หลังจากที่
นางจันทิรา ศรีศักดิ์ หรือ "นก" อายุ 48 ปี ชาว จ.เพชรบุรี มารดาของ
นางสาวจริยา ศรีศักดิ์ หรือ "น้องน้ำ" อายุ 16 ปี ที่หายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำเป็นเวลากว่า 5 ปี หลังจากเข้าทำงานกับ "โมนา" นายจ้าง จนกระทั่งมาทราบภายหลังว่า น้องน้ำถูกซ้อมอย่างทารุณ จนเสียชีวิต เบื้องต้น หลังจากทางเจ้าหน้าที่ ได้เชิญตัวผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งใน จ.เพชรบุรี พร้อมลูกสาวและแฟนเก่าของผู้ใหญ่บ้าน มาสอบปากคำ เมื่อคืนที่ผ่านมา (3 พ.ย.) ซึ่งได้ให้การว่า โมนาเป็นคนอารมณ์ร้อน หากไม่พอใจก็จะทำร้ายร่างกายน้องน้ำ โดยช่วงก่อนสงกรานต์ปี 2555 โมนา ได้ใช้กระป๋องสเปรย์ปรับอากาศ ตีไปที่ใบหน้าของน้องน้ำ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และไม่ได้นำส่งโรงพยาบาล จนวันต่อมาน้องน้ำก็เสียชีวิต โมนา กลัวความผิด จึงตัดสินใจนำศพไปฝังบริเวณบ้านของแม่โมนา
ล่าสุด (4 พ.ย.60) ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางมาพูดคุยกับ นางจันทิรา มารดาของน้องน้ำ ที่เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เริ่มมาจากช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 ช่วงนั้นตนประกอบอาชีพขายของ อยู่ใน อ.เมือง จ.เพชรบุรี มีอยู่วันหนึ่ง ตนได้พูดคุยกับ "คุณปลา" ช่างเสริมสวยที่เปิดร้านอยู่ใกล้ๆ กับร้านของตน "คุณปลา" ได้เข้ามาพูดคุยว่า "คุณโมนา เป็นลูกค้าประจำที่ร้านเสริมสวย ที่บ้านคุณโมนา ขาดแม่บ้านอยู่ ไปทำงานกับเขาไหม" ด้วยความที่ตนลำบาก จึงกลับบ้านไปพูดคุยกับน้องน้ำว่า พร้อมที่จะไปทำงานกับคุณโมนาหรือไม่ ปรากฎว่า น้องน้ำตอบตกลง เพราะอยากที่จะช่วยเหลือตน
หลังจากนั้น นางจันทิรา ได้เดินทางไปส่ง น้องน้ำที่บ้านนางโดโร มารดาของ "โมนา" ซึ่งตนได้สอบถาม โมนาว่า ลูกสาวตนต้องทำงานอะไรบ้าง ทางโมนา บอกว่า "งานสบายๆ แค่ทำงานบ้าน ถือกระเป๋าเฉยๆ เงินเดือนประมาณ 6,000 บาท และเดี๋ยวจะพา น้องน้ำกลับบ้านทุกสัปดาห์" พอพูดคุยกันเสร็จสิ้น น้องน้ำได้เดินทางไปกับโมนา
เมื่อระยะเวลาผ่านไป 1 สัปดาห์ นางจันทิรา ได้เดินทางมาหาน้องน้ำที่บ้านนางโดโร มารดาของ "โมนา" แต่ปรากฎว่าไม่เห็นน้องน้ำภายในบ้าน พอมาสัปดาห์ที่ 2 - 3 ตนได้เดินทางมาอีก แต่ไม่เห็น น้องน้ำอีกเช่นเคย
จนกระทั่ง 1 เดือนผ่านไป ตนเริ่มสงสัย เนื่องจากทุกครั้งที่เดินทางไปหาน้องน้ำ ตนไม่เคยเจอเลย ประกอบกับมีคนหนึ่ง ที่คาดว่าน่าจะเป็นลูกจ้างของโมนาเอาเงินค่าจ้างของน้องน้ำมาให้กับตน เป็นจำนวนเงิน 1,500 บาท พร้อมกับบอกว่า เงินค่าจ้าง น้องน้ำคือ 3,000 บาท แต่น้องน้ำเอาไว้ใช้เอง 1,500 บาท
ต่อมาวันที่ 5 มี.ค. 2555 ตนเดินทางไปที่บ้านของมารดาของโมนาอีกครั้ง แต่ไม่พบน้องน้ำอีก จึงได้โทรศัพท์ไปหาโมนาเพื่อขอคุยกับน้องน้ำ ซึ่งตนถามกับน้องน้ำ ว่า "ลูกเป็นอย่างไรบ้าง ถ้าเหนื่อยก็กลับบ้านมานะ ไม่ต้องทนลำบาก" น้องน้ำ ตอบมาว่า "หนูอยู่ได้แม่ หนูคิดถึงแม่นะ" จากนั้นปลายสายได้ตัดไป
พอช่วงปลายเดือนมีนาคม 2555 นางจันทิราได้โทรศัพท์ไปหาน้องน้ำ แต่ทางโมนา ตัดบทว่า "ไม่ว่าง น้องน้ำทำงานอยู่" จนมาถึงช่วงวันที่ 12 เม.ย. 2555 ทางโมนา ได้โทรศัพท์มาหาตน พร้อมบอกว่า ตอนนี้ น้องน้ำได้หนีออกจากบ้านที่เพชรบุรีไปแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตนก็ตกใจ จึงรีบตามหาน้องน้ำ ตามจุดต่างๆที่เคยไป แต่กลับไม่พบตัวน้องน้ำแต่อย่างใด จากนั้นวันที่ 13 เม.ย. 2555 จึงเดินทางไปแจ้งตำรวจไว้ที่ สภ.เมืองเพชรบุรี
นางจันทิรา เล่าให้ฟังอีกว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเพชรบุรี ได้เรียกโมนามาให้การ และเป็นพยานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกว่า 3 - 4 ครั้ง แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือแต่อย่างใด ตนจึงทำได้แต่ขอความช่วยเหลือตามหาน้องน้ำทุกวิถีทาง
ขณะที่ เมื่อช่วงปีพ.ศ. 2558 บ้านตนถูกไฟไหม้ ทำให้เอกสารข้อมูลของน้องน้ำหายหมด ตนจึงต้องไปขอรูปและข้อมูลส่วนตัวของน้องน้ำ ที่เทศบาลเมืองเพชรบุรี เพื่อนำมาประกาศตามหาตัวของลูกสาวและอยากเก็บไว้ดูในยามที่คิดถึง
เมื่อช่วงวันที่ 19 ต.ค. 2560 มีผู้แจ้งเบาะแสมาว่า น้องน้ำเสียชีวิตแล้ว เพราะถูกทุบตีอย่างหนัก เมื่อตนทราบเรื่องก็ทำอะไรไม่ถูก เพราะตกใจ จึงได้เดินทางเข้าแจ้งมูลนิธิปวีณา และวันที่ 24 ต.ค.ทางมูลนิธิปวีณาได้ดำเนินการช่วยเหลือ
ส่วนเมื่อวานที่ผ่านมา (3 พ.ย.) นางจันทิรา ได้บอกให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปสำรวจดูจุดที่น้องน้ำถูกฝังที่บริเวณหลังต้นตาล ในพื้นที่บ้านของนางโดโร เพราะก่อนหน้านี้ตนฝันว่า น้องน้ำมาเรียกหาตน เพราะคิดถึงตน แล้วบอกว่าอยู่ตรงหลังต้นตาล ตนจึงเชื่อ พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ จุดธูปเทียนไหว้ขอเจ้าที่เจ้าทางก่อน จนสุดท้ายพอได้ขุดที่จุดดังกล่าว ลึกไปประมาณ 1 เมตร จึงพบกับชิ้นส่วนมนุษย์ โดยตนจำชิ้นส่วนของเส้นผม และฟันของน้องน้ำได้ จึงเชื่อว่าชิ้นส่วนที่เจอนั้น คือน้องน้ำ
นางจันทิรา ยอมรับว่า ตนคิดถึงลูกมาก เมื่อนึกถึงช่วงที่น้องน้ำ ฟังเพลง หรือเต้นทีไร ก็อยากจะร้องไห้ และอุปนิสัยของน้องน้ำ เป็นคนร่าเริง เข้ากับคนง่าย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ลูกหายไปนานกว่า 5 ปี หัวอกคนเป็นแม่นั้นทรมานเป็นอย่างมาก และเมื่อมาพบว่าลูกเสียชีวิต ก็ทุกข์ทรมานใจ พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ร้องไห้
นอกจากนี้ นางจันทิรา ปักใจเชื่อว่า คนที่ทำร้ายลูกสาวจนเสียชีวิต น่าจะเป็นโมนา ซึ่งหากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจับตัวผู้กระทำผิดมาได้ ก็อยากจะถามว่า
"มาทำร้ายลูกฉันทำไม ลูกฉันไปทำอะไรให้นักหนา ถึงต้องทำร้ายทุบตี "น้องน้ำ" ขนาดนี้ หน้าตาสวยแต่ทำไมจิตใจถึงโหดเหี้ยม" โดยยอมรับว่า รู้สึกโกรธและแค้นมาก
อย่างไรก็ตาม นางจันทิรา ได้ขอขอบคุณ ทุกๆหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือ และรู้สึกดีใจ ที่เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่ หลังจากนี้หากเรื่องจบ ตนก็ไม่รู้ว่าจะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร แต่ก็ต้องเข้มแข็ง เพราะยังมีลูกชายอีก 2 คน ต้องเลี้ยงดู โดยชิ้นส่วนกระดูกหากผลตรวจดีเอ็นเอ ตรวจพบว่าใช่ น้องน้ำจริง ก็จะนำไปฌาปนกิจที่วัดบางขุนไทร ต.บางขุนไทร อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี ต่อไป พร้อมกับนำชุดกระโปรงสีขาวแดงที่น้องน้ำชอบไปด้วย