ยังเป็นดราม่าให้ถกเถียงกันในหลายๆ ประเด็น สำหรับการเปิดให้ประชาชนเข้าชม
"พระเมรุมาศ"
ทั้งนี้ได้มีการทดลองเปิดให้เข้าชมเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีประชาชนบางส่วนกระทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทั่งล่าสุดวันนี้ 2 พ.ย. 2560 นายอนันต์ ชูโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่าคณะกรรมการฝ่ายจัดการนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
มีมติไม่อนุญาตให้ประชาชนขึ้นชมพระเมรุมาศบนบริเวณชั้น 1 และชั้น 2 โดยให้ประชาชนเดินชมความงดงามได้โดยรอบพระเมรุมาศ และอาคารประกอบต่างๆ เท่านั้น เนื่องจากมีการประเมินผลไปเมื่อวานนี้ พบความไม่เหมาะสมหลายประการ อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์พระเมรุมาศได้
ล่าสุดนักแต่งเพลงรุ่นใหญ่
"ดี้- นิติพงษ์ ห่อนาค" ก็ได้เขียนแสดงทรรศนะผ่านเฟซบุ๊ก Nitipong Honark ต่อประเด็นที่สังคมกำลังให้ความสนใน โดยข้อความดังกล่าวระบุว่า
"เรื่องความเหมาะสมนี่เป็นนามธรรมเสียนี่กระไร...นะแม่ประไพพ่อทิดเอิบ...
เจ้านายทรงมีพระกรุณาธิคุณ...ให้พสกนิกรไทยแลเทศ ได้เยี่ยมชมพระเมรุมาศ ซึ่งมิอาจหาชมได้ง่ายในช่วงชีวิตคนคนหนึ่ง...มิใช่จำกัดเพียงข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หรือแขกผู้มีเกียรติไม่กี่พันคนเท่านั้น...
ความงดงามแห่งศิลปโบราณราชประเพณีเยี่ยงนี้ คนอายุเจ็ดสิบปียังไม่เคยเห็น หรือแก่กว่านั้น ก็เด็กเกินกว่าจะซาบซึ้งได้ในเวลานั้น...
จึงมีเรื่องอันทำให้เกิดความลำบากตะขิดตะขวงใจเป็นอันมากตามมา..
ฉันเชื่อว่า ผู้ที่จะเดินทางแออัดเข้าไปเยี่ยมชมพระเมรุมาศและปริมณฑล ซึ่งคาดว่าจะเป็นแสนคนในแต่ละวัน...มันจะเป็นเรื่องใหญ่มาก...
ช่วงก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน...แค่เป็นการเปิดทดลอง ก็บาดใจกันแล้ว...
เมื่อหลังจากเสร็จงานออกพระเมรุ...แล้วมีพระกรุณาฯ ให้คนไทยได้เข้าไปได้ชมพระเมรุ ซึ่งงดงาม น่าศึกษา น่าซาบซึ้ง แต่ในบรรดาผู้คน...ก็มีหลายประเภท...
หนึ่ง ผู้ที่จงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง ที่เห็นพระเมรุมาศแล้วอยากทรุดตัวลงกราบ....
สอง ผู้ที่อยากเข้าไปศึกษา ทัศนาให้ซาบซึ้ง ทั้งเรื่องราวทุกอย่าง ด้วยความชื่นชม ด้วยความสำรวมและอาลัย
สาม ผู้ทีชื่นชมความงดงามของทั่วบริเวณด้วยความโสมนัส แต่ไม่ได้สนใจเรื่องราวใดมากไปกว่า การได้ถ่ายรูปกับสถานที่อันอลังการนั้นและทำอย่างสำรวมพอสมควร.....ซึ่งกลุ่มนี้น่าจะมีมากที่สุด
สี่ ผู้ที่อยากถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ ให้มีรูปของตัวเองอยู่ในสถานที่นั้น ดังที่ฝรั่งเรียกว่า เซลฟี่ โดยที่ไม่ได้มีอารมณ์อะไรมากไปกว่า ถ่ายเซลฟี่ตามสถานที่สำคัญ ๆ ที่ตัวเองเห็นว่าสวยดี
ห้า นัดกับเพื่อนไปชมพระเมรุมาศ ราวกับไปท่องเที่ยวสวนสนุกที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ๆ แล้วไปถ่ายหมู่กันอย่างร่าเริง
หก เห็นเขาไปดู ก็ไปด้วย แล้วอาจชอบไปแตะ ไปเด็ด หรือเอาบางส่วนกลับบ้านไปเป็นของที่ระลึก
ฯลฯ อีกหลายแบบ
ฉันท้อใจแทนผู้ต้องมีหน้าที่ดูแลเหลือเกิน...
ต่อไปจะมีคนไปชมพระเมรุมาศวันละนับแสนคนตามที่คาดกัน...
จะทำยังไงดีหนอ...
กราบคนไทยช่วยบอกกันทีนะ...
นิทรรศการพระเมรุมาศที่เจ้านายทรงมีพระกรุณาธิคุณให้คนไทยได้เข้าชมเสมอภาคกัน....
เป็นสถานที่ที่ต้องสำรวมพอๆ กับ การเข้าวัดพระแก้ว หรือ พระบรมมหาราชวัง
เอาประมาณนี้ละกันนะ จะได้นึกภาพตรงกันว่าควรวางตัวอย่างไร...
ถ่ายรูปก็ถ่าย หมู่คณะก็ถ่าย แต่งตัวก็แบบสำรวมที่ว่า แต่ไม่ต้องไว้ทุกข์แล้ว....
จะเซลฟี่ จะห้ามยังไงล่ะ คนมาคนเดียว อยากถ่ายกับสถานที่สำคัญ ก็ต้องเซลฟี่บ้าง...ไม่น่าเป็นไร
บางความเห็นก็รู้สึกบาดใจ ไม่อยากให้มีคนทะเล่อทะล่าไปทำท่าไม่เคารพสถานที่ ถ่ายรูปออกมาแบบลัลล้า...
แต่ก็นะ...ก็ทำได้แต่ ช่วยกันบอก สะกิดกันนิดหนึ่ง
และที่อยากจะบอกเพิ่มก็คือ...
สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ นอกจากจะเป็นสถานที่ที่ส่งเทวดากลับสู่ฟ้าแล้ว...
ยังเป็นที่ที่เกิดขึ้นด้วยใจและฝีมือของช่างไทยที่ประณีตดีงามที่สุดตั้งแต่พวกเราเกิดมาจะได้เห็น..
อาจจะกล้าพูดได้ว่า งดงามยิ่งกว่างานออกพระเมรุในรัชกาลใดๆ ก่อนหน้านี้ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา...
ไปชมกัน เกรงใจสถานที่ตามสมควร...เหมือนดังอารยประเทศ ในพระราชวังเก่าๆ ที่แม้จะไม่มีราชวงศ์มานานแล้ว ก็ยังถือสาการแต่งตัว การสำรวม การถ่ายภาพ...
อยากให้ทุกคนได้เห็นฝีมือช่างไทย ที่ไม่อาจจะหาประเทศใดทัดเทียมได้เพียงนี้อีกแล้ว...
แค่เคารพฝีมือพวกเขา ก็ถือว่าดีงามแล้ว
และที่ดีงามกว่านั้นคือ...
บริเวณพระเมรุมาศแห่งนี้...เป็นสถานที่ของชาวไทยทั้งปวงได้ร่วมกันเอาวิญญาณของตนมาหลอมรวม เพื่อส่งดวงพระวิญญาณของกษัตริย์อันเป็นที่รักที่สุดของเรา
สรุปคือ...หาคำว่า เหมาะสมให้ได้นะจ๊ะ ว่าควรทำอย่างไร
อรุณาตรีสวัสดิ์จ้ะ"