จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. กระทั่งวันที่ 18 พ.ค.63 ผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ พบร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย และพบบาดเเผลที่อวัยวะเพศ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุการตาย
ล่าสุด ตำรวจฝ่ายสืบสวนยังคงเร่งหาพยานหลักฐานทางคดี อย่าง เสื้อกล้ามสีน้องชมพู่สวมใสในวันเกิดเหตุ ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญ เพราะผลชันสูตรศพ จนถึงขณะนี้ยังไม่พบดีเอ็นเอของบุคคลอื่นปะปนอยู่
ย้อน 5 เส้นทางขึ้นภูเขาเหล็กไฟ เส้นทางที่ 1 หากคนร้ายอุ้มน้องชมพู่ วิ่งทะลุป่ายางตรงข้ามบ้านน้องชมพู่ ใช้เวลาหลบหนี 11 วินาที เส้นทางที่ 2 หากคนร้ายอุ้มน้องชมพู่ วิ่งหลบตามแนวป่าใกล้เส้นทางที่ 1 ใช้เวลาหลบหนี 16 วินาที
เส้นทางที่ 3 หากคนร้ายอุ้มน้องชมพู่ วิ่งตามแนวเส้นทางไร่มันสำปะหลัง ใช้เวลาหลบหนี 20 วินาที เส้นทางที่ 4 หากคนร้ายอุ้มน้องชมพู่ วิ่งทะลุไร่มันสำปะหลัง ใช้เวลาหลบหนี 46 วินาที
เส้นทางที่ 5 หากคนร้ายอุ้มน้องชมพู่ วิ่งตามเส้นทางถนนคอนกรีต ใช้เวลาหลบหนี 25 วินาที
วันที่ 23 พ.ค.63 นางจันทร์ อายุ 74 ปี ชาวบ้านในชุมชน เป็นเจ้าของบ้านหลังสุดท้ายของหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ด้านหลังบ้านน้องชมพู่ บอกว่า วันที่น้องชมพู่หายตัวไปเท่าที่สังเกตไม่เห็นรถแปลก ๆ หรือคนแปลกหน้าเข้ามาในหมู่บ้าน แม้แต่คนในหมู่บ้านก็แถบจะไม่มีใครอยู่บ้าน เพราะแต่ละคนออกไปทำไร่-นา ปกติน้องชมพู่ จะชอบเล่นที่หน้าบ้านและไปซื้อขนมเท่านั้น ไม่เคยวิ่งมาแถวหน้าบ้านตนสักครั้ง
นายอ๊อด ผู้ต้องสงสัย บอกว่า ตนเสื้อสีส้มมี 1 ตัว เป็นเสื้อกีฬาไม่ใช่เสื้อปุ๋ยแจกฟรี ส่วนบาดแผลตามร่างกายนั้น ไม่ได้มีแต่อย่างใด ไม่เคยมีประวัติทางคดีใด ๆ ในโทรศัพท์ไม่มีคลิปโป๊หรือคลิปลามก นอกจากนี้เคยเข้าไปหาของป่าที่ภูเหล็กไฟแค่เชิงเขาเท่านั้น ไม่เคยขึ้นไปสูงกว่านั้น
ด้าน นายวา อีกหนึ่งผู้ต้องสงสัย ตนมีบ้านอยู่ใกล้บ้านของน้องชมพู่ บอกว่า ช่วงเวลา 09.00 น. วันที่ชาวบ้านเริ่มออกตามหาเด็กทราบว่ามีรถบรรทุกขายที่นอนขับเข้ามาในหมู่บ้าน 1 คัน เป็นเวลาเดียวที่น้องชมพู่หายตัวไป หลังจากนั้นตนก็ทิ้งงานแล้วช่วยออกตามหา ยืนยันว่ามีเสื้อสีส้ม 2 ตัว เป็นเสื้อแจ๊คเกตแจกฟรีจากรถไถ แต่ไม่ใช่เสื้อปุ๋ย
ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของฉายามือปราบหูดำ บอกว่า คดีนี้ต้องวิเคราะห์หลายปัจจัยร่วมกันทั้งพฤติกรรมคนร้าย รวมทั้งคดีนี้มองว่า น้องชมพู่ไม่สามารถเดินไปที่เกิดเหตุคนเดียวได้ เนื่องจากไกลจากบ้าน ประกอบกับถ้าเด็กไม่คุ้นเคยจะไม่เดินไปคนเดียวแน่นอน ส่วนกรณีที่สุนัขตำรวจเจอแหวนเป็นหลักฐานชิ้สำคัญที่อาจนำไปสู่เบาะแสคนร้าย
นอกจากนี้ การวัดไซซ์แหวนซึ่งเป็นหลักฐานที่พบในที่เกิดเหตุมีความสำคัญมากที่จะสืบตัวหาเจ้าของ ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับการตายของน้องชมพู้่ด้วย
อย่างไรก็ตาม มั่นใจว่าคนที่ลักพาตัวน้องชมพู่ จะต้องเป็นคนที่รู้จัก หรือคุ้นเคยกับตัวเด็กพอสมควร หรืออีกทางหนึ่งถ้าไม่ใช่คนรู้จักอาจเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะมาอุ้มและใช้มือหรือผ้าปิดปากน้อง
Advertisement