ความคืบหน้าคดีวัยรุ่น ยกพวกบุกทำร้ายคู่อริภายใน โรงพยาบาลกระทุ่มแบน ล่าสุด วันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 เวลาประมาณ 18.00 น. พ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รองผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร รักษาราชการแทนผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนและสืบสวน สภ.กระทุ่มแบน ตลอดจนเจ้าหน้าที่ฝ่ายงานความมั่นคง ได้ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหา 6 คน ที่ยังหลบหนี ตามหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร ในข้อหาร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธหรือโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปในเวลากลางคืน, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้ได้อันตรายแก่กายหรือจิตใจ และร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
โดยผู้ต้องหาทั้ง 6 คน เป็นผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุกับพวกอีก 7 คน ที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ซึ่งบุกรุกเข้าไปทำร้ายร่างกายของคู่อริ ภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 5 พ.ย. เวลาประมาณ 22.30 น.ที่ผ่านมา
รายชื่อผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ที่ถูกจับกุมในครั้งนี้ ประกอบไปด้วย นายณัฐพงษ์ จันทร์ทองสุข หรือคิว อายุ 23 ปี , นายขวัญ พลับกระสงค์ หรือเหม่ง อายุ 33 ปี , นายชาญชัย แช่มชูกุล หรือตู่ อายุ 33 ปี , นายเจนภพ สืบสอน หรือเจ อายุ 26 ปี , นายอธิวัฒน์ รองพินิจ หรือหนึ่ง อายุ 25 ปี และนายสายชล มะโน หรือเขียด อายุ 25 ปี
ทางด้าน พ.ต.อ.สุรพงษ์ เปิดเผยว่า การติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่เหลืออีก 6 คน มาได้จนหมด ถือว่าเป็นการบูรณาการ การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกฝ่าย นับเป็นการปิดคดีอุกฉกรรจ์ในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วอีกคดีหนึ่ง
ส่วนของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้ ทั้ง 7 คน หลังจากที่ถูกส่งตัวไปยังศาลจังหวัดสมุทรสาครแล้ว ทางศาลจังหวัดสมุทรสาครพิจารณาเห็นว่า ผู้ต้องหาทั้งหมดร่วมกันก่อเหตุสะเทือนขวัญและเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจเป็นอย่างมาก จึงเห็นสมควรที่จะไม่ยินยอมให้ประกันตัวแต่อย่างใดทั้งสิ้น และได้มีการส่งตัวไปฝากขังยังเรือนจำจังหวัดสมุทรสาครแล้ว
ด้านนายแพทย์พรชัย พงศ์ประภากร รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระทุ่มแบน เปิดใจว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ก่อเหตุมาได้ทั้งหมด นับเป็นการสร้างขวัญ และกำลังใจ ให้กับแพทย์พยาบาล และผู้ปฏิบัติหน้าที่ ตลอดจนผู้มารับบริการในโรงพยาบาล ตนก็ขอเป็นตัวแทนขอบคุณทุกหน่วยงาน ขณะที่โรงพยาบาลนั้น ไม่ได้คิดจะไปถือโทษผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด แต่ในส่วนของการดำเนินคดีก็ให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้
ขณะเดียวกันทีมข่าวลงพื้นที่พูดคุยกับ น.ส.บุญรัตน์ สิงหทราเมศน์ อายุ 51 ปี ป้าของ นายณัฐพงษ์ จันทร์ทองสุข หรือ "คิว" เปิดเผยว่า ปกติหลานจะอาศัยอยู่กับตน เพราะพ่อแม่แยกทางกัน โดยตนไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนแรก มาทราบตอนมีข่าวออกมา ซึ่งหลานหายตัวออกจากบ้านไปตั้งแต่ วันจันทร์ ที่ 6 พ.ย. ที่ผ่านมา ตนจึงไม่ได้สอบถามแต่อย่างใด แต่รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ปกติหลานจะเป็นคนเงียบๆ ทำอาชีพเก็บเงินกู้ และไม่ค่อยสุงสิงกับใคร
ด้าน น.ส.บุญเรือง จันทร์ทองสุข อายุ 77 ปี ย่าของ "คิว" เปิดใจว่า หลานชายมักจะมาขอเงินเป็นประจำ เพราะไม่ได้มีงานทำเป็นหลักแหล่ง เนื่องจากสุขภาพไม่ดี ซึ่งตนมาทราบเรื่องว่าหลานไปก่อเหตุในโรงพยาบาลก็ตกใจ แต่ไม่ได้ถามรายละเอียดกับหลานชาย เพราะยังไม่เจอกัน จนกระทั่งเมื่อวานที่ผ่านมา (8 พ.ย.) ช่วงเย็น หลานมาหาที่บ้านและบอกว่าจะไปมอบตัว ตนจึงให้เงินไป 1,000 บาท เพราะกลัวหลานจะไม่มีเงินซื้อข้าวกิน
ย่าของ "คิว" ยอมรับว่า หลานชายเป็นเด็กใจร้อน และติดเพื่อน ชอบเที่ยวเตร่แต่ไม่เคยหาเรื่องใครก่อน แค่ก่อนหน้านี้ ช่วงวัยรุ่น "คิว" เคยถูกคู่อริตามไล่ยิงเท่านั้น
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเสียใจมากที่หลานไปก่อเหตุในโรงพยาบาล ซึ่งที่ผ่านมาเคยตักเตือนหลานมาโดยตลอดว่าให้ทำตัวดีๆ ซึ่งหลานก็รับปาก
หลังจากที่หลานเข้ามอบตัว ตนรู้สึกดีใจเพราะไม่อยากให้หลบหนี ซึ่งตนยังไม่ได้เดินทางไปเยี่ยมที่โรงพัก แต่ทราบข่าวว่า หลานจะถูกส่งตัวไปยังศาลจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อฝากขังในวันพรุ่งนี้ (10 พ.ย.) โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะหลานชายจะได้ถูกดัดนิสัยให้เข็ด
ขณะที่อาของ นายอธิวัฒน์ รองพินิจ หรือ "หนึ่ง" เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุหลานออกจากบ้านไปกลางดึก ก่อนกลับมาช่วงเช้าอีกวัน จนตนทราบข่าวว่า "หนึ่ง" ไปก่อเหตุในโรงพยาบาล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจ จึงสอบถามความจริงกับหลาน ซึ่งหลานชายก็ยอมรับว่าทำจริง แต่ไม่ได้เล่าถึงสาเหตุที่ทำแบบนั้น ตนจึงบอกให้ไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหลานก็รับปาก และไม่ได้หนีไปไหน จนกระทั่งเข้ามอบตัวในวันนี้
อาของ "หนึ่ง" บอกอีกว่า ปกติหลานชายเป็นเด็กเรียบร้อย ตั้งใจทำงาน จิตใจดี และที่ผ่านมากินเจ ถึง 10 วัน และชอบสะสมพระเครื่อง รวมถึงทำบุญตลอด "หนึ่ง" ไม่ได้เป็นคนเลวร้าย แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ต้องยอมรับแต่ยังถือว่าหลานชายมีความรับผิดชอบ เมื่อทำผิดก็กล้ายอมรับ ไม่ได้หนีคดีแต่อย่างใด