จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. กระทั่งวันที่ 18 พ.ค.63 ผลชันสูตรจาก รพ.ตำรวจ พบร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย และพบบาดเเผลที่อวัยวะเพศ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุการตาย
ขณะที่ตำรวจกำลังเร่งหาหลักฐานเพื่อตรวจหาดีเอ็นเอของคนร้าย และไปพบหลักฐานใหม่ คือ รถแบกโฮของเล่นตกอยู่กลางป่า ซึ่งจะเก็บไปตรวจหาดีเอ็นเอและแกะรอยนิ้วมือแฝง เพราะรอยนิ้วมือจะหายไปจากหลักฐานได้ จากสภาพแวดล้อมที่มีแดดและฝน
อ่านข่าวน้องชมพู่เพิ่มเติม
- เจอหลักฐานใหม่! รถของเล่นเด็กตกใกล้ศพชมพู่ ชี้ฆาตกรใช้ล่อออกไปฆ่า
- หมอธรรมตาทิพย์เปิดนิมิตเสื้อ “ชมพู่” ซ่อนใต้หิน ชี้จุดฆ่าไม่ใช่ที่เจอศพ ท้า ตร.ดู
- วัดไซซ์แหวนตกใกล้ศพ “น้องชมพู่” ล่าฆาตกร ก๊วนผู้ต้องสงสัยปัดใส่เดินป่า
ล่าสุดวันที่ 24 พ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาพบ นางอนงค์ (นามสมมติ) แม่ของ ด.ช.เอ (นามสมมติ) ซึ่งเคยมาเล่นที่บ้านน้องชมพู่ และเป็นเจ้าของรถของเล่นคันดังกล่าว เปิดเผยว่า รถของเล่นเป็นของลูกชายตนจริง ซึ่งเป็นรถที่ได้มาก่อนหน้านี้ ประมาณ 1 ปี เป็นรถของญาติข้างบ้าน ซึ่งไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ลูกชายจึงไปหยิบมาเล่นที่บ้าน
ส่วนเรื่องราคาของรถของเล่น ตนไม่ทราบ แต่ยืนยันได้ว่ารถคันดังกล่าวเป็นของลูกชาย อีกทั้งรถคันนี้หายไปหลังจากที่ตนพาลูกชายไปเล่นที่บ้านน้องชมพู่ เมื่อวันที่ 10 พ.ค.63 ก่อนเด็กหายตัวไป 1 วัน
ทั้งนี้ช่วงที่ตนพาลูกชายมาเล่นที่บ้านน้องชมพู่ เป็นเวลา 09.00 น. ของวันที่ 10 พ.ค.63 ตลอดทั้งวันก็อยู่ที่บ้านน้องชมพู่ ซึ่งเด็กก็เล่นรถคันดังกล่าวด้วยกันจนถึงเวลา 16.00 น. ตนก็พาลูกชายกลับบ้าน ซึ่งวันนั้นนำรถของเล่นไป 2 คัน หลังกลับบ้านก็ลืมของเล่นทิ้งไว้ที่บ้านน้องชมพู่
หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้คิดอะไร ลืมไปเลยว่าของเล่นของลูกชายอยู่ที่บ้านน้องงชมพู่ กระทั่งวันที่ 11 พ.ค.63 หลังจากทราบข่าวว่าน้องชมพู่หายตัวไป ตนก็นึกขึ้นได้ว่าลืมรถของเล่นไว้ จึงไปดูที่หน้าบ้าน แต่ก็ไม่พบรถของเล่นแล้ว ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไร คงจะมีเด็กบ้านอื่นหยิบไปเล่น
กระทั่งหลังจากที่ตำรวจนำภาพมาให้ตนดู จึงทราบว่ารถของลูกชายขึ้นไปอยู่บนเขา ส่วนตัวไม่ทราบว่ารถขึ้นไปอยู่ด้านบนได้อย่างไร แต่เชื่อว่าของเล่นชิ้นนี้อาจใช้ในการหลอกล่อน้องชมพู่ขึ้นไป ส่วนพ่อ ด.ช.เอ ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยด้วย ระบุว่า วันเกิดเหตุตนออกไปทำงานรับจ้างอยู่ที่เต่างอย โดยปกติจะทำงานเช่นนี้ประจำ ทำให้ไม่ค่อยได้อยู่กับลูก อีกทั้งไม่ทราบเรื่องของเล่น จะมีเพียงภรรยาของตนเท่านั้นที่อยู่กับลูกตลอดเวลา
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปพบกับ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจ้าของฉายามือปราบหูดำ ระบุว่า คดีนี้ต้องวิเคราะห์หลายปัจจัยร่วมกัน ทั้งพฤติกรรมคนร้ายและหรือที่เกิดเหตุ รวมทั้งคดีนี้มองว่าน้องชมพู่ไม่สามารถเดินไปที่เกิดเหตุคนเดียวได้ เนื่องจากไกลจากบ้าน อีกทั้งสถานที่ไกล ๆ ถ้าเด็กไม่คุ้นเคยจะไม่เดินทางไปคนเดียวแน่นอน
ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าต้องมีคนพาไป และคน ๆ นั้นต้องรู้จักกับน้องชมพู่เป็นอย่างดี เพราะถ้าไม่รู้จักมักคุ้น น้องชมพู่จะไม่เข้าหาเด็ดขาด หรือหากเป็นคนในพื้นที่หรือคนที่น้องไม่รู้จัก อาจเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะมาอุ้มและใช้มือหรือผ้าปิดปากเด็ก หรือมากไปกว่านั้นอาจมีการหลอกล่อด้วยของเล่น หรือขนม ต่าง ๆ
ส่วนจุดประสงค์ที่คนร้ายพาไป หากมองว่าเป็นเรื่องคนที่ไม่ชอบพ่อแม่พาน้องชมพู่ แก้แค้น เปอร์เซ็นต์มีน้อย เนื่องจากตนมองว่า คนทำไม่น่าคิดซับซ้อนเช่นนี้ ฉะนั้นตนคิดว่าคนร้ายต้องการมุ่งไปทางเรื่องเพศมากกว่า
เมื่อวิเคราะห์ว่าเป็นเรื่องเพศ ต้องย้อนไปดูที่หลักฐานการเสียชีวิต การตรวจวินิจฉัย รวมทั้งดีเอ็นเอและการตรวจชันสูตรของแพทย์มาประกอบกัน ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด เพราะผลชันสูตร 2 ครั้งไม่ตรงกัน
โดยครั้งที่ 1 พนักงานสอบสวน สภ.กกตูม จ.มุกดาหาร ได้ส่งร่างของน้องชมพู่ เด็กหญิงวัย 3 ขวบ ที่พบเสียชีวิตเปลือยในป่าไปชันสูตรที่นิติเวช รพ.สรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ซึ่งผลการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย และไม่พบร่องรอยการร่วมเพศ ทำให้ครอบครัวติดใจสาเหตุการเสียชีวิต
จากนั้นจึงส่งศพไปชันสูตรรอบ 2 ที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ผลปรากฎว่าแพทย์พบร่องรอยถูกทำร้ายร่างกาย และอวัยวะเพศมีบาดแผลฉีกขาด แพทย์จึงเก็บตัวอยางของเหลวในช่องคลอดไปตรวจหาอสุจิ ส่วนจะถูกข่มขืนกระทำชำเราหรือไม่ ต้องรอผลตรวจจากห้องปฏิบัติการประมาณ 30 วัน
พล.ต.ต.วิชัย ระบุว่า ถ้าข้อมูลที่ไม่ตรงกันนี้ เป็นไปได้ว่ามีความคลาดเคลื่อนของแพทย์ที่ตรวจทั้งสองชุด และตนไม่เข้าใจว่าทำไมพิสูจน์ไม่ได้ในขั้นต้น ว่าน้องชมพู่ เสียชีวิตจากสาเหตุใด หากไม่พบร่องรอยล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งจริง ๆ แล้วแพทย์จะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า เสียชีวิตจากสาเหตุอะไร ทั้งจากการปิดปากจนขาดอาการหายใจ หรือบีบคอจนขาดอากาศหายใจ หรือหากน้องชมพู่เป็นลมเสียชีวิตบนโขดหินจากการขาดอาหารเป็นเวลานาน
ตนมองว่าหากเด็กเป็นลมตาย คิดให้ดีน้องชมพู่คงไม่ถอดเสื้อผ้าตัวเองนอนบนโขดหินนอนตายแบบนั้น แสดงว่ามีคนถอดเสื้อผ้า และอีกข้อสังเกต คือเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะพยายามก่อเหตุข่มขืนจริง แต่เกิดสำเร็จความใคร่ ก่อนที่จะกระทำการล่วงละเมิดทางเพศ ฉะนั้นเมื่อคนร้ายกลัวความผิด จึงอาจก่อเหตุฆ่าปิดปากน้องชมพู่ ตนมั่นใจน้องชมพูไม่น่าเสียชีวิตเองตามธรรมชาต ลักษณะนี้ผิดธรรมชาติ
ส่วนพฤติการณ์คนร้าย อาจเป็นพวกนิยมหลับนอนกับเด็กเล็กหรือคนที่มีอายุ หรืออาจมีอารมณ์เปลี่ยวในขณะนั้นกับเด็กก็มีความเป็นไปได้ ข้อมูลเหล่านี้นำมาวิเคราะห์ตัวคนร้ายได้ ส่วนคนร้ายไม่น่าใช่คนไกล ต้องเป็นคนละแวกที่เกิดเหตุ อาจเป็นญาติ คนรู้จัก หรืออาจเป็นคนนอกพื้นที่ที่มาทำงานแถวบ้านน้องชมพู่ จึงชำนาญพื้นที่ เพราะคนที่ไม่เคยมา ไม่รู้จักพื้นที่ คงไม่ดั้นด้นมาขนาดนั้น
ส่วนหลักฐานเพิ่มเติม อย่างแหวนที่พบใต้ต้นไม้ อาจเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญก็ได้ เพราะเมื่อนำมาเผยแพร่ ต้องมีคนใกล้ชิดจำได้ว่าแหวนวงดังกล่าวใครใส่เป็นประจำ ทุกอย่างที่เจอในที่เกิดเหตุจะทิ้งไม่ได้ต้องเก็บไว้ทุกชิ้น หากสุนัขดมกลิ่น ซึ่งได้กลิ่นน้องชมพู่ จะต้องเป็นกลิ่นจากศพเท่านั้น เพราะระยะเวลาจากวันที่ 13 พ.ค.63 จนมาถึงวันที่ 21 พ.ค.63 เป็นไปไม่ได้ว่าจะมีกลิ่นตอนที่น้องชมพู่ยังมีชีวิต อาจเป็นกลิ่นอย่างอื่น หรือสุนัขเจอกลักฐานอย่างแหวนที่เชื่อมโยงคนร้ายก็เป็นได้ "ส่วนระยะเวลาการจับกุมคนร้าย ค่อยข้างนานเกินไป มันเหมือนอยู่ปลายจมูก แต่เรายังจับไม่ได้"
Advertisement