กรณีเพจเฟซบุ๊ก “เรื่องนี้ถึงโต๊ะหมัด” ได้มีการแชร์เรื่องราวของนายวิโรจน์ จันทร์ทับ อดีตรปภ. วัย 43 ปี ที่ถูกเลิกจ้างงาน เหตุเพราะหัวหน้างานหาคนมาทำงานแทนได้แล้ว ในขณะที่เจ้าตัวลางานไปจัดงานศพให้ภรรยาที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งมดลูก ตั้งแต่วันที่ 1-5 เม.ย.63 นั้น
วันที่ 21 พ.ค.63 นายวิโรจน์ จันทร์ทับ อดีตรปภ.ที่ถูกเลิกจ้าง เล่าว่า ถึงชีวิตจะลำบากแต่ต้องสู้ต่อไป เพราะต้องเลี้ยงลูกและคุณแม่วัย 68 ปี ตนคบกับภรรยามานานกว่า 6 ปี จนเมื่อปี 58 แพทย์ตรวจพบก้อนเนื้อขนาดเท่าหัวแม่มือที่มดลูกของภรรยา ขณะที่ท้องได้ 6 เดือน แพทย์แนะนำให้เอาเด็กออก เพื่อที่จะได้ตรวจก้อนเนื้อว่าเป็นเนื้อร้ายหรือไม่ แต่ภรรยาของตนไม่ยอมฝืนทนความเจ็บปวดจนคลอดลูกชายออกมา ถึงจะยอมผ่าก้อนเนื้อไปตรวจพบเป็นเนื้อร้าย จากนั้นพาภรรยาไปรักษาเรื่อยมา จนชีวิตของตนเริ่มเปลี่ยนไปเนื่องจากไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ เพราะต้องคอยกลับมาดูแลภรรยาที่เริ่มป่วยหนักขึ้นจนไม่สามารถออกไปทำงานได้
ต่อมาเดือนกรกฎาคม ปี 62 มะเร็งมดลูกของภรรยาตนเข้าสู่ระยะที่ 3 นอกจากนั้นภรรยาของตนยังป่วยไทรอยด์เป็นพิษและตรวจพบเนื้องอกในสมองอยู่ใต้เส้นเลือดด ขนาดประมาณ 1 มิลลิเมตร โดยแพทย์ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้ เนื่องจากการผ่าตัดมีความเสี่ยง จึงทำได้เพียงให้ยามาช่วยบรรเทาความเจ็บป่วย ในช่วงต้นปีที่โควิดระบาด ตนซึ่งมีอาชีพเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างนมีรายได้ไม่แน่นอน จึงไปสมัครงานเป็นรปภ.ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 62 ให้กับคอนโดแห่งหนึ่งย่านดินแดง โดยต้องพาลูกชายไปทำงานด้วยทุกวัน เนื่องจากภรรยาของตนนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ทำให้ไม่มีคนดูแลลูก
โดยในวันที่ 22 มีนาคม ภรรยาของตนบอกกับตนว่า แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ในใจคิดดีใจว่าภรรยาอาการดีขึ้น แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่ ภรรยาหลอกตนเพราะอยากกลับมาอยู่กับตนและลูกก่อนตาย วันที่ 29 มีนาคม หลังจากที่กลับมาจากทำงานในช่วงค่ำ พบภรรยาของตอนถ่ายออกมามีเลือดปนจึงรีบพาไปส่งโรงพยาบาล กระทั่งวันที่ 1 เมษายน ภรรยาได้เสียชีวิต โดยที่ตนไม่ทันได้ดูใจ ซึ่งแพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าติดเชื้อในกระแสเลือด
จากนั้นจึงขอลางานรปภ.ในวันที่ 1-6 เมษายน เนื่องจากต้องไปจัดเตรียมงานศพให้ภรรยา ซึ่งหัวหน้างานก็รับรู้ แต่จู่ ๆ ก็โดนหัวหน้ารปภ.เตะออกจากกลุ่มไลน์ โดยให้เหตุผลว่ามีคนทำงานครบแล้ว จะให้เป็นรปภ.สำรองไปก่อน จึงรู้สึกโกรธเพราะหากไม่มีงานประจำทำก็จะไม่มีเงินเลี้ยงลูก เพราะรปภ.ที่นี่ได้ค่าจ้างรายวัน วันละ 450 บาท จึงตัดสินใจลาออกแล้วกลับมาขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างเหมือนเดิมและหารายได้เสริมรับจ้างทั่วไป
อยากจะให้หลาย ๆ คนมองเรื่องราวของตนเป็นอุทาหรณ์ในการสู้ชีวิต เพราะเคยเครียดคิดมากถึงขั้นจะฆ่าตัวตาย โดยใช้สายไฟมาพันพัดลมเพดาน คิดผูกคอตายภายในห้องเช่า แต่ลูกชายเดินเข้ามาถามว่า “พ่อรักพ็อตไหม แล้วพ่อกำลังทำอะไรอยู่” จึงได้บอกไปว่า “ซ่อมสายไฟ” อีกครั้งหนึ่งเคยวางยาเบื่อใส่ในอาหารเย็นให้ทุกคนกิน โดยก่อนจะเริ่มกินลูกชายถามว่า “พ่อรักพ็อตไหม” ตนจึงปัดอาหารที่ภรรยากำลังจะตักเข้าปากนำไปทิ้ง แต่ขณะนี้คิดได้แล้วโดยสัญญากับภรรยาก่อนตายว่าจะดูแลลูกให้ให้ได้ดี
ด้าน นายสุขสถิต อายุ 40 ปี ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการหน่วยงานรักษาความรักษาความปลอดภัย อดีตหัวหน้างานนายวิโรจน์ บอกว่า นายวิโรจน์มาเริ่มงานเป็นรปภ.ภายใต้สังกัดของตนตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ผ่านการแนะนำของคนรู้จัก ซึ่งตนก็รู้สึกเห็นใจที่นายวิโรจน์มีปัญหา จึงตัดสินใจรับเข้าทำงาน นายวิโรจน์จะมารับหน้าที่รปภ.ในกะเช้าตั้งแต่ 07.00 น. - 19.00 น. ได้ค่าจ้างรายวัน วันละ 450 บาท จากนั้นนายวิโรจน์ก็จะไปขับรถจักรยานยนต์รับจ้างต่อ
ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปได้ครึ่งเดือน นายวิโรจน์ก็เริ่มมีอาการเหนื่อยล้าหลับในเวลางาน ลางานถี่ และพาลูกชายวัย 4 ขวบ มาเลี้ยงที่ป้อมรปภ. ส่งผลให้นายวิโรจน์ ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งได้ชี้แจงตักเตือนนายวิโรจน์ไปแล้วแต่นายวิโรจน์ไม่ฟัง ต่อมาเมื่อภรรยาของนายวิโรจน์เสียชีวิต ตนก็เข้าใจในการสูญเสีย จึงอนุญาตให้นายวิโรจน์ลางานตั้งแต่วันที่ 1-6 เมษายน
แต่ในช่วงนั้นมีรปภ.มาสมัครงานใหม่พอดี โดยมีความเห็นว่าความปลอดภัยของผู้อาศัยในคอนโดนั้นรอไม่ได้ จึงรับรปภ.คนใหม่มาทำงานแทนนายวิโรจน์ และได้ชี้แจงกับนายวิโรจน์ว่าจะหางานใหม่ให้ แต่นายวิโรจน์ไม่เข้าใจและเงียบหายไปกระทั่งติดต่อไม่ได้ จึงคิดว่าการที่นายวิโรจน์ออกมาบอกว่า โดนให้ออกจากงานเพราะลาไปงานศพภรรยาอาจดูเกินเหตุกว่าที่เป็น