จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัมพวา สมุทรสงคราม ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ รพ.แม่กลองมหาชัย ว่ามีผู้ถูกยิงด้วยอาวุธปืน 2 ราย เป็นสามีภรรยาอากาสาหัส ทราบชื่อนางวิสา ประดิษฐวัฒนา อายุ 41 ปี เป็นเจ้าของกิจการทำมะพร้าวขาว รับซื้อน้ำมะพร้าวส่งโรงงานในกรุงเทพฯ ซึ่งถูกกระสุนปืนเข้าที่ใต้ราวนมด้านซ้าย 1 นัด บริเวณหน้าท้องด้านขวา 1 นัด หัวกระสุนฝังใน เสียเลือดมาก เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ส่วนสามีชื่อ นายดนุพล บุตรักษ์ อายุ 38 ปี ถูกกระสุนปืนเข้าที่บริเวณหน้าท้อง 2 นัด หัวกระสุนฝังใน แพทย์รีบนำเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะปลอดภัยแล้ว
โดยเหตุเกิดที่หน้าบ้านเลขที่ 128 หมู่ 4 ต.บางนางลี่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เป็นบ้านปูนชั้นเดียว ด้านข้างเป็นโรงงานปอกมะพร้าวขาวและรับซื้อน้ำมะพร้าว
ล่าสุดวันที่ 13 พ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ลงพื้นที่ไปจุดเกิดเหตุ นางมารี ถ้อยทอง อายุ 61 ปี แม่ของสามีผู้ตาย เปิดเผยว่า ขณะเกิดเหตุตนได้ยินเสียงเหมือนมีเด็กจุดประทัด ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอตนชะโงกออกจากประตูหน้าบ้านไป เห็นว่าผู้ต้องหาได้มายืนอยู่กลางบ้านของลูกชายแล้ว
ตนได้ยินเสียงนางนิด แม่ของลูกสะใภ้ตะโกน จึงได้วิ่งไปดู พบว่าลูกสะใภ้นอนจมกองเลือดโดยมีอาการที่แย่มาก ถูกยิงตรงบริเวณหน้าอกราวนมซ้าย 1 นัด ตนจึงรีบเข้าไปกอดลูกสะใภ้ ตนตกใจว่าลูกชายหายไปไหน จึงได้ตะโกนเรียก ลูกชายเดินออกมาจากข้างหลังบ้านเลือดอาบตัว ตนได้เข้าไปกอดลูกชาย โดยถูกยิงตรงช่วงท้อง 1 นัด และถูกยิงแขน 1 นัด แต่ลูกชายของตนได้วิ่งหลบหนีไปอยู่บริเวณด้านหลังบ้าน ผู้ต้องหาเลยหันมายิงลูกสะใภ้แทน ซึ่งนางนิดบอกกับผู้ต้องหาว่าอย่ายิง อย่างยิง แต่ผู้ต้องหาก็ไม่ยอม โดยเข้ามาประชิดตัวของลูกสะใภ้แล้วยิง
ส่วนสาเหตุเกิดจากเรื่องที่ดิน ลูกชายของตนได้มาปลูกบ้านตั้งแต่ 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน ลูกสาวของผู้ต้องหาก็มาสนิทสนมกับลูกสะใภ้ของตน จากนั้นลูกชายตนได้มาซื้อที่ดินตรงข้างบ้านเพื่อขยายโรงงาน ซึ่งทำให้หลังคากินพื้นที่เข้าไปในพื้นที่ของผู้ต้องหา คือ นายทองสุข
ทางลูกชายของตนได้จ้างเจ้าหน้าที่รางวัดที่ดินมาวัดพื้นที่ให้ ซึ่งผลออกมาว่า กำแพงบ้านไม่ได้ไปลุกล้ำพื้นที่ของผู้ต้องหา มีเพียงชายหลังคาเท่านั้น ซึ่งวัดเสร็จประมาณตอน 12.00 น. ผู้ต้องหาก็ไม่ยอม ก็ได้เรียกกำนันเข้ามา ซึ่งกำนันก็บอกว่าถูกต้องแล้ว แต่ทางผู้ต้องหาอยากได้ที่ดินให้ได้
จากนั้นเวลาประมาณ 14.30 น. ผู้ต้องหาก็ได้ก่อเหตุยิงลูกชายและลูกสะใภ้ของตนในบ้าน ซึ่งลูกสะใภ้และลูกชายของตนได้บอกกับตนว่า ตอนเย็นจะให้รื้อหลังคาออก เพื่อให้เกิดปัญหา แต่ไม่ทันได้รื้อก็ถูกยิงก่อน และตนเชื่อว่าผู้ต้องหากลัวเสียหน้า และอิจฉาลูกชายของตนที่มีฐานะร่ำรวยกว่า ลูกชายของตนไม่เคยมีปากเสียง เนื่องจากเป็นคนที่ทำมาหากิน ส่วนผู้ต้องหานั้นมีลักษณะนิสัยที่ไม่เอาญาติพี่น้อง ในชุมชนก็ไม่ผูกมิตรกับใคร และผู้ต้องหายังเป็นญาติของตนด้วย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนตกใจมากกินข้าวไม่ได้ 2 วัน พอหลับตาก็นึกถึงลูกสะใภ้และลูกชาย ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับครอบครัว ขณะนี้ลูกชายของตนปลอดภัยแล้ว เมื่อช่วงเช้าตนก็ได้คุยโทรศัพท์ให้กำลังใจลูกชาย ให้หายไว ๆ และให้มีกำลังกับมาเลี้ยงลูกสาวฝาแฝดวัย 9 ขวบ ลูกสาวคนโต ถึงแม้ว่าลูกสะใภ้จะได้จากไปแล้ว และเวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัมพวา ได้นำต้องผู้ต้องหามาทำแผน แต่ผู้ต้องหาขอไม่ลงจากรถ เพราะว่าหากลงมาจะถูกทำร้ายร่างกาย
หลังจากที่ทีมข่าวของได้ไปพูดคุยกับบ้านของผู้ตายแล้ว ยังได้เดินทางไปยังบ้านของผู้ต้องหา ซึ่งพบว่าประตูบ้านล็อกด้านใน เมื่อตะโกนออกไป ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ราวกลับไม่มีคนอยู่ ทางทีมข่าวยังได้เดินทางไปยัง สภ.อัมพวา เพื่อไปสอบถามข้อมูล เรื่องปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ และการดำเนินคดีไปถึงขั้นตอนไหนบ้าง แต่ทางเจ้าหน้าที่ร้อยเวรขอไม่ให้รายละเอียดข้อมูลใด ๆ เนื่องจากอยู่ในสำนวนคดี
ล่าสุดทีมข่าวได้เดินทางไปวัดธรรมนิมิต ต.แม่กลอง อ.เมืองสมุทรสงคราม จ.สมุทรสงคราม สถานที่ตั้งสวดบำเพ็ญกุศลศพของนางวิสา ได้พูดคุยกับน.ส.ณิชาภัตร แพทย์จะเกร็ง อายุ 18 ปี ลูกสาวของผู้ตาย ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุการณ์ ผู้ต้องหาได้เดินทางมายังบ้านตน พร้อมกับเจ้าหน้าที่วัดที่ดิน เนื่องจากผู้ต้องหาได้กล่าวหาว่าบ้านของตนลุกล้ำพื้นที่ ซึ่งขณะนั้นได้มีการเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว ทางครอบครัวของตนก็ยอมรับว่าหลังคาได้ล้ำไปที่บ้านของผู้ต้องหาจริง โดยล้ำไปนิดหน่อย แม่ของตนไม่ยอมเช่น ขอให้ผู้ต้องหาตัดต้นมะพร้าวบ้านของผู้ต้องหาที่ลุกล้ำมาที่เขตบ้านของตนเหมือนกัน ซึ่งแม่ของตนจะรื้อถอนหลังคาในเย็นของวันที่เกิดเหตุ ขณะนั้นทางผู้ต้องหาได้มีการโมโห เพราะกลัวเสียหน้า
ผู้ต้องหาได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในซอย ซึ่งมีชาวบ้านบอกกับตนว่าหากหลุดพ้นคดีไปแล้วจะกลับมาชำระแค้นอีก ขณะนั้นตนทำทุกอย่างเพื่อให้แม่ไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ได้โทรหาเจ้าหน้าที่กู้ภัย เพื่อจะนำแม่ไปถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด แต่สุดท้ายแม่ก็สิ้นไปขณะที่กำลังเดินทางมาที่โรงพยาบาล
ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันแม่ของตนอย่างสนิทกับลูกสาวของผู้ต้องหา แถมก่อนหน้าที่จะเกิดเหคุการณ์นั้นยังได้มีการพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกันอยู่เลย ทางภรรยาและลูกของผู้ต้องหาเป็นคนอัธยาศัยดี แต่ผู้ต้องหานั้นอัธยาศัยไม่ดีต่อครอบครัวของตนและคนในชุมชน
วันนี้ตนได้เดินทางไปให้ปากคำแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อัมพวา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้บอกกับตนว่าทางฝั่งของผู้ต้องหา จะพยายามประกันตัวออกมา ตนกลัวมาก เพราะทางผู้ต้องหาได้ขู่เอาไว้ว่าจะไม่มีทางจบเรื่องนี้ โดยได้เจอกับภรรยาและลูกสาวของผู้ต้องหาที่ สภ.อัมพวา ไม่ได้มีคำขอโทษใด ๆ แถมยังทำหน้าเย้ยใส่ หากจะมาร่วมงานศพ ตนก็คงไม่ยินดีที่จะให้มาร่วม
ตอนนี้ตนยังทำใจไม่ได้ เพราะแม่คือเสาหลักของครอบครัว ก่อนหน้านี้แม่เคยพูดกับน้องเขยของแม่ว่า หากแม่ของตนตายคนในครอบครัวก็จะลำบาก แต่ถ้าสามีของตนตายทั้งครอบครัวและลูกก็จะสบาย ชื่อบ้าน ชื่อรถ เป็นของสามีและจะต้องมีเงินประกัน อย่างไรก็ตามก็ไม่อยากให้มีใครตาย นอกจากนี้แม่ยังได้พูดกับตนว่าหากแม่ตายให้ดูแลน้อง ๆ เพราะน้อง ๆ เป็นฝาแฝดหญิง ติดแม่มาก หลังจากนี้ต่อไปตนและครอบครัวจะใช้ชีวิตอย่างไร หากผู้ต้องหาได้รับการประกันตัวออกมา พ่อของตนก็ยังไม่สามารถขยับตัวได้
ทั้งนี้เมื่อคืนที่ผ่านมาน้าสาวของตน แม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของแม่อยู่ที่หน้าบ้าน ขณะนั้นที่บ้านไม่ได้เปิดเสียงโทรทัศน์ และน้าจำเสียงได้ ส่วนคลิปกล้องวงปิดนั้น ตนขอไม่ให้ เพราะครอบครัวยังทำใจไม่ได้