จากกรณีเมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 27 พ.ค. 63 ร.ต.อ.ชัยยงค์ อำพันเสน รอง.สวสอบสวน สภ.กบินทร์บุรี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ เกิดเหตุแทงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส บริเวณบ้านเลขที่ 48 หมู่ 13 บ้านหนองโคลน ต.วังดาล อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมประสานหน่วยกู้ภัย และ รพ.กบินทร์บุรี ช่วยเหลือผู้ได้รับเจ็บ
เมื่อไปถึงพบที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว มีรอยเลือดหยดเป็นทาง และพบมีดปลายแหลมยาวประมาณ 5 นิ้ว เปื้อนเลือดตกอยู่ที่พื้น ผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ นายภาราดร โนนอิน อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน มีบาดแผลถูกแทงเข้าที่ชายโครงด้านขวาอาการสาหัส เจ้าหน้าทีหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสัจจพุทธธรรมกบินทร์บุรี ได้ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนเปลี่ยนถ่ายให้รถกู้ชีพ รพ.กบินทร์บุรี
นอกจากนี้ยังพบ นายครรชิต อัญชุลี อายุ 20 ปี ลูกเขยของผู้ได้รับบาดเจ็บ ตามตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดที่กระเซ็นใส่ หลังก่อเหตุได้โทรศัพท์ให้เพื่อนมารับเพื่อจะหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจได้ไปถึงที่เกิดเหตุเสียก่อน จึงได้ควบคุมตัวไว้ โดยมีญาติ ๆ และลูก ๆ ของผู้ได้รับบาดเจ็บ รุมชี้หน้าด่า ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีนั้น
ล่าสุดวันที่ 28 พ.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปยังบ้านหลังเกิดเหตุ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เมื่อไปถึงพบว่าเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ไม่มีใครอยู่บ้าน จากการสำรวจพบมีร่องรอยคาบเลือดของผู้บาดเจ็บ อยู่ที่พื้นบ้านจุดเกิดเหตุดังกล่าว
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายสมญา ศรีสง่า อายุ 60 ปี เพื่อนบ้าน เปิดผยว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายครรชิต อัญชุลี อายุ 20 ปี ลูกเขย ส่วนผู้บาดเจ็บ คือ นายภาราดร โนนอิน อายุ 46 ปี เจ้าของบ้านซึ่งเป็นพ่อตา โดยเหตุเกิดวันที่ 27 พ.ค.63 เวลาประมาณ 19.00 น. ขณะที่ตนนอนอยู่ที่บ้านห่างกันประมาณ 15 เมตร ได้ยินเสียงนายครรชิต กับ น.ส.ธนาพร โนนอิน อายุ 20 ปี ภรรยา มีปากเสียงทะเลาะกันเสียงดังลั่น
จากนั้นตนก็ได้ยินเสียง นางปวันรัตน์ โนนอินทร์ อายุ 46 ปี ภรรยาของนายภาราดร ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือว่า "ช่วยด้วย ๆ นายภาราดร ถูกแทง" ตนได้ยินเสียงจึงวิ่งไปยังบ้านจุดเกิดเหตุ พบนายภารดร ถูกมีดทำครัว แทงเข้าที่บริเวณชายโครงด้านขวา 1 แผล ถูกฟันที่หัวไหล่ด้านขวา 1 แผล และถูกฟันที่ศีระษะ 1 แผล รวม 3 แผล ใกล้กันพบ นายครรชิต ยืนถืออาวุธมีด สภาพเสื้อผ้าเปื้อนเลือด โดยไม่ได้คิดหนี ตนจึงพานายภาราดร ไปนั่งพักที่บ้านก่อนโทรแจ้งเรียกรถพยาบาล รพ.กบินทร์บุรี นำตัวรักษา ก่อนประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าคุมตัวนายครรชิต
ส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้น ตนคิดว่าน่าจะเกิดจาก นายครรชิต และ น.ส.ธนาพร มีปากเสียงกันเรื่องเงิน เนื่องจากเกิดสถานการณ์โควิด นายครรชิตไม่ได้ไปทำงาน ภรรยาก็มีลูกอ่อนวัย 1 เดือน จึงไม่ได้ทำงาน ขาดรายได้ เป็นสาเหตุให้เกิดปัญหาทะเลาะกัน จากนั้นนายภารดร เห็นลูกเขยและลูกสาวมีปากเสียงกัน จึงดุด่านายครรชิต ทำให้นายครรชิตเกิดความไม่พอใจ คว้ามีดฟันนายภาราดรจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งหมดที่กล่าวเป็นเพียงการณ์คาดการณ์ของตน ส่วนเรื่องรายละเอียดที่แน่ชัด ต้องไปสอบถามกับทางคนในครอบครัวผู้บาดเจ็บอีกครั้ง
หลังจากนั้นทีมข่าวได้เดินทางไปที่ รพ.กบินทร์บุรี เมื่อไปถึงพบว่าขณะนี้ทางผู้บาดเจ็บ ได้พักรักษาตัวอยู่ภายในห้องพักอุบัติเหตุรวมชาย
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางปวันรัตน์ โนนอินทร์ อายุ 46 ปี ภรรยาผู้บาดเจ็บ เล่าว่า เหตุเกิดวันที่ 27 พ.ค.63 เวลาประมาณ 19.00 น. ลูกเขย และลูกสาวได้มีปากเสียงกัน เรื่องเงินประสังคมจากที่ทำงาน ที่ลูกเขยทำงานอยู่ ให้ชดเชยในช่วงโควิด จำนวน 2-3 พันบาท แต่ลูกเขยมาขอเงินไปเที่ยวงานวันเกิดกับเพื่อน ลูกสาวจึงไม่ให้เนื่องจากทั้งคู่มีลูกอ่อนวัย 1 เดือน เงินที่ได้มาลูกสาวจึงจะเก็บไว้เป็นค่านม และค่าผ้าอ้อมเด็ก ทำให้ลูกเขยเกิดความไม่พอใจ
นอกจากนี้ตอนที่ทั้งคู่ทะเลาะกัน สามีของตนนั่งดื่มสุราอยู่กับเพื่อน 1 คน สามีได้ใช้ลูกเขยเก็บข้าวของภายในบ้านที่วางระเกะระกะให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ทางลูกเขยที่กำลังอารมณ์ไม่ดี จึงเดินไปเก็บของด้วยอาการไม่พอใจ เปิดปิดประตูบ้านกระแทกเสียงดัง ก่อนลูกเขยจะเดินไปหยิบมีดทำครัว ที่อยู่ในบ้านออกมาฟันเข้าที่บริเวณศีรษะด้านขวาของสามี จำนวน 2 แผล แทงเข้าที่บริเวณชายโครงด้านขวา 2 แผล และฟันที่ช่วงหัวไหล่ด้านขวา 1 แผล รวม 5 แผล
ทั้งนี้ตนเห็นสามีถูกลูกเขยทำร้าย จึงรีบวิ่งเข้าไปห้าม แต่ก็ถูกลูกเขยเหวี่ยงมีดมาฟัน เฉียดเข้าที่บริเวณปลายใบหูด้านซ้าย จำนวน 1 แผล เย็บ 5 เข็ม จึงร้องตะโกนบอกลูกเขยว่า "หยุดเลย แม่โดนฟันแล้วเห็นไหม" ลูกเขยจึงหยุด ก่อนที่ลูกสาวจะวิ่งเข้าไปกอดลูกเขยไว้ เพื่อไม่ให้ทำร้ายใครอีก เพื่อนบ้านที่ได้ยินเสียงจึงวิ่งมาดู และช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและรถพยาบาลเข้าให้การช่วยเหลือ
อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวหลังจากเกิดเหตุ ก็รู้สึกตกใจที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เพราะปกติแล้วลูกเขยก็ไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะต้องการให้ลูกเขยสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำ โดยที่จะไม่ประกันตัว หรือช่วยเหลือแต่อย่างใด ส่วนลูกสาวหลังเกิดเหตุ ก็คงจะเลิกกับลูกเขยคนนี้ เพราะทนกับพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้