จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบายความในใจต่อเรื่อง นักเรียนเตรียมทหาร ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 นักเรียนเตรียมทหารเสียชีวิต ข้อความที่ นายธนวัตร โพสต์ มีประโยคที่ทำให้สังคมออนไลน์จับตามอง คือ “ให้ลูกผมตายแทนไหม"
ล่าสุด วันนี้(26 พ.ย.60) นายธนวัตร เหรียญประเสริฐ เปิดใจกับทีมข่าวว่า รู้สึกเสียใจต่อการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก แต่สิ่งที่กระทำลงไปไม่ต้องการให้ร้ายหรือว่าร้ายใคร เพียงแต่เป็นการระบายในพื้นที่เฟซบุ๊กของตนเอง แต่เมื่อข้อความถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้รู้สึกเสียใจ พร้อมกับอยากขอโทษทุกคน
ส่วนความรู้สึก ก่อนที่โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ขณะนั้น ตนรู้สึกอัดอั้น โพสต์ไปทั้งน้ำตา เนื่องจาก "โรงเรียนโดนกระหน่ำ โดนถล่มหลายเรื่อง มันเหมือนกับลูกผมโดนไปด้วย เด็กๆเขารักโรงเรียน ห่วงโรงเรียนของเขา ตนก็รักโรงเรียนเหมือนกับลูก"
วันที่โพสต์ข้อความดังกล่าว เป็นวันเกิดของตนเองด้วย และภายหลังที่ได้โพสต์ข้อความ ได้ปิดโทรศัพท์ทันที และไม่คาดคิดว่าต้องโดนด่า ไม่คิดว่ากระแสสังคมจะตีกลับ แต่คิดเพียงว่าจะต้องมีเพื่อนๆ เข้ามาถามว่าโพสต์ไปเพราะสาเหตุใด แต่ผิดคาด เนื่องจากหลังจากที่โพสต์ข้อความดังกล่าวไป ได้มีผู้ปกครองของเด็กนักเรียนได้เข้ามาให้กำลังใจ เพราะถือว่ามีคนพูดแทนแล้ว
โดยลูกชายของตน เป็นพี่ของน้องเมยในชมรม ลูกชายตนเป็นมือตรวจกระบี่ของชมรม จึงได้รู้จักกับน้องเมย แต่ไม่ได้รู้จักเป็นทางการ และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลน้องเมย
ส่วนกระแสก่อนหน้านี้ ที่ระบุว่า ลูกชายตนทำร้ายน้องเมย ยืนยันว่า ไม่ใช่ เพราะลูกชายไม่ได้เกี่ยวข้องกับน้องเมย ข่าวออกมาผิดทุกอย่าง และลูกชายไม่เคยเป็นผู้สั่งทำโทษ น้องเมย เนื่องจาก ขณะนั้น ลูกชายไม่ได้เป็นนักเรียนบังคับบัญชาเสียด้วยซ้ำ เพราะลูกชายเพิ่งได้ขึ้นเป็นนักเรียนบังคับบัญชาหลังมีการปลดคนเดิมออก และหากใครที่ไม่ได้ขึ้นเป็นนักเรียนบังคับบัญชา จะไม่มีสิทธิ์ทำโทษ
นายธนวัตร เล่าต่อว่า การทำโทษเป็นเรื่องปกติของระบบในโรงเรียน เพราะลูกตนโดนลงโทษมาเยอะ ส่วนคำว่า แ_ก ผู้ปกครองทุกคนจะรู้ ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โต
นอกจากนี้ นายธนวัตร ได้ฝากไปถึงครอบครัวน้องเมยว่า "ผมขอโทษ ที่วิพากษ์วิจารณ์ หรือพิมพ์อะไรไป อาจกระทบกระเทือนจิตใจครอบครัวของน้อง ซึ่งหัวอกความเป็นพ่อ เป็นแม่ที่สูญเสียลูกไป ผมก็เข้าใจ และเสียใจ ขอโทษสังคม ที่ขาดการยั้งคิด ตนไม่ได้ตั้งใจ ไม่มีเจตนาใดๆ เพียงบ่นในพื้นที่ตัวเอง เสียใจที่ถูกสังคมพิพากษา และห่วงความรู้สึกของลูกเท่านั้นเอง"
สำหรับคำพูดที่ว่า “ถ้าลูกผมตายแทนได้” นายธนวัตร กล่าวชี้แจงว่า คำพูดดังกล่าวตนแค่เปรียบเปรย ส่วนตัวไม่ได้ตั้งใจจะให้มองว่าไปเปรียบเปรยใคร ไม่รู้จะพูดอะไรลงไป ที่มันจะเทียบเท่า ตนก็รักลูก จึงได้นำลูกไปเปรียบ
นายธนวัตร ยังบอกอีกว่า อยากให้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนจบ ไม่อยากให้เป็นประเด็นต่อ และหากลูกตนเสียชีวิต ตนก็พร้อมยอมรับในกติกาของระบบโรงเรียน และยังศรัทธา เนื่องจาก ทราบมาตั้งแต่แรกแล้วว่า การฝึกมีทั้งหนัก เบา และมีการลงโทษ แต่ไม่ได้มีเจตนาจะไปพูดจากระทบกระเทือน หรือกระแทกจิตใจใคร โดยลูกชายและตน ต่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ลูกชายตนเข้มแข็งพอ พร้อมยังบอกว่า “ป๊า ไม่เป็นไร หนูไม่เป็นไร”
ขอบคุณภาพจาก อินสตาแกรม t_nawat1971