วันที่ 23 พ.ค.63 นายสวัสดิ์ หมายมุ่ง อายุ 60 ปี เกษตรกร เปิดเผยว่า พื้นเพตนเองมาจากจังหวัดอุบลราชธานี แต่ได้พาครอบครัวมาปักหลักอยู่ใน อ.สะเดา จ.สงขลา กว่า 10 ปี โดยยึดอาชีพทำการเกษตรเป็นหลัก ซึ่งพืชที่ปลูกมาตลอดคือแตงกวา โดยมีประสบการณ์ในการปลูกยาวนาวกว่า 20 ปี ทั้งนี้ในการปลูกจะคัดพันธุ์ที่ดูแลง่ายและต้านทานโรคเช่นพันธุ์ศรแดงและพันธุ์นาตาลี 8
ขั้นตอนการปลูกมีการเตรียมแปลงโดยยกเป็นร่องสูงประมาณ 30 เซนติเมตร กว้างประมาณ 100 เซนติเมตร ส่วนความยาวตามเนื้อที่และตากดินทิ้งไว้ 7-10 วัน เพื่อกำจัดวัชพืชและแมลงศัตรูพืชในดินโดยใช้ขี้ไก่แกลบรองพื้น ซึ่งเนื้อที่ 3 ไร่ใช้จำนวน 80 กระสอบ เป็นการปรับดินให้มีความอุดมสมบูรณ์ โดยไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมีซึ่งการปลูกเป็นแบบมีค้างหรือร้านใช้ตาข่ายดึง เพื่อให้ต้นแตงกวาเลื้อยขึ้นมา ปลูกระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 30–40 เซนติเมตร และหมั่นดูแลให้น้ำเมื่อต้นแตงกวาเริ่มเจริญเติบโต ค่อยฉีดพ่นปุ๋ยบำรุง ซึ่งใช้ปุ๋ยพวกสารอินทรีย์ต่าง ๆ หรือน้ำหมักในการไล่แมลงศัตรูพืช พอแตงกวาอายุได้ 40 วัน ก็จะให้ผลผลิตสามารถเก็บเกี่ยวได้ถึงวันละ 900–1,000 กิโลกรัม ซึ่งหากแตงกวามีความสมบูรณ์ จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นานกว่า 20 วัน โดยจะลดน้อยลงเหลือ 700–800 กิโลกรัมต่อวัน
ทั้งนี้ ราคาขายแตงกวาปัจจุบันนี้กิโลกรัมละ 16 บาท นับเป็นราคาที่ดี ก่อนหน้านี้เคยขายส่งให้กับพ่อค้าที่ซื้อไปขายในประเทศมาเลเซีย แต่หลังจากที่โรคไวรัสโควิด–19 ระบาด ทำให้ต้องหันมาหาตลาดในบ้าน ซึ่งได้แก่ตลาดสะเดา ปาดังเบซาร์ ด่านนอก และตลาดในอ.หาดใหญ่ เฉลี่ยมีรายได้ประมาณ 8–9 พันบาท หรือมีรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายเป็นกำไรในการปลูกต่อรอบประมาณ 60 วัน ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท
อย่างไรก็ตาม แตงกวาเป็นพืชที่ปลูกได้ตลอดทั้งปี และตลาดในบ้านเรามองว่ายังมีความสดใส ทุกวันนี้เก็บแตงกวาได้ประมาณ 800 กิโลกรัม ก็ยังไม่พอขายให้กับลูกค้าที่ส่วนใหญ่เป็นเจ้าประจำยิ่งหากมีการเปิดด่านพรมแดนไทย–มาเลเซียให้มีการเข้า-ออก หรือค้าขายได้ตามปกติ เชื่อว่าการตลาดของแตงกวาจะคึกคักมากขึ้นกว่าเดิ มเนื่องจากตลาดในประเทศมาเลเซียจะนิยมแตงกวาขนาดใหญ่ ซึ่งจะมีน้ำหนักดีต่างจากตลาดในเมืองไทยที่นิยมลูกเล็ก