เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ยังได้เดินทางมาพบกับ นางจำลอง แดนกาไสย ชาวบ้าน ซึ่งเป็นเจ้าของป่ามันสำปะหลัง ข้างสวนยางพาราตรงจุดที่อ้างว่าพบรถจักรยาน โดยทีมข่าวนำรถจักรยานยนต์ของนายนรินให้นางจำลองดู เปิดเผยว่า ตนเห็นรถจักรยานจริง ลักษณะเป็นทางสามแพร่ง ท้ายซอยของซอย 2 ซึ่งเป็นซอยกลางหมู่บ้าน
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
โดยตอนจอดน่าจะช่วงสาย ๆ แต่ตนจำไม่ได้แน่ชัดว่าช่วงวันไหน แต่จำได้ชัดว่าเป็นรถคันนี้แน่นอน แต่ตนไม่เห็นคนขับ ส่วนที่ตนจำได้ว่ารถมาจอดตรงนี้ เนื่องจากตนยังพูดบ่นทำนองว่า น้องชายนายนริน มาจอดรถตรงนี้ ไปหาผักหวานหรือไม่ เพราะปกติน้องนายนริน ชอบมาเก็บผักหวานไปขาย ส่วนคนในหมู่บ้านจะจำผิดหรือไม่ว่า เห็นรถจักรยานของนายนรินแล้วจำวันผิด ก็อาจจะเป็นได้
ส่วนวันค้นหาน้องชมพู่ ยืนยันว่าไม่เห็นนายนรินจริง ตนไม่ได้ช่วยหรือปรักปรำ นายนรินปกติเป็นคนดี คนร่าเริง เมื่อหลายปีก่อนนายนริน ก็เคยมานั่งกินเบียร์กินเหล้าที่บ้านตน จะว่าสนิทกันก็ได้ แต่นายนริน ไม่ได้มาบ้านนานแล้ว
เส้นทางที่ 3 = 500 เมตร จะผ่านบ้านประมาณ 4-5 หลัง จากนั้นก็ถึงป่ายางท้ายซอยดังกล่าว ก่อนเดินไปถึงบ้านน้องชมพู่ จึงใช้เวลาทั้งสิ้น 6.31 นาที
ทีมข่าวทดสอบเดิน โดยเริ่มจับเวลาการเดินเพื่อเดินมาที่บ้านน้องชมพู่ พบว่าหากเลือกจาก 3 เส้นทาง เป็นทางที่ปลอดคนมากที่สุด ชาวบ้านให้ข้อมูลว่าวันที่ 11 พ.ค.63 เป็นวันแรกนาขวัญ ชาวบ้านส่วนใหญ่ออกไปทำสวน ทำไร่ เพราะเป็นวันดี ระหว่างทางต้องผ่านซุ้มประตูวัด ข้ามถนน จากนั้นก็จะเข้าซอย 3 ก่อนเดินผ่านบ้านคนไป ประมาณ 4-5 หลัง จากนั้นก็ถึงป่ายางท้ายซอยดังกล่าว ก่อนเดินไปถึงบ้านน้องชมพู่ จึงใช้เวลาทั้งสิ้น 6.31 นาที
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมาพบกับ นางอด วรสาร อายุ 67 ปี ชาวบ้านในซอย 3 เป็นหลังสุดท้ายของซอย ซึ่งมีเบาะแสในวันที่ 11 พ.ค.63 เปิดใจว่า ตนเองอยู่บ้านในวันเกิดเหตุ โดยอยู่ในครัวช่วงเวลา 07.00 น. ตอนนั้นที่บ้านก็ไม่มีใครอยู่บ้าน ลูกชายก็ออกไปข้างนอก สามีก็ไปเกี่ยวหญ้าให้วัว ส่วนตัวไม่ทันได้มองเวลาว่าขณะนั้นกี่โมง ตนเองได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ผ่านบ้านตนไปที่ท้ายซอย ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่ารถใคร ซึ่งตอนนั้นเข้าใจว่าเป็นพนักงานการไฟฟ้า ตนจึงไม่ได้ออกไปดู
ตอนนั้นเสียงรถที่ไปทิศทางหลังซอย แต่ไปได้ไม่ไกล จากนั้นเสียงรถก็กลับลงมาจากท้ายซอย ออกไปทางปากซอย ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเป็นรถของใคร ทุกอย่างวันนั้นก็ปกติ ได้ยินแค่เสียงรถจักรยานยนต์ ไม่มีเสียงคนร้อง หรือเสียงใครพูดอะไรกัน แต่หลังจากนั้นตนมาคุยกับชาวบ้าน ซึ่งก็มีการทักท้วงกันว่า ปกติพนักงานจดค่าไฟจะมาช่วงวันที่ 20 ของทุกเดือน ซึ่งตนก็แปลกใจ แต่ก็ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องเด็กหาย จึงไม่เดินไปดู ประกอบกับสุขภาพตนก็ไม่ค่อยดี
อย่างไรก็ดี เสียงรถก็เสียงปกติ ไม่ได้ดังอะไร วันนั้นก็มีรถแค่คันเดียวผ่านบ้านตน ซึ่งวันนั้นคนในซอยบ้านตนก็ไม่มีใครอยู่บ้าน ส่วนใหญ่ออกไปทำสวนกันหมด น้องชมพู่ก็ไม่เคยมาละแวกนี้ ตนเคยเห็นแค่ 2-3 ครั้ง สมัยที่แม่น้องชมพู่พาไปส่งที่โรงเรียน ตอนที่แม่น้องชมพู่มาถามหา ก็บอกว่าตนไม่เห็นเด็ก
ส่วนเรื่องนายนริน ตนก็ไม่เห็นนานแล้ว วันดังกล่าวก็ไม่เห็นผ่านบ้านของตน รถจักรยานก็ไม่เคยเห็นปั่นเข้ามา ตนทราบแค่ว่าส่วนใหญ่นายนริน มักจะไปหาของป่าฝั่งภูผาเหี่ยเท่านั้น