เมียนรินแฉผัวถูกขู่ให้รับปล้ำเด็ก ชี้รอยฉีกแค่เกา หวั่นเป็นแพะคดีชมพู่-ตร.โต้ (คลิป)

จากกรณีน้องชมพู่ อายุ 3 ปี สูญหายจากบ้านพักพัก อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ตั้งแต่วันที่ 11 พ.ค.63 จนไปพบศพกลางป่าบนเขาภูเหล็กไฟ ห่างจากบ้าน 5 กม. กระทั่งวันที่ 24 มิ.ย.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับนายนริน เชื้อคมตา ผู้ต้องหาคดีอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งก่อเหตุกับเด็กหญิงเอ วัย 5 ขวบ และยังตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีน้องชมพู่นั้น

คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่ 

ล่าสุดวันที่ 26 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมายังบ้านของนายนริน ซึ่งบรรยากาศก็เงียบเหงา ไม่มีใครอยู่บ้าน ประตูบ้านปิดแน่นสนิท คาดว่าภรรยาและลูก ๆ ของนายนริน น่าจะไม่ได้นอนอยู่บ้าน ต่อมาทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับนางแย้ม พี่สาวของนายนริน และนายอ๊อด

นางแย้ม ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า ขณะนี้ความรู้สึกของตน ก็ยังเป็นห่วงน้องทั้งสองคน สำหรับนายนริน ตนก็กลัวว่าเขาจะเป็นแพะของคดีน้องเอ และน้องชมพู่ ส่วนนายอ๊อดตนก็ยังเป็นห่วงความเป็นอยู่ของเขา ไม่รู้น้องจะอยู่อย่างไร เพราะยังขาดการติดต่อกับนายอ๊อดอยู่

โดยเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.63 เวลาประมาณ 17.00 น. ขณะที่ตนเองกำลังกลับจากทำไร่ ตนได้ขับรถผ่านหน้าบ้านของนายอ๊อด ก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มหนึ่ง แต่งกายนอกเครื่องแบบ มาควบคุมตัวนายอ๊อด เด็กหญิงเอ และภรรยาของนายอ๊อดไป ตนสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า จะนำตัวทั้ง 3 คนไปไหน ก็ได้รับคำตอบว่า "ป้าไม่ต้องห่วง ผมจะพาไปเที่ยว ป้าไม่ต้องบอกนักข่าวนะ"

จากการที่ตนเองมองหน้านายอ๊อดวันนั้น สีหน้าก็ดูเครียด แต่ตนก็ไม่รู้ว่าตำรวจนำตัวนายอ๊อดพร้อมครับครัวไปทำอะไร ตอนนี้ตนก็ยังไม่รู้ความเป็นอยู่นายอ๊อดและครอบครัว กระทั่งทราบข่าวอีกที นายนริน ถูกออกหมายจับคดีอนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีแล้ว ซึ่งเด็กคนนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นลูกสาวของนายอ๊อด

ทั้งนี้ตนมั่นใจว่านายนริน ไม่มีทางกระทำอนาจารกับหลานสาวได้แน่นอน และที่กังวลไปกว่านั้น ตนกลัวว่านายนริน จะตกเป็นผู้ต้องหาคดีน้องชมพู่ แต่ตนก็ยืนยันเหมือนเดิมว่านายนริน ไม่ได้กระทำน้องชมพู่แน่นอน ตอนนี้ก็มีแต่ลูกชายของนายนริน ที่ยืนยันความบริสุทธิ์ของพ่อ ว่าเห็นพ่อนอนอยู่บ้าน ในวันที่ 11 พ.ค.63 วันที่น้องชมพู่หายตัวไป

อย่างไรก็ตาม นางแย้ม ยังเผยอีกว่า ทุกวันนี้ก็ยังคงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เพราะเป็นห่วงน้องทั้งสองคน โดยเฉพาะนายอ๊อดที่ยังติดต่อไม่ได้เลย ตนก็อยากขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าอย่าให้มีการจับแพะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะคดีใดก็ตาม

หลังจากนางแย้ม ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ก็จะเดินทางไปที่ สภ.กกตูม พร้อมญาติ เพื่อแจ้งความกรณีนายอ๊อด ที่หายตัวไป และเพื่อไปขอเอกสารเกี่ยวกับคดีนายนริน

เมื่อนางเเย้ม ได้เดินทางเข้าเเจ้งความกับตำรวจ สภ.กกตูม และได้ทำธุระจนแล้วเสร็จ จึงได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตนยืนยันว่าในวันที่ 11พ.ค.63 วันที่น้องชมพู่หายตัวไปนั้น เห็นนายนริน นอนอยู่ในบ้านทั้งวัน ไม่ได้ออกไปไหน อีกทั้งตอนที่น้องชมพู่หายไป ตนก็ไปช่วยตามหา ซึ่งตอนนั้นนายนริน ก็ยังอยู่ที่บ้าน ตนจึงเชื่อว่านายนรินไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ ขอความเป็นธรรมให้นายนรินด้วย

ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลกับตำรวจ สภ.กกตูม ทราบว่าขณะนี้ตัวนายอ๊อด ภรรยา เเละลูกสาว คือ น้องเอ (นามสมมติ) วัย 5 ขวบ ไม่ได้หายไปไหน เเต่อยู่ในความดูเเลของกระทรวงพัฒนาสังคมเเละความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จังหวัดมุกดาหาร ขอให้ญาติได้สบายใจ

ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางตามครอบครัวของนายนริน มาที่ สภ.กกตูม โดยนางชนาภา ภรรยาของนายนริน ได้ให้ข้อมูลว่า จะมาขอเอกสารเกี่ยวกับคดีของนายนรินเพิ่มเติมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เมื่อย้อนคำสัมภาษณ์วันที่ 17 พ.ค.63 ที่ผ่านมา นายนริน บอกว่า ตนไปที่ภูผาเหี่ย แต่วันที่ 25 มิ.ย.63 ให้สัมภาษณ์ว่า นอนอยู่บ้านไม่ได้ไปไหน ส่วนภรรยาของนายริน ที่ยืนยันว่า วันที่ 11 พ.ค.63 สามีนอนอยู่บ้านตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย และช่วงค่ำก็ขึ้นเขาออกไปตามหาน้องชมพู่ 

จากนั้นนางชนาภา ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ว่าวันนี้ที่ตนเดินทางมาที่ สภ.กกตูม เพื่อขอเอกสารเกี่ยวกับคดีนายนริน จะดูว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐาน หรือเอกสารอะไรที่จับกุมสามีตนได้ ซึ่งพวกตนยังคาใจตรงนี้อยู่ ตอนนี้ตนก็อยากร้องขอความเป็นธรรมให้สามีทุกวิถีทาง เนื่องจากว่าวันที่ 20 มิ.ย.63 ที่ตำรวจมาคุมตัวสามีไปสอบสวนนั้น แจ้งกับตนว่าจะนำไปสอบสวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีน้องชมพู่

แต่ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ คุมตัวสามีสอบสวนอยู่ที่โรงพัก สามีก็ได้โทรศัพท์มาหาตนอยู่บ้าง ตนก็ได้สอบถามว่าอยู่กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาได้ทำร้ายร่างกายหรือไม่ สามีก็ตอบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ทำร้าย ในช่วงนั้นตนจึงให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า ไม่ค่อยเป็นห่วงสามีมากนัก 

ส่วนไทม์ไลน์ของสามีตนในวันที่ 11 พ.ค.63 โดยเฉพาะเวลาประมาณ 09.00 - 10.00 น. นั้น นางชนาภาขอชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ค.63 สามีตนได้ออกไปตัดไม้ที่ภูผาเหี่ยตั้งแต่เช้า และกลับเข้าบ้านช่วงดึก ๆ ตนรู้สึกตัวตื่นมาเข้าห้องน้ำก็ยังเห็นสามีอยู่ แต่ไม่ได้ดูนาฬิกาว่าสามีกลับเข้ามากี่โมง และสามีก็ไม่ได้เข้าไปนอนในห้องนอนกับตน แต่ได้ไปนอนที่ห้องโถงภายในบ้าน

กระทั่งเช้าวันที่ 11 พ.ค.63 ตนก็ได้ตื่นมานึ่งข้าว ก็ยังเห็นสามีนอนอยู่ที่จุดเดิม เมื่อทราบข่าวน้องชมพู่ ก็ได้ออกจากบ้านไปช่วยตามหา ส่วนสามีก็นอนอยู่ที่บ้าน และมีลูกชายคนกลางอยู่ด้วยทั้งวัน และลูกชายคนกลางก็ยืนยันกับตนจนถึงขณะนี้ว่า อยู่กับพ่อจริง ๆ ตนจึงขอยืนยันว่าวันที่ 11 พ.ค.63 ที่ผ่านมา สามีตนไม่ได้หายออกจากบ้าน และที่สามีตนให้สัมภาษณ์ไม่ตรงกันก็เพราะสามีตน เป็นชาวบ้านธรรมดา อาจให้การสับสนบ้าง จำไม่ได้บ้าง

นางชนาภา เผยอีกว่า ก่อนที่สามี จะกลับบ้านในวันที่ 24 มิ.ย.63 สามีก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะถูกหมายจับคดีอนาจารเด็ก และสามี ยังบอกตนอีกว่าวันนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประมาณ 7 นาย เข้ามาข่มขู่ บอกให้ยอมรับสารภาพเรื่องกระทำอนาจารเด็กหญิงเอ ซึ่งสามีตนก็ยืนกรานว่าไม่รับสารภาพ เพราะไม่ได้ทำความผิด และถึงจะซ้อมให้ตายก็ไม่รับสารภาพ

ตอนนี้สภาพจิตใจของตนก็เป็นกังวล ตนไม่ไว้ใจในกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกแล้ว ตนจะเดินหน้าสู้เต็มที่ ถึงตนจะมีแค่มือเปล่าก็ตาม และกรณีที่มีข่าวว่ามีชาวบ้าน พบเจอรถจักรยานของสามีตน แถว ๆ สวนยางนายแต ในวันที่น้องชมพู่หายตัวไปนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะวันที่ 11 พ.ค.63 จักรยานตนจอดอยู่บ้าน ตนจอดไว้ตั้งนานแล้ว จนเครือไม้ขึ้นเต็มไปหมด ตนดูข่าวก็ยังรู้สึกงงเหมือนกันว่าจักรยานของตนไปเป็นประเด็นข่าวได้อย่างไร

สำหรับคดีของเด็กหญิงเอ ตนก็อยากจะรู้ความจริงเหมือนกัน ล่าสุดตนก็ยังติดต่อครอบครัวเด็กหญิงเอไม่ได้ และถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าสามีของตนไม่กระทำอนาจารที่ถนนหน้าบ้านนายอ๊อด พ่อของเด็กหญิงเอ ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.พ.63 ที่ผ่านมา ทำไมไม่แจ้งความตั้งแต่ตอนนั้น ทำไมต้องรอให้มาถึงเดือน พ.ค.63 

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้คดีน้องชมพู่ก็ยังไม่คลี่คลาย ตนคิดว่าสามีตนก็อาจจะถูกเชื่อมโยงคดีน้องชมพู่แน่นอน แต่ตนขอรับประกันว่าสามีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทั้ง 2 คดี ถึงจะตัดสินสามีตนออกมาแบบไหน ตนก็ไม่มีทางเชื่อสิ่งที่ทำกับสามีและครอบครัวตนเอง ตนอยากจะถามว่าเพราะพวกตนจน ไม่มีรถ ไม่มีเงินเหรอ ถึงได้กระทำแบบนี้กับพวกตน

นอกจากนี้ นางชนาภา ยังให้สัมภาษณ์ถึงข้อพิรุจบางอย่างอีกว่า เมื่อประมาณปลายเดือน ก.พ.63 ที่ผ่านมา ภรรยาของนายอ๊อด ได้โทรศัพท์มาเล่าว่าลูกสาวของเขา ถูกเพื่อนร่วมชั้นต่อยท้อง ทำให้ไม่สบาย กินข้าวไม่ได้ ด้วยความเป็นห่วงหลาน ตนเองก็ได้เดินทางไปยังบ้านของนายอ๊อด ที่อยู่ห่างจากบ้านของตน ประมาณ 350 เมตร

เมื่อไปถึงตนก็เห็นเด็กหญิง ใช้นิ้วมือแหย่ที่อวัยวะเพศ ส่วนมือข้างขวาก็กอดเสาร้องไห้ ด้วยความสงสัย ตนจึงถามผู้เป็นแม่ว่า หลานเป็นอะไร ทำไมต้องใช้มือแหย่แบบนั้น จึงได้คำตอบว่า หลานสาวมีอาการปัสสาวะขัด ตนจึงแนะนำให้พาไปหาหมอ กระทั่งมาทราบข่าวว่าหลานสาวเข้าโรงพยาบาล นานกว่า 1 สัปดาห์ และผลตรวจออกมาปรากฏว่าอวัยวะเพศฉีกขาด

ตนจึงอยากให้แม่ของเด็กหญิงเอ ออกมาพูดความจริงว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตนก็ขอยืนยันว่า ช่วงปลายเดือน ก.พ.63 ตนเห็นหลานใช้มือแหย่อวัยวะเพศจริง ๆ เพราะฉะนั้นสามีตนไม่มีทางก่อเหตุแน่นอน ถามว่ากลัวหรือไม่ที่สามีจะกลายเป็นแพะในคดีน้องชมพู่ ตอนนี้สามีตนก็เป็นแพะอยู่แล้ว ไม่ต้องให้ถึงคดีน้องชมพู่

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ติดต่อสัมภาษณ์ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้ข้อมูลว่า นายนริน ถูกจับกุมในข้อหาอนาจารเด็กผู้หญิง อายุ 5 ขวบ ขอย้ำว่านายนริน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีน้องชมพู่ ณ เวลานี้ ทั้งนี้หากภรรยานายนริน มีความข้องใจว่าตำรวจมีการข่มขู่หรือบังคับให้สามีรับผิดนั้น สามารถแจ้งความเอาผิดได้กับเจ้าหน้าที่ได้ตลอดเวลา ในกรณีไม่เชื่อใจเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีช่องทางจำนวนมากให้ตรวจสอบ

โดยหน้าที่ของตำรวจนั้น ขอเรียนชี้แจ้งว่า 1.ตำรวจมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย 2.ถ้ามีความรู้สึกหรือมีหลักฐานว่ามีเจ้าหน้าที่ข่มขู่ ไปแจ้งความกับหน่วยใดก็ได้ที่ตรวจสอบตำรวจ พร้อมที่จะรับการตรวจสอบ และ 3.ที่แจ้งมาทั้งหมดไม่ใช่ความจริง จนตำรวจเกิดความเสียหายอาจจะมีการดำเนินการทางคดี ฟ้องร้องทางแพ่งและอาญากับผู้แจ้ง