จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Aomsin โพสต์ในเพจสุราษฎร์ธานีว่า แฟนหนุ่มถูกชายฉกรรจ์ 5-6 คนลากขึ้นรถ อ้างว่าเป็นตำรวจแต่ไม่แสดงบัตร จนมีการยื้อยุดและถ่ายคลิปเอาไว้ เมื่อนำตัวไปถึงสถานีตำรวจ ได้ทำการตรวจปัสสาวะ แต่ไม่พบสารเสพติด จึงปล่อยตัวออกมา โดยหนึ่งในชุดจับกุมพูดว่าให้เดินกลับไปเอง ไม่มีคำขอโทษใด ๆ ทำให้เจ้าตัวรู้สึกกลัวต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
วันที่ 17 มิ.ย.63 นายเชิดชัย จงพินิจวัฒนกุล อายุ 49 ปี ผู้ที่เห็นเหตุการณ์ บอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เวลา 17.00 น. ขณะที่ผู้เสียหายกับแฟนมาซ่อมรถจักรยานยนต์ที่ร้านตน จู่ ๆ มีชายฉกรรจ์ประมาณ 5 คน ขับรถกระบะมาจอดหน้าร้าน และพยายามจับกุมผู้เสียหายขึ้นรถ ซึ่งทราบว่าชายฉกรรจ์เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะจำหน้าได้ โดยตนบอกให้ตำรวจสอบถามผู้เสียหาย รวมถึงแสดงบัตรก่อน แต่อีกฝ่ายไม่ฟัง พยายามนำผู้เสียหายขึ้นไปบนรถ ซึ่งตนเองไม่สบายใจ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมที่ร้าน ทำให้หลายคนมองว่าเป็นสายให้กับตำรวจทั้งที่ไม่ใช่ความจริง
นายวิทนันท์ สุวรรณเกยูร อายุ 26 ปี ผู้เสียหาย บอกว่า ขณะที่นั่งรอซ่อมรถอยู่ที่ร้านกับแฟนสาว จู่ ๆ มีชายฉกรรจ์ 5 คนลงมาจากรถกระบะ ล็อคตัวจะพาขึ้นรถ พร้อมพูดว่า “โจ้ มึงมากับกู” ซึ่งชื่อดังกล่าวไม่ใช่ชื่อตน จึงตะโกนให้คนอื่นช่วย พร้อมกับบอกว่าจะโทรหาตำรวจก่อน แต่อีกฝ่ายตอบว่าเป็นตำรวจ แต่ไม่ได้บอกว่าตนมีความผิดอะไร เมื่อขอดูบัตร หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ได้ยื่นโทรศัพท์ที่มีภาพถ่ายบัตรมาให้ดูแต่ให้ดูแค่ชั่วครู่แล้วรีบดึงกลับ ซึ่งยื้อกันอยู่ประมาณ 5 นาที สุดท้ายต้องขึ้นรถไปพร้อมแฟนสาว
ขณะอยู่ที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ขอตรวจปัสสาวะแต่ผลออกมาว่าไม่พบสารเสพติด หนึ่งในชุดจับกุมจึงพูดว่า ”ให้มันเดินกลับ” แต่มีตำรวจอีกคนยินดีจะไปส่ง โดยไม่มีใครกล่าวคำขอโทษ กระทั่งแฟนสาวนำเรื่องราวดังกล่าวไปโพสต์ทำให้มีข่าวออกมา ทางผู้กำกับการสภ.เมืองสุราษฎร์ธานี จึงเรียกไปพบพร้อมกล่าวคำขอโทษ และอ้างว่าจับผิดตัว เพราะมีข่าวมาว่าคนร้ายที่ลักรถและขายยาเสพติดได้ไปซ่อมรถที่จุดดังกล่าว ซึ่งตอนนี้ไม่ได้ติดใจเอาความ แต่อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานให้รัดกุมกว่านี้ เพราะตนไม่มีประวัติเรื่องอาชญากรรม รวมถึงยาเสพติดมาก่อน
พ.ต.อ.ศิริชัย สุขสาตต์ ผกก.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี บอกว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องเข้าใจผิด เกิดขึ้นจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสืบทราบว่า มีการซื้อขายยาเสพติด โดยนัดหมายส่งยาเสพติดที่ร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ ซึ่งสายชี้เป้าว่า ผู้ก่อเหตุชื่อ “โจ้” มีรอนสักที่แขน จึงจับนายวิทนันท์ ที่มีลักษณะดังกล่าวมาตรวจสารเสพติด แต่เมื่อตรวจแล้วไม่พบสารเสพติดจึงปล่อยตัวไป ซึ่งหลังเกิดเหตุได้พูดคุยทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงบัตรประจำตัวแล้วในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝง และสั่งให้เจ้าหน้าที่ปรับการทำงานไม่ให้เกิดเหตุลักษณะนี้ขึ้นอีก