พิสูจน์ “เพชรพญานาค” ทุบโชว์กลางรายการของจริงหรือแหกตา อึ้งจับแช่น้ำเจอรอยต่อ
จากกรณีที่ร่างทรง ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ นำหินอัศจรรย์ที่อ้างว่าอยู่ในบ่อพญานาค ลักษณะเป็นหินมีทั้งขนาดเล็กและใหญ่แตกต่างกันไป แต่เมื่อนำค้อนทุบให้แตก หลับพบเจอกับเพชรพญานาค คล้ายกับพลอยสีต่าง ๆ อยู่ในก้อนหิน ซึ่งเชื่อว่าหินดังกล่าวคือ หินของพญานาค พร้อมกับมีการทุบให้ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีดูกันจะจะเมื่อวันที่ 4 พ.ค.63 ที่ผ่านมา
สำหรับเพชรพญานาคสีต่าง ๆ สามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ดังนี้
1. สีขาว หมายถึง พลังบารมีพุทธคุณ เกิดความใสสะอาดบิรสุทธิ์มีจิตใจ
2. สีแดง หมายถึง สีแห่งกำลังฤทธิ์อำนาจกล้าหาญเด็ดเดียว
3. สีเขียว หมายถึง อำนาจจิตที่มีความเมตตา และปราศจากภัยอันตราย
4. สีเหลือง หมายถึง ความนุ่มนวลมีสง่าราศี มีความมั่งคงมีโชคมีลาภไหลมาเทมา
5. สีม่วง หมายถึง มีพลังหนักไปในทางดึงดูดทรัพย์และมิตรสหาย
6. สีส้ม พลังแห่งการป้องกันภัยจากอาวุธภัยอันตรายต่าง ๆ
7. สีฟ้า หรือน้ำเงิน หมายถึง สีที่ช่วยในการค้าขาย ค้าขายคล่อง
8. สีชมพู หมายถึง มีแรงดึงดูดใจของเพศตรงกันข้าม เนื่องจากมีอนุภาพในทางเมตตามหานิยม
9. สีชา หมายถึง สีที่มีพลังอานุภาพ สามารถที่จะยับยั้งความชั่วร้าย
ล่าสุดวันที่ 6 พ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมายังบ้านลงพื้นที่มายังบ้านของยายตุ๊ เจ้าของบ่อพญานาค โดยบ้านของยายตุ๊ ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านวังอ้ายจีด ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ โดยบ้านของนางตุ๊ มีเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ในจำนวน 10 ไร่นี้ มีทั้งสวนยางพารา บ่อย้ำพญานาค บ่อน้ำทิพย์ และส่วนของบริเวณบ้าน
ยายตุ๊ เปิดใจกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า ตนขอแก้ข่าวว่าตนไม่ได้เป็นร่างทรง ตามที่ข่าวนำเสนอ ตนเป็นคนธรรมดาที่ระลึกอดีตชาติได้ โดยอดีตชาติแรกนั้นตนคือเจ้านางน้อยแห่งเมืองบาดาล ที่เป็นบุตรสาวคนสุดท้องของปู่พญานาค และมีทหาร 3 นายเป็นบริวารที่กลายเป็นเพชรพญานาค ส่วนอดีตชาติที่สอง ตนเป็นเมียของเจ้าเมืองขอม ชื่อแม่นางน้อยเช่นเดียวกัน และที่ดินที่ตนอยู่ในบ้านวังอ้ายจีดแห่งนี้ คือที่ของเมืองขอมเมื่อ 1,000 ปีที่ผ่านมา
โดยตนเป็นคนภูมิลำเนามาจาก จ.บุรีรัมย์ และที่ตนต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านวังอ้ายจีดนี้ ก็เพราะว่าชาวเมืองไปเข้านิมิตให้ตนกลับมาอยู่บ้านเมืองของตน และมีปุโรหิตกลับชาติมาเกิดที่บ้านวังอ้ายจีด ไม่มีใครปราบได้ ตนกับองครักษ์จึงต้องอาสามาปราบ
ที้งนี้ยายตุ๊ ยังบอกทีมข่าวอมรินทร์ทีวีอีกว่า สำหรับแสงปริศนาที่ตนเคยเห็นเป็นประจำนั้น คือแสงจากเพชรพญานาค ส่วนแสงที่ชาวบ้านวังอ้ายจีดเห็นในทุ่งนา เห็นที่เดิมทุกคืน ไม่ยอมไปไหนนั้น แท้ที่จริงแล้วคือแสงของทหารองครักษ์ของแม่นางน้อย หรือทหารที่ทำความผิดให้กับตนและเมืองบาดาล ทหารคนดังกล่าวได้รับกรรม จึงทำให้สิงสถิตอยู่ที่ทุ่งนาบ้านวังอ้ายจีด ไม่ยอมไปสู่สุขติ
และตั้งแต่ร่างทรงปู่แก้ววรานาคราช เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา ทุก ๆ วันพระ คนงานที่สวนยางตนก็จะเห็นวิญญาณของร่างทรงปู่แก้วฯ นั่งสมาธิวิปัสสนาอยู่ใกล้กับรูปปั้นพญานาค ใกล้กับบ่อพญานาคของตนเอง
วันนี้ตนก็ขอยืนยันว่าตนไม่ได้สร้างหินพญานาคขึ้นมาเอง หินดังกล่าวมีจริง แต่ตนไม่ขอบอกทีมข่าวว่าตอนนี้หินอยู่ที่ไหนบ้าง ถ้าตนสร้างหินเองจริง ตนคงทำหินขายให้ชาวบ้านจนร่ำรวยแล้ว ส่วนแสงของเพชรพญานาค ส่วนใหญ่แสงจะแสดงให้ตนเห็นในทุก ๆ วันพระ แต่คนที่จะเห็นแสงพญานาคต้องเป็นคนที่มีบุญจริง ๆ ตนก็เคยเห็นแสงเพชรพญานาคมาเหมือนกัน เป็นแสงสีทอง
สำหรับวันนี้ก็เป็นวันวิสาขบูชา หรือวันพระใหญ่ ยายตุ๊และลูกชายก็ได้นุ่งขาวห่มขาว เพื่อทำพิธีไหว้พ่อปู่พญานาค โดยยายตุ๊ได้จัดเตรียมขันธ์ 5 จำนวน ใส่พานจำนวน 8 พาน และไข่ต้มจำนวน 20 ฟอง ในการใช้กราบไหว้บูชาพ่อปู่พญานาค 2 จุด
โดยจุดแรก คือ บริเวณบ่อพญานาค ที่พบหินเพชรพญานาค เมื่อมาถึงที่บ่อแห่งนี้ ที่บริเวณของรูปปั้นพญานาคตัวที่ 1 ยายตุ๊และลูกชายได้จุดธูปเทียนกราบไหว้พญานาค และนำพานขันธ์ 5 สองพาน ไข่ไก่ 5 ฟอง มาประกอบพิธีไหว้ขอขมาที่จุดนี้ จากนั้นยายตุ๊และลูกชายก็นำพานขันธ์ 5 และไข่จำนวนเท่าเดิม ไปไหว้ที่รูปปุ้นพญานาคตัวที่ 2
จากนั้นยายตุ๊ ก็เดินทางไปไหว้พญานาคในจุดที่ 2 ซึ่งเป็นบ่อน้ำทิพย์ คือบ่อที่เชื่อว่ามีปู่พญานาคมาพำนักบนปากถ้ำ และมีน้ำทิพย์ที่ช่วยรักษาอาการเจ็บไข้ เมื่อมาถึงบ่อนี้ ยายตุ๊ได้นำขันธ์ 5 และไข่ไก่มาไหว้รูปปั้นพญานาคและรูปปั้นเจ้าแม่ธรณี เพื่อเป็นการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พวกตนนับถือ
สำหรับบ่อน้ำทิพย์นี้ เป็นบ่อน้ำขนาดความกว้าง 10 เมตร ยาว 9 เมตร และมีความลึก 8 เมตร และอยู่ห่างจากบ่อพญานาคประมาณ 2 กิโลเมตร อยู่ห่างจากบ้านของยายตุ๊ 700 เมตร ลักษณะของบ่อน้ำทิพย์นี้ จะมีรูปปั้นพญานาคขนาดเล็กและรูปปั้นพระแม่ธรณีอยู่ที่ปากบ่อ และบริเวณปากบ่อก็จะมีหินก้อนใหญ่วางสลับซับซ้อน ที่ยายตุ๊เรียกว่าหินปิดปากถ้ำ
โดยเมื่อเช้านี้ขณะที่ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี สัมภาษณ์ยายตุ๊ ก็มีรถยนต์จำนวน 2 คัน ขับเข้ามาที่บ้านของยายตุ๊ รถยนต์คันแรกมาด้วยกัน 4 คน ประกอบด้วยพระสงฆ์ 1 รูป และชาวบ้าน 4 คน ส่วนรถยนต์คันที่สอง เป็นรถยนต์ของพระภิกษุ จำนวน 2 รูปที่มาจาก อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
นางแก้ว ชาวบ้าน ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์สั้น ๆ ว่า พวกตนได้ดูข่าวจากอมรินทร์ทีวี ทำให้พวกตนเดินทางมาจาก อ.ปักธงชัย จ.นครราชสีมา เพื่อมาพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกับยายตุ๊ โดยพวกตนก็สะสมและบูชาเพชรพญานาคเหมือนกับยายตุ๊ และขอยืนยันว่าเพชรพญานาคมีจริง ตนไปบูชามาจากคำชะโนด มีหลายสี และตนก็ได้นำเพชรพญานาคไปเลี่ยมใส่กับสร้อยคอทองคำ
ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้มาพูดคุยกับ นางบัวไข จอกทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านวังอ้ายจีด ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ยายตุ๊กับลูกชายมาอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านวังอ้ายจีด ตนก็ยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนกับชาวบ้านในหมู่บ้าน และได้รับการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรวังตะเฆ่ ว่ามีผู้เสียหายจากการถูกยายตุ๊หลอกแต่อย่างใด
ที่ผ่านมายายตุ๊ ก็จะอยู่แต่บ้าน ไม่ค่อยได้ออกนอกพื้นที่ มีแต่ลูกชายที่จะออกมาซื้อข้าวของในหมู่บ้านเท่านั้น สำหรับเรื่องพญานาคที่อยู่บ้านยายตุ๊ ก่อนหน้านี้ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของชาวบ้านอีกคน สมัยบรรพบุรุษตนอยู่อาศัยก็ไม่เคยมีใครเคยเจอพญานาค รูปปั้นพญานาคต่าง ๆ ก็เพิ่งมาเกิดขึ้นตอนยายตุ๊เข้ามา และชาวบ้านก็ไม่เคยมีใครเห็นพญานาคอีกด้วย
ส่วนกรณีร่างทรงปู่แก้ววรานาคราชที่มาจาก จ.นครนายก แล้วมาเสียชีวิตที่บ่อน้ำของยายตุ๊นั้น ตนก็เคยสอบถามลูกสาวของร่างทรงตอนที่มารับศพ ลูกสาวของร่างทรงก็บอกตนว่า พ่อของเขาเป็นคนสติไม่ดี เชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ และชอบลองของ กระทั่งมาลองของที่บ้านของยายตุ๊
ส่วนกรณีที่ทางอมรินทร์ทีวีมีการออกข่าวว่า ไก่ในหมู่บ้านของตนถูกผีกระสือล้วงกินไส้นั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้นำซากไก่ดังกล่าวไปตนวจชนสูตรแล้ว ซึ่งผลออกมาว่าไก่ตีกันตายเท่านั้น
กรณีที่ชาวบ้านเจอแสงปริศนา ตามลำคลอง และไร่มันสำปะหลังนั้น ตนขอยืนยันว่าตนแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการตรวจสอบโดยการลงพื้นที่แล้ว แสงที่ชาวบ้านเห็นเป็นแสงของรถยนต์ และเสาไฟฟ้า ซึ่งตนก็ได้เรียกประชุมชาวบ้านถึงกรณีนี้เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องทุกฝ่ายแล้ว แต่ทุกวันนี้ก็ยังมีชาวบ้านไปรอดูแสงไฟอีก ซึ่งตนก็ห้ามความเชื่อ และความคิดใครไม่ได้
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ไปตามหาเพชรพญานาคที่ตลาดย่านท่าพระจันทร์ กรุงเทพฯ มีร้านเปิดขายวัตถุมงคลไม่กี่ร้าน แต่มีร้านหนึ่งขายวัตถุมงคลเมตตามหานิยมตามความเชื่อ ในร้านมีวัตถุมงคลหลากหลายแบบ มีทั้งเพชรพลอยหลากสี และมีองค์รูปปั้นพญานาควางให้ผู้ที่มีความเชื่อมาซื้อไปบูชา
นางประพา ตันเจริญ หรือ ป้าแอ้ว อายุ 66 ปี เจ้าของร้านขายหินเพชรพญานาค ที่กำลังจะเก็บร้านกลับบ้าน ทีมข่าวสอบถามถึงที่มาที่ไปของหินเพชรพญานาค เพราะเห็นว่าวางเรียงรายอยู่ในตะกร้าหน้าร้านพร้อมค้อน 1 ด้าม ให้ลูกค้าท่าพิสูจน์ พบว่าที่ร้านของนางประพา มีหินเพชรพญานาคจำนวนมาก บรรจุอยู่ในถุงสีแดง รอให้ผู้ที่มีความเชื่อมาเลือกซื้อไปบูชา ในราคา 70-100 บาท
เจ้าของร้าน เล่าว่า ตนซื้อขายหินเพชรพญานาคกับคนที่จัดหาหินมาให้จากทางภาคอีสานแถบลุ่มแม่น้ำโขง มานานร่วม 20 ปี โดยมีร้านประจำที่จะซื้อหากันมาตลอด ร้านไม่เคยหาจากแหล่งอื่น ๆ และหินทั้งหมดนี้ก็มาจากหินลุ่มแม่น้ำโขงแน่นอน โดยตีเป็นราคาเหมาและจะมีคนนำมาส่งให้และตนนำมาขายในราคา 70-100 บาท ได้กำไรก้อนละไม่เกิน 10 บาท ร้านจะขายไม่แพงไม่เน้นกำไรเน้นขายให้คนมีเงินเหลือกินเหลือใช้
ส่วนความเชื่อ ส่วนใหญ่ลูกค้าที่มาซื้อจะมีคนไทยบ้าง ต่างชาติบ้าง จีน ไต้หวัน เกาหลี คละกันไป ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่ความเชื่อของแต่ละคน แล้วแต่คนจะคิดกัน ร้านเป็นแค่ตัวกลางขายหินนี้แค่นั้น จะจริงไม่จริง อยู่ที่ความเชื่อตัวเรา ตามคำอธิษฐานแต่ละคน ทั้งนี้ เจ้าของร้านการันตีว่า หินเพชรพญานาคมีเพชรพลอยข้างในทุกก้อน บางทีก็มี 2 เม็ด ยืนยันได้ไม่เคยโกหกใคร แต่ตนขอไม่ทุบก้อนหินให้ทีมข่าวดู เพราะมีความเชื่อว่าจะไม่ยอมทุบของ ๆ ใคร
เมื่อถามว่า บอกที่มาของหินได้หรือไม่ ขอบอกแค่ว่าลุ่มแม่น้ำโขง เพราะเขาไม่บอกกันตรง ๆ ถ้าตนบอกก็เหมือนตนโกหก มันก็ไม่ดี แล้วแต่คนจะเชื่อ แต่ทุกคนที่นำหินที่ร้านของตนเองไป ก็มีแต่สิ่งดี ๆ เกิดขึ้นทุกคน ถ้าถามว่าตนเชื่อเรื่องหินเพชรพญานาคมีจริงและศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ถ้าไม่เชื่อตนก็คงไม่ขาย ของแบบนี้ไม่ว่าอะไร มันอยู่ที่ความเชื่อ
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ซื้อหินจากร้านดังกล่าวมา 2 ก้อน โดยได้นำมาทดลองในรายการทุบโต๊ะข่าว ซึ่งผู้ประกาศข่าวได้ใช้ค้อนทุบหินดังกล่าวจนแตก ปรากฏว่าพบเจอเพชรพญานาคทั้ง 2 ก้อน ซึ่งเป็นเม็ดสีเหลือง นอจากนี้ทีมข่าวยังได้ทดสอบด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ใช้เล็บขูดหิน จากหินผิวสีดำด้านนอก เจอผิวสีน้ำตาลด้านใน มีเศษหินทรายละเอียดร่วง
- ใช้ช้อนขูดลึกเข้าอีก ผิวสีดำหลุดออกหมดจนเห็นสีน้ำตาลอ่อน เศษหินทรายละเอียดร่วงมากขึ้น
- ใช้น้ำร้อนราด น้ำร้อนซึมเข้าไปในหิน คล้ายมีรูอยู่ด้านใน จึงใช้ช้อนขูดหินต่ออีก เจอผิวหินที่เป็นสีเทา
- ใช้ฝอยสเตนเลส (ฝอยขัดหม้อ) ขัดหิน มีเศษหินละเอียดออกเป็นขุย ๆ ทีมข่าวขัดต่อไปเรื่อย ๆ จนเจอชั้นหินเป็นสีเทา
- ทีมข่าวใช้น้ำยาล้างจานขัดเพิ่ม มีฟองขึ้นและขัดง่ายขึ้น
- เจอรอยต่อเป็นทางยาวรอบหิน ทีมข่าวขัดที่รอยต่อจนชัดขึ้น ลักษณะรอยนูนสีม่วงเข้ม
- ทีมข่าวนำหินไปแช่ในน้ำร้อน พบว่าน้ำซึมเข้าไปในหิน มีรูน้ำผุด 2 รูใหญ่ และรูเล็ก ๆ รอบหิน จากนั้นทิ้งไว้ 15 นาที น้ำหยุดซึม
- ทีมข่าวใช้ช้อนขูดที่รอยต่อ หินหลุดออกง่ายมากขึ้น เป็นผงสีน้ำตาลอ่อนและสีดำ พบรูใหญ่ที่หิน 4 รู เมื่อใช้ช้อนเคาะ พบเป็นรูใหญ่ ใช้ไฟส่องเข้าไปเป็นโพรง พบแสงไฟสะท้อนกลับออกมา
- ทีมข่าวเคาะที่รู จนหินแตกออก เจอวัตถุทรงวงรี สีชมพู ส่วนหินรอบ ๆ เป็นสีม่วงและสีชมพูเข้ม
สำหรับวิธีทำเพชรพญานาคนั้น ทำไม่ยาก เพียงใช้สว่านเจาะเป็นรูเป็นโพรงให้พอดี และใส่เม็ดพลอยลงไป จากนั้นก็อุดด้วยดินเหนียวและทากาว เอาฝุ่นมาคลุกให้ดูเนียนไปด้วยกันแล้วก็ใช้ค้อนทุบก็จะเจอเพชรพญานาค
หรืออาจจะเป็นวิธีการนำหินที่แตกแล้วหรือผ่าครึ่งตรงกลาง เจาะเป็นรูนำเพชรพลอยหรืออะไรก็ตามวางไว้และทากาวประกบ มาทุบก็จะเจอเหมือนกัน ดังนั้นหินเพชรพญานาคที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินั้น จะไม่เป็นในลักษณะที่เจียระไนออกมาแบบสวยหรูดูแพงกลมมนแบบนั้น เพราะการเจียระไนนั้นมนุษย์ต้องทำขึ้นมาไม่ใช่ธรรมชาติแน่นอน อีกทั้งจะสังเกตได้ว่าหินที่แตกออกมา ก็ยังรอยเว้า ความโค้งมนชัดเจน ทำให้มั่นใจได้เลยว่ามนุษย์ทำขึ้น 1 ล้านเปอร์เซ็นต์
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้นำเพชรพญานาคไปให้เจ้าของร้านจิวเวลรี่แห่งหนึ่งใน จ.ชัยภูมิ ได้ตรวจสอบ ซึ่งได้ข้อมูลมาว่า เพชรพญานาคที่เห็นนั้น แท้ที่จริงแล้วคือ พลาสติกอัดเม็ดฉีดสี ซึ่งเป็นพลาสติกเนื้อเดียวกันกับคริสตัลแต่ไม่มีการตกแต่งให้สวยงามเท่าคริสตัล สำหรับพลาสติกอัดเม็ดสามารถพบได้ทั่วประเทศไทย แต่ส่วนใหญ่จะถูกนำไปทำเป็นเพชรพญานาคใส่ในหิน ส่วนใหญ่จะพบใน จ.หนองคาย
โดยเจ้าของร้านจิวเวลรี่ ให้ข้อมูลอีกว่า เพชรพญานาคถึงแม้จะเป็นพลาสติก แต่ก็เหมือนพระเครื่อง และสิ่งเคารพบูชาชนิดอื่น ถ้าพลาสติกอัดเม็ดดังกล่าวผ่านการปลุกเสกจากเกจิชื่อดัง หรืออาจารย์ชื่อดัง ถึงแม้จะเป็นพลาสติกอัดเม็ด ก็จะเป็นการเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทางใจให้กับผู้ที่เคารพบูชาได้