กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งว่านายดนัย ปิ่นปาน อายุ 39 ปี หลานชาย พานายเล็ก ปิ่นปาน อายุ 63 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุง ไปแจ้งความว่าลุงถูกขโมยเงิน 8,000 บาทนั้น
ล่าสุดวันที่ 8 พ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พบกับนายเล็ก ปิ่นปาน ผู้เสียหาย บอกว่า วันที่ 4 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปยังธนาคารแห่งหนึ่ง เพื่อไปถอนเงินผู้สูงอายุ 600 บาท มาจ่ายค่าห้องเช่า แต่ธนาคารปิด เพราะเป็นวันหยุดราชการ ตนจึงนำสมุดบัญชีไปเช็กที่เครื่องปรับสมุดบัญชีอัตโนมัติ แล้วพบว่ายอดเงินมีเลขศูนย์หลายตัว ด้วยความที่ตนไม่รู้หนังสือ ก็ได้เดินทางกลับมายังห้องเช่า
จากนั้นเวลาประมาณ 10.00-11.00 น. ตนได้เดินผ่านหน้าห้องน.ส.น้ำฝน และนายดี (นามสมมติ) ที่เช้าห้องอยู่ข้าง ๆ จึงนำสมุดบัญชีให้ดูว่า "ช่วยดูให้หน่อย ทำไมเลขศูนย์เยอะ" ซึ่งน.ส.น้ำฝน เห็นแล้วก็ถามตนว่า มีบัตรเอทีเอ็มหรือไม่ จะไปกดเงินมาให้ ตนก็คิดว่าน่าจะไว้ใจได้ จึงยื่นบัตรเอทีเอ็มกับรหัสผ่านให้ ซึ่งตนยังได้ถามน.ส.น้ำฝน ว่าให้ตนไปด้วยหรือไม่ แต่น.ส.น้ำฝน บอกว่า "ไม่เป็นไร" ให้ตนนั่งคุยกับแฟนของน.ส.น้ำฝน ไปก่อน
หลังจากนั้นน.ส.น้ำฝน ได้นำเงินสดมาให้ตนจำนวน 2,000 บาท พร้อมกับบัตรเอทีเอ็ม และได้บอกกับตนว่าหากใครถามหา บอกไปว่าน.ส.น้ำฝน กลับไปบ้านนอก หลังจากนั้นตนก็เอะใจ ไปที่ธนาคารเพื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ ว่าเงินในบัญชีของตนมียอดเงินเหลือเท่าไหร่ ทางเจ้าหน้าที่บอกว่ายอดเหลือ 2 บาท และเงินถูกแอบกดไป 3 ครั้ง
เมื่อหลานชายทราบข่าว จึงได้พาไปแจ้งความที่ สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ เพราะรายได้ส่วนใหญ่ได้มาจากเบี้ยคนชรา 600 บาท และไปรับจ้างเปิดร้าน-ปิดร้านกล้วยทอด จะได้วันละ 120 บาท แต่เดือนหนึ่งตนต้องหาค่าหอเช่าเดือนละ 800 บาท ค่าน้ำค่าไฟประมาณ 300 บาท และค่าอาหาร 3 มื้อ ประมาณ 500-600 บาท
ทางนายดนัย ปิ่นปาน อายุ 39 ปี หลานชายลุงเล็ก ระบุว่า วันที่ 4 พ.ค.63 ที่ผ่านมา ตนได้โทรศัทพ์ไปหาลุงเล็กเพื่อถามไถ่ว่า ได้รับเงินเยียวยาแล้วหรือไม่ เพราะแม่ของตนบอกว่าเงินเยียวยาเข้าบัญชีของลุงเล็กแล้ว ด้วยความที่ลุงไม่รู้หนังสือ และได้บอกว่าได้เงินจำนวน 2,000 บาทเท่านั้น ถูกหลอกกดเงินมากถึง 3 ครั้ง
วันที่ 5 พ.ค.63 จึงได้ไปธนาคาร ตนถึงทราบว่าลุงถูกหลอก เหลือเงิน 2.70 บาท แต่ขณะนั้นตนไม่สามารถมาหาลุงเล็กได้ เนื่องจากติดงาน จนกระทั่งวันที่ 6 พ.ค.63 ตนได้พาลุงเล็กไปแจ้งความ ที่สภ.พระประแดง ซึ่งขณะนี้ดำเนินเรื่องแล้ว ตามหาตัวคู่กรณี ตนไม่เคยเจอกับคู่กรณี แต่ทราบเพียงว่าเป็นผู้หญิงชื่อน้ำฝน เป็นคนไทย ส่วนสามีของน.ส.น้ำฝน เป็นชาวกัมพูชา
หลังจากทราบเรื่องตนโมโหมาก ไม่น่าจะทำกันได้ลง เพราะลุงก็แก่แล้ว ไม่มีครอบครัว ตนเพิ่งจะมาเจอกับลุงเล็กได้เพียงไม่กี่เดือน หลังไม่เคยได้เจอกันมา 30 ปี บางครั้งตนผ่านมาแถวนี้ตนก็จะเอาเงินมาให้ลุงเล็กใช้จ่ายบ้าง 300 บาท
และวันนี้ตนจะพาลุงเล็กไปที่ศูนย์โทรศัพท์ เพื่อจะนำหมายเลขโทรศัพท์มือถือของคู่กรณีไปตรวจสอบดูว่าเป็นใครมาจากไหน เพราะตนไม่ทราบว่าคู่กรณีเป็นใคร แต่ตอนนี้ก็มีเพียงรูปเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการจับตัวคนร้ายมาให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากให้ไปทำแบบนี้กับใครอีก และฝากเตือนทุกคนว่าอย่าไว้ใจใคร นอกจากคนที่รู้จัก ทั้งนี้ล่าสุดทราบชื่อคู่กรณีแล้ว ซึ่งกำลังเร่งติดตามตัว
ด้านนางเกศมารี แสงสี อายุ 75 ปี เจ้าของห้องเช่า เปิดใจกับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ว่า น.ส.น้ำฝนได้เข้ามาเช่าห้องพัก ซึ่งขอห้องราคาไม่แพง อ้างว่าจะมาอยู่กับเพื่อนผู้ชาย 1 คน และทำงานที่ร้านเฟอร์นิเจอร์หน้าปากซอย ตนจึงให้เช่า หลังจากนั้นลุงเล็กคงจะทำความรู้จักกับน.ส.น้ำฝน เพราะเป็นเพื่อนข้างห้อง อีกทั้งคนที่หอพักไม่มีใครอยากจะคบหากับลุงเล็กสักเท่าไหร่ นอกจากนี้ลุงเล็ก ยังได้วานน.ส.น้ำฝน ล็อกประตูนอกห้องให้ โดยน.ส.น้ำฝน มาอาศัยที่นี่ได้เพียง 3 วันก่อนเกิดเหตุการณ์
โดยลุงเล็กเป็นคนชอบดื่มเหล้าเป็นประจำ เวลาเมาแล้วก็จะส่งเสียดังโวยวายไล่คนที่พักอาศัยหอพักให้ย้ายออกไปอยู่ป่า และอ้างว่าตนเป็นคนสร้างตึกหอพักหลังดังกล่าว พอหายเมาก็บอกว้าไม่ได้พูด ลุงเล็กมาอาศัยห้องเช่าประมาณ 10 กว่าปีแล้ว แต่เมื่อก่อนได้อาศัยอยู่กับภรรยา แต่ภรรยาได้เสียไปแล้ว ซึ่งตนก็อยากจะไล่ลุงเล็กออกจากห้องเช่า แต่ก็สงสาร เพราะเหลือตัวคนเดียว ไม่เอาลูกเอาหลานคนในครอบครัว