จากกรณี วันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา นายอุดมศักดิ์ เทพราช อายุ 31 ปี ก่อเหตุฆ่าตายภายในร้านอาหารนายหัวครัวปักษ์ใต้ ถนนมหาชัยดำริห์ ต.ตลาด อ.เมือง จ.มหาสารคาม โดยมีผู้ถูกอาวุธปืนยิง 3 ราย มีผู้เสียชีวิต 2 คน คือนางปราณีต คงอินทร์ อายุ 43 ปี เป็นภรรยาของผู้ก่อเหตุ มีบาดแผลจากการถูกยิงที่บริเวณหางคิ้วขวาทะลุท้ายทอย
และนายธนิต คงอินทร์ อายุ 23 ปี เป็นลูกติดภรรยาและเป็นลูกเลี้ยงของผู้ก่อเหตุ มีบาดแผลจากการถูกยิงที่ขมับขวา 1 นัด
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ คือนายพลกฤต ชูเกิด อายุ 18 ปี มีศักดิ์เป็นหลานของผู้ก่อเหตุ ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณกลางหลัง ลักษณะคล้ายถูกปลอกกระสุนปืนกระเด็นใส่
วันที่ 7 พ.ค.63 นางตา (นามสมมติ) เพื่อนบ้านผู้เสียชีวิต บอกว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 15.00 น. ได้ยินเสียงนายอุดมศักดิ์ กับนางปราณีต ทะเลาะกันโดยได้ยินเสียงผู้ก่อเหตุพูดขึ้นมาว่า “กูทนไม่ไหวแล้วนะ” จากนั้นก็มีเสียงปืน 3 นัด ดังมาจากบ้านที่เกิดเหตุ จากนั้นก็มีเสียงผู้หญิงร้องโหยหวน และมีเด็กผู้ชา ที่เป็นหลานของผู้ก่อเหตุวิ่งออกมาจากร้านไปขอความช่วยเหลือกับชาวบ้าน จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังรัวขึ้นในร้านข้าวแกงอีกหลายนัด
หลังจากตำรวจมาถึงจุดเกิดเหตุ นายอุดมศักดิ์ ยิงปืนสวนใส่ตำรวจอีกหลายนัดก่อนจะปิดประตูขังตัวเองอยู่ในบ้าน กระทั่งประสานพี่ชายผู้ก่อเหตุให้มาเกลี้ยกล่อมจนน้องชายยอมมอบตัว ซึ่งใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง และจังหวะที่นายอุดมศักดิ์ ถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวไปยังมีสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนไม่รู้สึกเสียใจแต่อย่างใด ตัวผู้ก่อเหตุและภรรยาเป็นคนอัธยาศัยดีไม่เคยเห็นทะเลาะกัน ส่วนปมในการก่อเหตุครั้งนี้น่าจะมาจากเรื่องค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ 3 วัน ผู้ก่อเหตุเคยมาปรึกษาว่า ค้าขายไม่ค่อยดี วันไหนขายไม่ได้ต้องเอาเงินเก็บมาใช้ สำหรับผู้ก่อเหตุชอบสะสมพระเครื่อง รถมอเตอไซต์บิ๊กไบก์
วันเดียวกัน ตำรวจได้เบิกตัวนายอุดมศักดิ์ เทพราช ผู้ต้องหาคดีใช้ปืนขนาด 9 มม. ยิงนางปราณีต คงอินทร์ ภรรยา และนายธนิต คงอินทร์ ลูกเลี้ยง เสียชีวิตไปฝากขังที่เรือนจำจังหวัดมหาสารคาม
โดยนายอุดมศักดิ์ และญาติ ๆ ต่างร่ำไห้โผเข้ากอดกัน ก่อนที่ผู้ต้องหาจะขอโทษญาติที่ก่อเหตุสลดขึ้น พร้อมบอกปมสาเหตุว่าเกิดจากความเครียดสะสมของภาระค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวที่ต้องแบกรับ และยังติดปัญหาเรื่องโควิด-19 ทำให้ต้องปิดกิจการไป 1 เดือน
ส่วนตัวตนไม่มีหนี้สินแต่ภรรยาพอมีหนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่อนรถยนต์กระบะของภรรยา 1 คัน ค่าผ่อนมอเตอไซต์ทั้งหมด 3 คัน ได้แก่ของตนเอง และของลูกชายกับลูกสาวติดภรรยา ค่าเทอม ค่าหอพัก และหนี้สินที่ภรรยาไปค้ำประกันให้เพื่อน แต่เพื่อนเอารถยนต์หนี ทำให้โดนฟ้องในฐานะผู้ค้ำประกันและต้องรับผิดชอบแทน และยังมีค่าเช่าร้านที่ต้องจ่ายเดือนละ 8,700 บาท
ตอนเกิดเหตุยอมรับว่าเครียดหนักมาก ในหัวขณะนั้นสามารถทำได้ทุกอย่าง ที่ผ่านมาภรรยามักจะชวนทะเลาะเป็นประจำ ส่วนตนอดทนและเป็นฝ่ายเงียบมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ทนไม่ไหวจริง ๆ อยากขอโทษครอบครัวของภรรยาและครอบครัวของลูกเลี้ยง ที่ทำไปทั้งหมดเพราะบันดาลโทสะ เพราะขณะนั้นโดนไล่ออกจากบ้านจึงเป็นที่มาของเรื่องทั้งหมดนี้
ด้าน นายพลกฤต ชูเกิด หลานผู้ก่อเหตุที่อยู่ในเหตุการณ์ บอกว่า ก่อนเกิดเหตุนายอุดมศักดิ์ และนางปราณีต มีปากเสียงกันรุนแรงเรื่องค่าใช้จ่ายและหนี้สิน โดยผู้ก่อเหตุและภรรยาพร้อมกับลูกเลี้ยงกำลังร่วมโต๊ะอาหารเดียวกัน ส่วนตนเองนั่งอยู่โต๊ะตรงข้าม ซึ่งจังหวะนั้นนางปราณีตและลูกชายก็นั่งดื่มเบียร์ไปด้วย ระหว่างที่มีปากเสียงกันนายอุดมศักดิ์ไม่ได้ดื่ม จากนั้นนายอุดมศักดิ์ได้ใช้ให้ตนออกไปซื้อของข้างนอก จังหวะเดินออกจากร้านก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 3 นัด และคาดว่าตอนเกิดเหตุกระสุนปืนน่าจะกระเด็นตกใส่พื้นจนมาโดนที่บริเวณหลังจนเป็นแผล
ยืนยันว่าผู้ก่อเหตุไม่ได้จงใจยิงตนแน่นอน ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเห็นนายอุดมศักดิ์ และนางปราณีตทะเลาะกันเรื่องค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวมาเป็นประจำ แต่ไม่คิดว่านายอุดุมศักดิ์จะก่อเหตุแบบนี้
ขณะที่ นางปทุมศรี นิมิตร แม่นางปราณีต ผู้เสียชีวิต บอกว่า ไม่เคยรู้มาก่อนว่าครอบครัวของลูกสาวมีปัญหาเรื่องภาระค่าใช้จ่าย คนก่อเหตุก่อนหน้านี้เป็นคนพูดจาดีชอบฟังธรรมะ ไม่คิดว่าจะกล้าก่อเหตุได้รุนแรงขนาดนี้ ส่วนนายธนิต หลานชายที่เสียชีวิตก็มีลูกสาวอายุ 4 ขวบ ทำให้ต้องกำพร้าพ่อ โดยก่อนหน้านี้เห็นนายอุดมศักดิ์ โพสต์รูปปืนไม่คิดว่าจะมาก่อเหตุยิงลูกสาวและหลานชาย ส่วนปัญหาเรื่องหนี้สินก็ไม่รู้ว่าจริงเท็จแค่ไหน ที่ผ่านมาเห็นนายอุดมศักด์ ชอบสะสมพระเครื่อง สะสมรถบิ๊กไบก์และเล่นพนันบอล ซึ่งไม่แน่ใจว่าอยากได้เงินไปใช้หนี้เหล่านี้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเกิดเหตุในวันอาทิตย์ที่ 3 พ.ค. นายอุดมศักดิ์ โพสต์ภาพอาวุธปืน สร้อยคอ นาฬิกา กำไลข้อมือ และแหวนทอง พร้อมกับเขียนข้อความว่า “วิกฤตโควิด-19 นี้หนักหนาจริง ๆ ของรักของหวงต้องอยู่ที่สมควรอยู่ มาถึงจุดนี้ได้ไงวะ#โควิด19มึงทำกูเหนื่อยมาก”
และในวันเกิดเหตุ 6 พ.ค. เวลา 05.41 น. นายอุดมศักดิ์ โพสต์ภาพถนนที่สองข้างทางมีต้นไม้เรียงราย พร้อมข้อความว่า “เครียดไม่มีเงินใครช่วยได้มั้ง”