เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 5 พ.ค.63 ร.ต.อ.ชรินทร์ พานทอง รอง สว.(สอบสวน) สภ.ไทรย้อย จ.พิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุผู้เสียชีวิตถูกยิงด้วยอาวุธปืน ภายในบ้านหลังหนึ่ง ต.ไทรย้อย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก
ทั้งนี้พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ น.ส.สุธิมนต์ หรือ น้องหนึ่ง อายุ 19 ปี สภาพนอนหงาย มีรอยแผลถูกยิงที่ศีรษะบริเวณกลางใบหน้า
ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายบรรณสรณ์ อนุสรณ์ หรือ บอล อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นอดีตแฟนเก่าของผู้เสียชีวิต หลังจากก่อเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์ ทะเบียน 3 กฉ 4230 ชลบุรี หลบหนีไป กระทั่งช่วงเวลา 02.00 น. ได้ก่อเหตุยิงหน้าผากตัวเอง 1 นัด ด้วยอาวุธปืนลูกซองยาว ภายในสวนมะม่วง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กม.
ล่าสุดวันที่ 6 พ.ค.63 ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุบ้านหลังดังกล่าว ต.ไทรย้อย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ในที่เกิดเหตุพบว่าเจ้าของบ้านได้นำเสื่อกับผ้าขาวมาคลุมกองเลือดไว้ เนื่องจากมีรอยเลือดจำนวนมากเลอะอยู่ที่พื้นบ้าน ข้าง ๆ กันมีเสื่อที่นั่งกินหมูกระทะวางอยู่ ใกล้ ๆ กันมีเสื้อคลุม หวี และรองเท้าแตะวางทิ้งไว้ บริเวณต้นมะม่วงหน้าบ้าน พบเสื่อที่ใช้ห่อปืนของนายบอล
นายทองสุข ศุภวาร อายุ 50 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 18.00 น. ลูกสาวของตนซึ่งเป็นเพื่อนของน.ส.หนึ่ง ได้ชักชวนน.ส.หนึ่ง และนายบอล รวมทั้งเพื่อน ๆ อีกประมาณ 8 คน มานั่งกินหมูกระทะกันที่บ้านของตน กระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. น.ส.หนึ่งกับนายบอลได้ออกไปพูดคุยกันที่หน้าบ้าน พร้อมกับร้องไห้ และกอดกัน แต่ไม่มีใครทราบว่า
คุยอะไรกัน จากนั้นทั้งคู่ก็กลับมากินหมูกระทะกันต่อ
ช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. นายบอล ทำทีขอกลับก่อนอ้างว่าจะเข้าไปในเมืองพิษณุโลก ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งนายบอลเดินไปหยิบอาวุธปืนลูกซองยาวที่แอบไว้ในเสื่อใต้ต้นมะม่วง น่าจะนำมาแอบไว้ แต่ไม่มีใครรู้ ก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน และยืนอยู่ตรงข้ามน.ส.หนึ่ง ซึ่งนั่งคีบหมูเข้าปากอยู่กับกลุ่มเพื่อน ก่อนจะยิงเข้าที่กลางใบหน้าเสียชีวิตคาที่
จากนั้นนายบอลได้ขี่จักรยานยนต์หลบหนีไป กระทั่งเวลาประมาณ 02.00 น. ตนได้ยินข่าวว่า นายบอลยิงตัวตายที่สวนมะม่วง ห่างจากบ้านของตนประมาณ 3 กม. แต่ขณะที่ยิงตนไม่ได้ยินเสียงปืน
ส่วนตัวรู้สึกตกใจมาก และรู้สึกกลัวจนไม่กล้านอนหลังจากนี้ตนจะทำบุญบ้าน เพราะน.ส.หนึ่ง ผูกพันกับบ้านที่เกิดเหตุ และมาช่วยงานที่บ้านของตนเป็นประจำ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนมองว่านายบอลทำเกินกว่าเหตุ มีอะไรควรจะพูดคุยกัน ซึ่งถ้าตนรู้มาก่อนคงจะเข้าไปห้ามแล้ว
ในที่เกิด ช่วงเวลาประมาณ 13.00 น. พ่อกับแม่ และญาติพี่น้อง ได้เดินทางมาอัญเชิญวิญญาณ โดยจุดธูปประมาณ 12 ดอก และปักไว้จำนวน 6 จุด ก่อนจะช่วยกันทำความสะอาดบริเวณกองเลือด จากการสอบถามแม่ของน.ส.หนึ่ง เกี่ยวกับจำนวนธูปทราบว่า พระที่มาอัญเชิญเป็นคนหยิบธูปมา 1 กำมือ เพื่อเรียกวิญญาณกลับบ้าน
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ ต.ไทรย้อย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ น.ส.สุธิมนต์ ซึ่งจะจัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ในวันที่ 6-8 พ.ค.63 และจัดพิธีฌาปนกิจศพ ในวันที่ 10 พ.ค.63 ในระหว่างที่ทีมข่าวลงพื้นที่ ทางญาติได้จัดพิธีรดน้ำศพ โดยมีญาติพี่น้อง เพื่อน และคนใกล้ชิดจำนวนมาก เดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจ และร้องไห้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยยายของผู้ตายได้เข้ามารดน้ำศพเป็นคนแรก ก่อนจะก้มลงร้องไห้กับร่างของผู้เสียชีวิต จนญาติ ๆ ต้องมาช่วยกันพยุงพาไปนั่ง ส่วนพ่อแม่เมื่อเห็นศพของลูกต่างร้องไห้ด้วยความเสียใจ
นางสมจิต เมืองแพน 45 ปี แม่ของนางสาวหนึ่ง ได้เปิดเผยว่า นางสาวหนึ่ง ลูกสาวของตนกับนายบอลคบกันมาประมาณ 2-3 ปี และเคยเลิกกันไปแล้ว 1 ครั้ง ก่อนจะกลับมาคบกันอีก และเมื่อเดือนที่แล้วก็เลิกกันอีกครั้ง เพราะลูกสาวของตนจับได้ว่า ฝ่ายชายมีหญิงอื่น จากนั้นนายบอลก็ไม่ได้กลับมาที่บ้านอีกเพราะลูกสาวของตนไม่ให้เข้าบ้าน เวลาขับรถผ่านหน้าบ้านก็ไม่เคยทักทาย ส่วนตนก็ไม่ได้ห้ามอะไร และพร้อมให้โอกาสเสมอ
ทั้งนี้ช่วงที่คบหา ทั้งคู่ไม่เคยทะเลาะกันให้เห็น แต่นายบอลจะเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน และเป็นคนเงียบๆ ส่วนตัวทำกับข้าวให้กินตลอด เพราะรักเหมือนลูก แต่กลับมาทำกับลูกสาวของตนเช่นนี้ โดยลูกสาวของตนฝันว่าอยากเป็นครู และเพิ่งจะสอบติดมหาวิทยาลัยนเรศวร คณะมนุษยศาสตร์ และตนเพิ่งจะจ่ายค่าเทอมให้ทั้งหมด 16,000 บาท ซึ่งเงินส่วนหนึ่งต้องกู้ยืมมาเพื่อจ่ายค่าเทอม
นางสมจิต เผยต่อว่า รู้สึกแค้นใจมาก ”ไม่อยากให้ไปผุดไปเกิด” เพราะทำกับลูกของตนเช่นนี้ “ไม่สมกับที่ตนรัก“ ทั้งนี้ตนไม่พร้อมที่จะอโหสิกรรมให้กับฝ่ายชอย เพราะการกระทำของฝ่ายชาย ”เกินคน” หากยิงเข้าที่แขนหรือขาอาจจะไม่ถึงตาย และนายบอลก็ได้รับผลกรรมแล้ว “ตายเหมือนหมูเหมือนหมา ขนาดแม่ยังไม่ไปรับศพ”
อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ญาติของฝ่ายชายเข้ามาขอขมา ซึ่งหากมาขอขมาตนอาจจะลดความโกรธลงมาเล็กน้อย แต่จนถึงตอนนี้ญาติฝ่ายชายก็ยังไม่ได้เข้ามาคุยกับตนเลย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกใจจะขาด ตั้งแต่เมื่อคืนตนก็ยังไม่ได้นอนเลย เพราะบางครั้งภาพของลูกก็ลอยเข้ามาในความคิด แต่หลังจากนี้ตนต้องต่อสู้เพื่อลูกสาวที่เสียชีวิตไป และลูกชายวัย 12 ปีที่ยังมีชีวิตอยู่
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดที่นายบอลฆ่าตัวตาย บริเวณทางเข้าสวนมะม่วง ห่างจากจุดที่ก่อเหตุยิงนางสาวหนึ่งประมาณ 3 กิโลเมตร ซึ่งทางเข้าค่อนข้างจะเปลี่ยว ไม่มีใครสันจรผ่าน โดยบริเวณริมถนนใกล้ต้นมะม่วง พบรอยเลือด และพบขี้เถ้าวางกลบรอยเลือดไว้ ทั้งนี้ คาดว่า เวลาประมาณ 1.00 น. นายบอลได้ก่อเหตุยิงตัวเองเสียชีวิต ก่อนที่สายตรวจจะเข้ามาเจอในเวลาประมาณ 2.00 น.
ทีมข่าวเดินทางมาที่ วัดวังแก่ง ต.ไทยย้อย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ นายบรรณสรณ์ อนุสนธ์ หรือ บอล อายุ 19 ปี ซึ่งจะจัดพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ในวันที่ 6-7 พ.ค.63 และจัดพิธีฌาปนกิจศพ ในวันที่ 8 พ.ค.63
ทางด้านของ นางสาวสิรินทรา พิลา อายุ 39 ปี แม่ของนายบอล (ผู้ก่อเหตุ) ได้เปิดใจกับทีมข่าวว่า ปกติตนกับลูกชายคุยกันทุกวัน และตนรู้อยู่แล้วว่าทั้งคู่ทะเลาะกัน แต่ไม่รู้ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร หากทะเลาะกันก็คงจะส่งข้อความหากันแล้วก็ดีกันเหมือนเดิม เพราะตนก็รู้จักกับฝ่ายหญิง เนื่องจากเมื่อปีที่แล้ว ครั้งที่ลูกชายมาทำงาน จ.ชลบุรี นางสาวหนึ่งก็ตามมาอยู่ด้วย
ครั้งสุดท้ายที่ลูกชายโทรหา คือ เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 15.00 น. ลูกชายบอกกับตนว่า ไปบอกแฟนก่อนว่าจะไปทำงานในเมืองพิษณุโลก และจะไปนำเสื้อผ้าที่ลูกชายทิ้งไว้ที่บ้านของนางสาวหนึ่ง พร้อมกับเผยกับตนว่า รู้สึกอึดอัดใจ ไม่มีเงินไปหมั้น แต่ไม่ได้กล่าวตัดพ้อว่าอยากตาย หรือจะไปก่อเรื่องยิงใคร เพราะไม่เคยมีประวัติทำร้ายใคร หลังจากนั้นตนก็ติดต่อลูกชายไม่ได้อีกเลย กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. น้องชายของตนโทรมาเล่าว่า นางสาวหนึ่งเสียชีวิตแล้วจึงทราบเรื่อง
โดยปืนที่ก่อเหตุ ตนไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่ทราบว่า เป็นของใคร และไม่รู้ว่าลูกชายนำมาจากไหน เพราะปืนที่ใช้ไม่ใช่ของที่บ้าน นายบอลออกจากโรงเรียนตั้งแต่ ม.2 เพื่อทำงานหาเงิน และตั้งใจว่าจะเก็บเงินไปหมั้นหมายฝ่ายหญิง เพราะพ่อแม่ของฝ่ายหญิงอยากให้จัดงานหมั้น แต่ตนขอเวลาเก็บเงิน อีกทั้งนายบอลยังเคยกล่าวกับตนว่า “รักหนึ่งมาก บอลรักเขา ทำทุกอย่างให้เขามีความสุข เมื่อเขามีความสุข ตัวเองก็มีความสุข”
สาเหตุที่ไปก่อยิง เป็นเรื่องของคนสองคน ซึ่งตนก็ไม่รู้แน่ชัดว่ามาจากอะไร แต่ส่วนหนึ่งคิดว่า นายบอลอาจจะรักฝ่ายหญิงมาก เพราะก่อนตายเปิดเผยกับตนว่า “รักมากจนไม่อยากสูญเสีย แต่ไม่พร้อม” เป็นเหตุให้ลูกชายเครียดสะสม และเกิดอารมณ์ชั่ววูบ ก่อนจะก่อเหตุ ในฐานะคนเป็นแม่ เห็นข่าวก็รับไม่ได้ เพราะตนก็รักนางสาวหนึ่ง และไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะตนวางอนาคตให้ลูกชายไว้ทั้งหมดแล้ว และบอกให้เข้มแข็ง เพราะตนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว
ส่วนตัวอยากจะไปขอขมาแทนลูกชาย แต่ก็กลัวว่า ความโกรธแค้นของฝ่ายหญิงอาจจะรุนแรง ซึ่งสภาพจิตใจของตนในขณะนี้ยังรับไม่ได้ ทั้งนี้ตนอยากจะกราบขอโทษผ่านสื่อแทนลูกชาย และอยากจะบอกกับฝ่ายหญิงว่า ตนเชื่อว่าลูกชายไม่ได้ตั้งใจ เพราะลูกชายรักฝ่ายหญิงมาก แต่ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้ทำ
อย่างไรก็ตาม ตนเพิ่งจะเดินทางมาจาก จ.ชลบุรี จึงไม่ทันไปรับศพที่โรงพยาบาล และกำลังยุ่งกับการจัดงานศพ เพราะที่บ้านไม่ได้มีญาติพี่น้องมาก ต้องเดินเรื่องคนเดียว ทำให้ยังไม่ว่างไปงานศพของฝ่ายหญิง