่ได้รับบริจาค ตนจะแบ่งไปจ่ายชำระค่าเช่าห้องที่ค้างอยู่ รวมถึงจะแบ่งส่วนหนึ่งใช้สำหรับตั้งต้นชีวิตใหม่ โดยจะประกอบอาชีพเป็นแม่ค้าขายกะหรี่ปั๊บ เพราะไม่ต้องลงแรงมาก โดยสามารถทำที่ห้อง แล้วเอาไปขายหรือฝากขาย ได้รายได้วันละ 100-200 บาท ก็เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ของตนแล้ว
ป้าอัญ ยังบอกว่า กรณีที่ตนเองตัดสินใจคิดสั้น ไม่ต้องการหวังที่จะได้รับกระแสเป็นข่าวดัง หรือต้องการเรียกความน่าสงสารเพื่อหวังจะขอเงินบริจาค เพราะทุกวันนี้ไม่ได้แจกเลขบัญชีให้กับใคร เว้นแต่ว่ามีคนโทรศัพท์มามอบเงินช่วยเหลือ ส่วนใหญ่ก็จะร่วมบริจาคเพียงคนละ 100-300 บาทเท่านั้น ตนได้เน้นย้ำคนใจบุญว่า ไม่จำเป็นต้องโอนเงินให้จำนวนมาก เพราะไม่ได้ต้องการเงิน ส่วนคนที่เห็นใจและสนับสนุนก็ต้องขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ภายหลังการให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวได้ตรวจสอบยอดเงินล่าสุดในบัญชีของป้าอัญ พบว่าจำนวนเงินล่าสุดเมื่อเวลา 20.47น มีจำนวนเงินทั้งสิ้น 38,818,16 บาท โดยป้าอัญ บอกว่า เมื่อช่วงเย็น 18.00 น. ตรวจสอบตัวเลขอยู่ที่ 29,000 บาท