ถึงจะไม่ค่อยเห็นหน้าค่าตานักแสดงอารมณ์ดี "ปู โลกเบี้ยว" ผ่านทางหน้าจอในบทบาทต่างๆ สักเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่เจ้าตัวขอส่งเสียงผ่านรายการวิทยุ FM 95 ลูกทุ่งมหานคร เพื่อให้ความสุขกับแฟนๆ มากกว่า แถมยังใจดีดูดวงให้ฟรีผ่านทางหน้าปัดด้วย แถมลีลาการจัดรายการยังมันส์!! สุดขั้วตามสไตล์ ปู โลกเบี้ยว อีกด้วย และเพื่อให้แฟนๆ ได้หายคิดถึง รายการ ต้มยำอมรินทร์ เลยเชิญมาอัพเดทเรื่องราวชีวิต พร้อมเปิดสถานะหัวใจ คบกับแฟนมา 22 ปี แต่ไม่ขอแต่งงานเพราะเป็นคนรักอิสระ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ซ้ายทะลวงไส้ “เขาทราย” เอาชีวิตรอดจากอุบัติเหตุมาได้เพราะมีของดี!
- "บอย พิษณุ" ยอมรับตรงๆ เป็นคนกลัวภรรยา ลั่น!! อยากมีลูกใจจะขาดแล้ว
- "เปียเชอร์ คริสเต็นเซ็น" ผันตัวเป็นสาวชาวไร่ แต่ไม่คิดหันหลังให้วงการ
- "แอน อังคณา" ขอกลับมาทวงบังลังก์ เซ็กซี่สตาร์คืน พร้อมเผยชีวิตเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
- ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร! เปิดชีวิตสุดดราม่า "โซเฟีย" เคยคิดฆ่าตัวตายเพราะพิษรัก
ปู โลกเบี้ยว : ตอนแรกๆ เลยนะ เรากลัวคนจะแย่งสมบัติเรามากเลย คือเราคิดว่าสิ่งที่เราทำมา เราจะไม่ให้ใคร แต่ตอนนี้ปรากฏว่าประกันชีวิตชื่อเขาหมดเลย เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเหมือนเป็นการพิสูจน์ว่า เขามาช่วยดูแลครอบครัวเราได้ ดูแลแม่ ดูแลน้อง แม่พี่อายุ 86 แล้ว เป็นอัลไซเมอร์ คือเขาแก่มาก ส่วนน้องชายกินเหล้ามาก จนกลายเป็นเส้นเลือดในสมองแตก ต้องมีคนคอยดูแล ด้วยความงกของพี่ พี่ก็ไม่จ้างใครค่ะ อย่างเช่น ถ้าเราออกมาทำงาน เขาก็จะเป็นคนดูแลแม่กับน้องชายเรา
ปู โลกเบี้ยว : เขาก็ดูแลให้หมดทุกอย่างเรื่องรถ เรื่องอะไรต่างๆ ที่เราไม่รู้ เราก็จะแบ่งหน้าที่ถูบ้านกัน ใครถูวันไหน เชื่อไหมบ้านเขาเป็นพวกผู้ดี ผู้ดีจริงๆ นามสกุลเขาคือผู้ดีมาก ถึงขนาดเคยให้พี่สะใภ้มาดูเขาแล้วไปฟ้องแม่เขาว่าเราใช้ลูกเขาเก็บขี้หมา คือเขาเป็นลูกคุณหนู แต่พี่ไม่สน แต่ทุกวันนี้ แม่เขามีความรู้สึกว่าพอมาคบกันเรา ลูกเขาดีขึ้น เช่น ลูกเขาไม่เคยเก็บที่นอนเลย เขาก็เก็บที่นอน ทำอะไรก็เป็นระเบียบ
ปู โลกเบี้ยว : แต่ด้วยพี่เป็นคนรักอิสระ วิธีเดียวที่เราจะอยู่กับคนที่เรารักได้ก็คือเราจะต้องให้เวลาแก่กัน เช่น อย่ามาโทรจิก ไม่ชอบ ถ้าไม่โทร โอเคอยู่กันได้ เขาก็รู้ว่าเราทำงาน เขาจะไม่ยุ่งกับเรา เรารู้ว่าเขาทำงาน เราจะไม่ยุ่งกับเขา ถ้าให้อิสระกับเรามันจะดี ถ้าไม่ให้อิสระ อย่างที่บอกคนเราเจอกันทุกวันๆ มันมีสิทธิ์ที่จะทะเลาะกัน ทุกวันนี้พี่ถึงแยกห้องนอน แยกห้องน้ำ แต่บางคนอาจจะรู้สึกว่าฉันมีบ้านอยู่แค่นี้ มันก็เบียดกัน อาจจะใช้วิธีแบบช่วงไหนที่คุณมีความรู้สึกว่าจะต้องทะเลาะกัน คนหนึ่งก็นอนโซฟา คนหนึ่งก็นอนเตียงแล้วกัน จริงๆ มันช่วยได้ ถ้าเราทุกคนเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ เราจะอยู่กันได้ดีแล้วมีความสุข
ถาม เคยดูดวงให้แฟนไหมว่าจะนอกใจหรือเปล่า
ปู โลกเบี้ยว : เคย ผู้หญิงทั่วไปจะมีเซนส์อยู่แล้วเรื่องพวกนี้ เป็นปกติอยู่แล้ว แต่บังเอิญพี่ดูดวงเป็น แล้วพี่รู้ว่าจังหวะชีวิตตอนนี้เขาเป็นอย่างนี้ แล้วตัวเราเอง พฤติกรรมเราเอง เราไม่ได้ตอบสนองเขาเต็มที่ นั่นแปลว่า 3 เหตุผลและที่แน่นอน พี่ก็ลองฮัลโหลเลย “ฮัลโหลอยู่กับใครอะ ขอคุยกับคนข้างๆ หน่อยสิ” เขาก็เงียบ แล้วเขาก็ให้คุยกับคนข้างๆ พี่ก็บอกว่า “หนูมีปัญหาเรื่องความรักหรอ?” เขาก็ถามรู้ได้ยังไงคะ “เออ พี่ฉลาด” แล้วก็ถามวันเดือนปีเกิดเขา เขาก็มีปัญหาเรื่องแฟนจริงๆ แล้วพี่ก็ไม่พูดอะไร เพราะแค่นี้ทั้งคู่เขาก็จะต้องรู้สึกและเกรงเราแล้ว เขาก็จะไม่ไปทำอีก ถูกปะ แค่นั้นเอง เราไม่ใช่ แก!! แกมาแย่งผัวฉันหรอ? ไม่
ถาม โทรไปดูดวงให้เขาด้วย?
ปู โลกเบี้ยว : โทร แล้วเราก็แก้ให้เขาด้วย
ปู โลกเบี้ยว : พอหลังๆ เราก็บอกว่าไม่ดูดวงเขาแล้วดีกว่า เพราะความทุกข์มันมาอยู่ที่ตัวเรา
ถาม พี่ปูดูดวงจากอะไร?
ปู โลกเบี้ยว : พี่ดูจากวันเดือนปีเกิด เพราะว่าวันเดือนปีเกิดเนี่ย มันบ่งบอกถึงนิสัยของคน แต่ว่ามันจะมีว่านิสัยลึกๆ จะเป็นอย่างไรด้วยนะ พี่ก็จะคอยเปิดปฏิทิน คอยดูว่าคนนี้เป็นยังไง แล้วก็มีจังหวะชีวิตของคน ว่าจังหวะชีวิตของคนมันถึงตรงไหนแล้ว เช่น เขามาปรึกษาว่าเขาอยากจะลงทุน เราก็ดูจังหวะชีวิตเขาว่าน่าจะเสียเงินมากกว่าจะได้เงิน เราก็ไม่ไปค้านเขานะ ไม่ได้บอกว่าอย่านะ เพราะว่าใจเขาคิดจะไปลงทุนอยู่แล้ว เราก็บอกว่าทำแบบเล็กๆ ก่อน ทำน้อยๆ หน่อย เมื่อขาดทุนมันก็จะได้ขาดทุนน้อย เนื่องจากเราดูแล้วว่านิสัยของเขาเนี่ยเป็นคนที่ไม่ฟังใคร ถ้าจะขาดทุนก็ขาดทุนด้วยมือตัวเองคนอื่นอย่ามาบอก เพราะฉะนั้นแบบนี้เราก็ต้องวิเคราะห์ให้ได้ว่าคนๆ นี้เราจะต้องพูดยังไงอะไรแบบนี้
ถาม คนที่เขาอยากให้เราดูเนี่ย พอเราดูเสร็จ เขาไม่เหมาะกับอันนี้แน่เลย แต่ถ้าเราจะพูดหักหาญน้ำใจเขาเกินไปก็ดูทำร้ายเกินไป
ปู โลกเบี้ยว : ใช่ๆ พี่อยากจะให้กำลังใจคนมากกว่า เพราะว่าพี่มีความรู้สึกว่าการให้กำลังใจคน สำหรับคนที่ชอบมาดูดวง เราให้คำปรึกษาเขาเนี่ย เหมือนเราให้เลือดอะ สมมุตเราให้กำลังใจอั๋น อั๋นมีครอบครัว อั๋นมีพลังในการไปเลี้ยงครอบครัว ลูกเขาเป็นคนที่สำคัญต่อประเทศชาติอย่างนี้ แต่ถ้าเราไม่ให้กำลังใจคนนี้ ครอบครัวเขาอาจจะล้มไปเลยก็ได้ พี่มีความรู้สึกว่าเราต้องให้กำลังใจมากกว่าจะไปหักหาญ แต่การที่เราอยากจะเตือนเนี่ย เราต้องดูให้ดีๆ ไม่ใช่อยู่ๆ ก็อยากจะไปเตือนเขา พี่เลยต้องดูลักษณะนิสัยของคนคนนั้น แล้วพี่ก็ไม่รับดูดวงใครด้วย เพราะพี่มีความรู้สึกว่า ถ้าไปเอาเงินเขามา เขาเสียเงินมาแล้ว เขาจะต้องดูเยอะ ดูพ่อตาแม่ยาย ผัวลูกเต้าเยอะไปหมดเลย แล้วพี่จะรู้สึกว่าพี่จะเสียความเป็นส่วนตัวพี่ แต่ถ้าใครอยากให้พี่ดู เขาก็มาถาม หรือพี่ถามจะถามอะไรไหม? ขนาดเราโทรศัพท์ไปคอลเซนเตอร์หรืออะไรก็ตาม เขาก็จะบอกก่อนว่า “คุณยุวดี เรืองฉายหรือเปล่า?” เราก็บอกใช่ เขาก็เงียบ เราก็ถามว่า อยากจะถามอะไรพี่ไหม? คือหนูเนี่ย อาจจะพูดอะไรไม่ได้เพราะว่ามันมีการอัดเสียง เขาก็จะบอกวันเดือนปีเกิดมา เราก็พูดๆๆไป
ถาม พี่ปูรู้ใช่ไหมว่าถ้ารับดูดวงแบบรายคน พี่ปูจะรวยมาก แต่พี่กลับมาทำเป็นวิทยุแล้วก็ดูฟรี
ปู โลกเบี้ยว : ตอนแรกๆ เลยนะ พี่เรียนใหม่ อาจารย์คนแรกบอกว่าเราต้องมีค่าครูให้ค่าครู พี่ก็เก็บ โหว... ดูแบบว่าเยอะมาก คนนึงเป็นชั่วโมง สองชั่วโมงอะไรงี้ไม่ไหวมั้ง พอเรียนไปเรื่อยๆ มีอาจารย์คนหนึ่ง เขาอยู่ในวงการแล้วก็ไปบวช กลับมาเป็นคนสอน ท่านก็บอกว่า “ไอ้ปูเอ๊ย ถ้าเราดูให้เขาได้ฟรีๆ โดยไม่เก็บเงิน แต่เรามีเงินในการเลี้ยงตัวเองจากอาชีพอื่น ทำให้เขาเถอะนะ” เราก็บอก ทำไมล่ะ เพราะคนที่เขามาหาเรา แปลว่าเขาทุกข์ เราให้กำลังใจ เราให้อะไรเขาอย่างเนี่ย เหมือนที่บอกอะ พอคนนี้มีกำลังใจ เขาก็ทำให้ครอบครัวเขาดี ครอบครัวเขามีสมาชิกหลายคน เท่ากับเราช่วยได้ไม่รู้กี่สิบชีวิต ส่งต่อพลังบวก อันนี้จะดีกว่า จนกว่าเราไม่มีปัญญาในการหาเงินที่อื่นแล้ว ค่อยมาเก็บเงินกับเรื่องของการดูดวง พี่ก็เลยถ้ามีอีเวนท์ก็เก็บกับอีเวนท์ เพราะอีเวนท์จ่ายตังค์เยอะหน่อย แล้วก็ไม่ได้ดูมาก อยากจะบอกเลยนะ คนที่มาดูดวงเนี่ยเขาจะจำแค่สิ่งดีๆ สิ่งไม่ดีคือจำแป๊บเดียวเขาจะไม่จำ สมมุตเราบอก เดี๋ยวอีกสัก 3 ปี 5 ปี 6 ปี เขาจะเป็นอะไร ไม่มีใครจำหรอกเชื่อไหม? เพราะฉะนั้นการดูเนี่ยไม่จำเป็นต้องดูแบบลึกหรืออะไรขนาดนั้น แล้วก็ไม่ต้องดูนาน การไปเก็บเงินเขาแล้วก็มาดูนิดหน่อยเนี่ย มันก็มีความรู้สึกไม่คุ้ม
ถาม มีคำถามอะไรไหม ที่ไม่ควรถามหมอดูเลย?
ปู โลกเบี้ยว : จรรยาบรรณข้อที่ 1 ห้ามบอกว่าเขาจะตาย ห้ามบอก ซึ่งเรารู้ว่ามันน่าจะมีอุบัติเหตุถึงขนาดน่ากลัวเลยทีเดียว อย่างคนที่ตาลอย ไปดูตามหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง ตามันจะลอยขึ้นมาแบบนี้(ทำตาให้ดู) มันจะเห็นตาขาว 3 ด้าน ตามนุษย์เราเนี่ยมองไปเนี่ยเราจะเห็นตาขาว 2 ด้านใช่ปะ ซ้าย-ขวา แต่ถ้ามันลอยขึ้นโดยที่เขาไม่ได้ง่วงนอนหรืออะไรแบบนี้นะ แล้วเราเห็นตาขาว 3 ด้านเนี่ย พวกนี้ตายโหง ไม่งั้นก็ตายก่อนวัยแน่ๆ
ถาม เราดูดวงให้ตัวเองอยู่เสมอไหม?
ปู โลกเบี้ยว : ไม่ค่อย แต่มีบางครั้งก็ได้ดูเพราะว่าเขาไม่ให้ดูดวงตัวเองเพราะอะไรรู้ไหม? เขาบอกว่าอย่าดูดวงให้ตัวเองนะ เพราะว่าเราจะเข้าข้างตัวเอง มนุษย์ทุกคนก็จะเข้าข้างตัวเองทั้งนั้น ทั้งๆ ที่เราผิด เราก็จะเข้าข้างตัวเองถูกปะ เหมือนกัน เราก็จะเข้าข้างตัวเอง เพราะฉะนั้นเลยไม่ค่อยดูดวงตัวเอง แต่ก็มีบ้างที่เราอาจจะมีลางสังหรณ์เป็นธรรมดา
ถาม แล้วอย่างนี้ พักๆ นึงเราจะแอบดูไหม ดูดวงแม่หน่อยซิแม่จะเป็นยังไง? ดูดวงคนนั้นคนนี้หน่อยซิ หรือสมมุติวันนี้จะต้องดิวงานกับใคร แอบดีกว่า?
ปู โลกเบี้ยว : อันนี้สมควร ถ้าเรื่องจะต้องทำมาหากินอะไรอย่างนี้ เราต้องดูนะ เหมือนที่คนโบราณเขาย่างซ้ายขวาดูเวลา เราก็ต้องดู ถ้าเราอยากจะให้ราบรื่น เราก็ต้องดูนิดนึง แล้วมันเป็นเรื่องที่แปลกมากเลยนะ ถ้าเราดูว่าวันนี้เราไปเจอกับคนนี้แล้วมันถูกกันอะ มันก็คุยกันถูกคอ แต่ถ้าหากไปเจอคนที่เราไม่ถูกกัน เราต้องระวังคำพูดให้มาก มันก็เป็นเหมือนสิ่งที่เตือน การดูดวงเนี่ยมันเหมือนเรารู้แผนที่ชี้ว่าเราควรจะไปซ้ายหรือไปขวาหรือเราจะหยุด มันก็เป็นสิ่งที่ดีไง เพียงแต่ว่าถ้าเราไปเจอหมอดูที่เขาหากินธุรกิจ เราก็อาจจะโดนเขาหลอก
ถาม ถ้าเราตั้งใจดูดวงตัวเองแบบไม่เข้าข้าง ตอบได้เลยปะว่าจะตายเมื่อไหร่?
ปู โลกเบี้ยว : ไม่ได้ เพราะพี่ยังไม่เคยได้ดู มันต้องดูละเอียดมากว่าตายเมื่อไหร่ พี่ยังไม่เคยดูตัวเองเรื่องตายเลยไง พี่ก็ไม่รู้ ขนาดพี่รู้ว่าตัวเองเนี่ยงานไม่มีหรือว่าชีวิตแย่เนี่ย แต่พี่ไม่เคยทุกข์เลยว่า อุ๊ย ชีวิตฉันแย่ ฉันอะไร เมื่อกี้เราคุยเรื่องของการลงทุนในกองทุน พี่ก็ลงทุนในกองทุน หายไปแบบ...เราไม่ได้หายคนดียว แล้วพี่ก็รู้ว่าช่วงนี้มันไม่สามารถตีกลับมาได้ พี่ก็รู้ตัวเองดี เพราะพี่ดูดวงตัวเอง พี่ก็จะไม่ไปยุ่งกับการเปิดดูเลย เพื่อพี่จะได้ไม่ประสาทกินถูกปะ? ถ้าพี่ประสาทกินปั๊บแย่เลย นี่คือสิ่งที่พี่ป้องกันตัวเอง เช่นเดียวกับการที่พี่รู้ว่าคนอื่นเป็นอย่างนี้ พี่ก็จะเตือนเขาแค่นี้เหมือนกัน
ส่วนงานละคร ปู โลกเบี้ยว ยังคงรับอยู่เหมือนเดิม แต่มีความสุขในการจัดรายการวิทยุมากกว่า เพราะเป็นสิ่งที่เราทำให้คนอื่นมีความสุขด้วย ในช่วงที่เราได้ดูดวงให้เขา ทำให้เขาหัวเราะได้ ถึงจะแม่นหรือไม่แม่นไม่รู้แต่ขอแค่เขายิ้ม เราคิดว่านั่นคือความสำเร็จของเราแล้ว