จากกรณีที่ร่างทรงในพื้นที่จ.ชัยภูมิ นำหินอัศจรรย์ที่อ้างว่าอยู่ในบ่อพญานาคมาทุบให้แตก จนพบพลอยขนาดเล็กสีแตกต่างกันไป ที่อยู่ในก้อนหิน ซึ่งเชื่อว่าหินดังกล่าวคือหินของพญานาค โดยทีมข่าวได้ไปซื้อหินที่อ้างว่าเป็นหินพญานาค จากย่านท่าพระจันทร์มาทุบโชว์ให้ดูในรายการไปแล้วด้วยว่าเป็นของจริงหรือไม่ นั้น
วันที่ 7 พ.ค.63 นางไก่ (นามสมมติ) ผู้ที่บูชาเพชรพญานาค บอกว่า เมื่อ 2 เดือนที่แล้วบังเอิญไปรู้จักกับยายตุ๊ ซึ่งช่วงนั้นเครียดเรื่องหนี้รายวันและเงินที่หามาได้ไม่พอใช้จ่าย เมื่อยายตุ๊รู้เรื่องดังกล่าวด้วยความสงสารจึงแนะนำให้ตนบูชาเพชรพญานาค เพื่อชีวิตจะได้ดีขึ้น จึงบูชามา 1 ก้อนราคา 500 บาท โดยจะนำดอกไม้ 5 คู่ เทียน 5 คู่ ธูป 9 ดอกกราบไหว้บูชา
หลังจากที่บูชาชีวิตเริ่มดีขึ้นเพราะหนี้สินเริ่มจะใช้หมดลงไปเรื่อย ๆ จากนั้นจึงไปขอบูชาเพิ่มอีกรวมทั้งหมด 30 ก้อน เสียเงินไป 15,000 บาท ตั้งแต่บูชามาเคยเจออภินิหารของเพชรพญานาค 1 ครั้ง คือเมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่แล้ว เวลาประมาณ 17.00 น. กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านช่วงผ่านบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ในบ้านของยายตุ๊ ขณะนั้นสังเกตเห็นพญานาคนอนขดตัวอยู่ที่ก้อนหิน ซึ่งห่างจากตนประมาณ 2 เมตร
กระทั่งเมื่อวานนี้ดูช่องอมรินทร์ทีวีพิสูจน์ด้วยการนำหินมาทุบให้ดูกับตาจึงเอะใจว่าอาจถูกหลอก แต่ไม่ได้ติดใจเพราะรู้สึกสงสารยายตุ๊ที่ปกติก็มีปัญหากับชาวบ้านอยู่แล้วจึงไม่อยากไปซ้ำเติม แต่เมื่อเช้านี้ได้โทรไปหายายตุ๊และจะเอาอาหินไปคืน แต่ยายตุ๊บอกไม่ขอรับรู้และไม่ใช่ของเขา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แต่หลังจากนั้นป้าไก่ เห็นว่าฝนตกเริ่มรู้สึกเอะใจ และเริ่มกลับมาเชื่ออีกครั้งว่าหินที่ได้มาอาจจะเป็นเพชรพญานาคจริง ๆ โดยเชื่อว่าที่ฝนตกอาจจะเกิดจากอภินิหารของเพชรพญานาค
ด้าน นางพรพิมล บำรุง หรือป้าตุ๊ เจ้าของเพชรพญานาค บอกว่า ข่าวที่ออกมาเกินความจริง ขอให้เทพเทวดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นพยานว่าตนพูดแต่ความจริง จากที่ปรากฏในข่าวว่ามีเพชรพญานาคขายตามสถานที่ทั่วไปขอยืนยันว่า เพชรพญานาคตนเก็บมาเองจากบ่อเพราะมีเสียงกระซิบให้ไปนำขึ้นมาจากในน้ำ โดยไม่ได้ไปซื้อมาจากท่าพระจันทร์ และก็ไม่เคยไปท่าพระจันทร์มาก่อนด้วย
และหลังจากที่ให้เพชรพญานาคแก่นางไก่ไป เจ้าตัวก็อาจจะนำไปขายซึ่งตนได้สั่งห้ามแล้วแต่ไม่รู้ว่าเชื่อหรือไม่ ซึ่งเมื่อเช้านี้นางไก่โทรมาบอกว่าจะนำหินมาคืนจึงตอบกลับไปว่าหากจะนำมาคืนให้ไปแจ้งความกับตำรวจเอาเอง