วันที่ 23 มิ.ย.63 พล.อ.จตุพร กลัมพสุต ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า และ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 และผอ.รมน.ภาค 4 ได้ร่วมสั่งการให้เจ้าหน้าที่คณะทำงานพิเศษ สำนักอำนวยการข่าวกรอง กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ทหารพราน กรมทหารพรานที่ 49 และเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่านราธิวาสที่ 3 ขึ้นพิสูจน์ทราบพื้นที่ป่าไม้ถาวร บนเทือกเขาสันกาลาคีรี ช่วงบริเวณบ้านมูบาแรแน ม.7 ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส หลังได้รับแจ้งเบาะแสจากชาวบ้านว่ามีประชาชนจากนอกพื้นที่ ลักลอบขึ้นไปตัดไม้ทำลายป่า
เจ้าหน้าที่จึงแบ่งกำลังกันนั่งรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ และเดินเท้าท่ามกลางสายฝนที่กำลังตกลงมา ขณะขึ้นเทือกเขาไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวที่มีการบุกเบิกไว้ ซึ่งเป็นอุปสรรคทำให้รถติดหล่มหลายครั้ง โดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่จึงเดินทางถึงเป้าหมาย และพบผืนป่าถาวรต้นน้ำของแม่น้ำสายบุรี ถูกแผ้วถางและต้นไม้ใหญ่ถูกโค่น ได้รับความเสียหายเป็นหย่อม ๆ จำนวน 7 จุด รวมพื้นที่ได้รับความเสียหายทั้งหมดประมาณ 36 ไร่เศษ โดยมีไม้ขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ถูกตัดโค่นด้วยเครื่องเลื่อยยนต์เป็นท่อนซุง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 160 ซ.ม. ยาว 320 ซ.ม. จำนวน 2 ท่อน และมีท่อนไม้ขนาดเล็กถูกตัดโค่นอีกเป็นจำนวนมาก
แถมยังมีขี้เลื่อยซึ่งเป็นร่องรอยของการแปรรูปไม้ที่ถูกขนย้ายออกนอกพื้นที่ไปแล้ว โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายทั้ง 7 จุดนี้ มีร่องรอยการใช้จอบและเสียมขุดเป็นหลุม เตรียมการไว้ที่จะปลูกต้นทุเรียนและต้นยางพารา โดยเฉพาะจุดที่ 6 เจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดเครื่องเลื่อยยนต์ได้ 1 เครื่อง ที่มีการแอบซุกไว้ในพงหญ้าที่รกทึบ
เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่านราธิวาสที่ 3 จึงได้ทำการจดบันทึกความเสียหายและตรวจยึดของกลางทั้งหมดนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.จะแนะ เพื่อสืบหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีในความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 และ พ.ร.บ.เครื่องโซ่เลื่อยยนต์ พ.ศ.2545 ต่อไป