วันที่ 20 ตุลาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
นางอนงค์ ธารีสืบ อายุ 82 ปี ชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เล่าถึงพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ช่วยเหลือให้ที่อยู่อาศัย จนทำให้ครอบครัวได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เพราะเมื่อ 12 ปีก่อน ตนเคยมีบ้านเป็นของตัวเอง อาศัยอยู่กับลูก และหลานชาย รวม 6 คน
แต่หลังจากที่ ถูกเจ้าหนี้ยึดบ้าน ลูกๆ ก็แยกย้ายกันไปหาที่อยู่ใหม่ แต่ตนเองไม่ได้ย้ายตามไปด้วย เพราะเป็นห่วงบ้าน แม้ตอนนั้นจะถูกรื้อเหลือแค่เศษไม้ แต่ก็หวังว่า จะนำไม้เหล่านั้นกลับมาสร้างบ้านได้อีก ระหว่างนั้นจึงอาศัยชายคาเพื่อนบ้านเป็นที่หลบแดด หลบฝน กับหลานชายคือ ด.ช.เมธาพร จุมพิศ ซึ่งกำพร้าทั้งพ่อแม่ และยังป่วยพิการทางสมอง
นางอนงค์ ยังบอกอีกว่า ชีวิตช่วงนั้นลำบากมาก ต้องอดมื้อกินมื้อ เพราะมีรายได้เพียง เดือนละ 1,700 บาทเท่านั้น โดยเป็นเงินบำนาญตกทอดของหลาน ได้รับหลังจากพ่อที่เป็นตำรวจเสียชีวิต ต่อมาได้ปลูกกระต๊อบอยู่ในที่ดินของกรมชลประทาน แต่ถูกเวนคืนที่ดิน ทำให้เดือดร้อนไม่มีที่อยู่อาศัย จึงตัดสินใจนั่งรถไฟเข้ากรุงเทพฯ กับหลานชาย เพื่อขอพระราชทานความช่วยเหลือจาก พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพราะคิดว่ามีเพียงพระองค์ท่านเท่านั้น ที่จะสามารถช่วยเหลือได้
ขณะเดียวกัน นางอนงค์ เดินทางมาถึงสำนักราชเลขาธิการ ได้มีเจ้าหน้าที่ 3 คน เข้ามาสอบถามถึงความเดือดร้อน ตนจึงได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็แนะนำให้หลานชายเขียนจดหมาย ขอพระราชทานความช่วยเหลือ เนื่องจากยายเขียนหนังสือไม่ได้ จึงบอกให้หลานเขียน เพราะถึงแม้ว่า หลานจะพิการทางสมอง แต่ยังพอเขียนหนังสือได้ เมื่อยื่นหนังสือเสร็จแล้ว จึงเดินทางกลับบ้าน
จากนั้นไม่นานได้มีจดหมายตอบกลับจากสำนักราชเลขาธิการว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้มีรับสั่งผ่านราชเลขาธิการ ให้ประสานหน่วยงานในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ช่วยเหลือตนโดยด่วน
ขณะนั้น นางอนงค์ รู้สึกตกใจ และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพราะไม่คิดว่าคนที่หมดสิ้นทุกอย่างอย่างจะได้รับพระราชทานความช่วยเหลือรวดเร็วเพียงนี้ และทุกอย่างดูง่ายจนเหมือนฝัน
หลังจากนั้น ทางเทศบาลได้เข้ามาดำเนินการ หาที่ดินเนื้อที่ 25 ตารางวา สร้างบ้านเดี่ยวให้ พร้อมออกทะเบียนบ้านเลขที่ 81/12 ม.4 ต.ไผ่ลิง อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีชื่อของหลานชายเป็นเจ้าของบ้าน และพอได้รับบ้านพระราชทาน ตนเปรียบเหมือนได้ชีวิตใหม่ทำให้มีกำลังที่จะสู้ชีวิตต่อไป
นอกจากนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังมีพระกระแสรับสั่งให้ทางจังหวัด จัดหาทุนการศึกษาให้แก่หลานชายตน ทำให้หลานชายมีโอกาสได้ศึกษาต่อ แต่หลานได้เรียนเพียง 2-3 ปี อาการป่วยพิการทางสมองรุนแรงขึ้น จนไม่สามารถเรียนต่อได้
พร้อมกันนี้ตนยังเคยรับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่สวนจิตลดา ได้เข้าเฝ้าอย่างใกล้ชิด และยังมีโอกาสได้พูดคุยกับทั้ง 2 พระองค์ สร้างความปลื้มปิติให้กับตนเองมาจนถึงปัจจุบัน