หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับนายนริน เชื้อคมตา ผู้ต้องหาคดี อนาจารเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี กล่าวหาก่อเหตุกับเด็กหญิงวัย 5 ขวบ ซึ่งเป็นหลานสาวของตัวเอง และตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีน้องชมพู่ ถูกคุมตัวสอบ 4 วัน 3 คืนด้วยนั้น
คลิกอ่านข่าว "น้องชมพู่" ทั้งหมดที่นี่
ล่าสุด วันที่ 27 มิ.ย. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่บ้านของนายอ๊อด บ้านปิดเงียบไม่มีคนอยู่ ขณะที่นายไสว เชื้อคมตา อายุ 53 ปี พี่ชายของนายนริน และนายอ๊อด เปิดเผยว่า ตนเพิ่งทราบผ่านทีมข่าวอมรินทร์เป็นครั้งแรกว่านายอ๊อด น้องชายของตนไม่อยู่บ้าน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ พม. นำตัวไปดูแลพร้อมครอบครัว
โดยเมื่อวานนี้ และก่อนหน้านี้หลายวัน ทุกครั้งที่ตนจะไปไร่ในช่วงเช้า ตนก็ได้ไปเรียกนายอ๊อดที่บ้าน ให้เขาเอาข้าวให้สุนัขกินอยู่เป็นประจำ ยอมรับว่าตนเองไม่เคยรู้มาก่อนว่าน้องชายหายตัวไปไหนทั้งที่ตนอยู่บ้านใกล้กัน และตนก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่านายนริน น้องชายตนเองอีกคน มีคดีก่ออนาจารหลาน 5 ขวบของตัวเอง
ทั้งนี้ ตนไม่เชื่อว่านายนรินจะก่อเหตุอนาจารเด็กจริง เนื่องจากไม่ค่อยเห็นนายนรินมาแถวนี้ ส่วนใหญานายนรินจะชอบเข้าป่า เข้าสวนมันสำปะหลัง ส่วนเรื่องการประกันตัวนายนริน ตนเองก็ไม่รู้เรื่อง เพราะไม่ได้คุยกับทางพี่น้องคนอื่น ๆ เนื่องจากบ้านของตนอยู่ไกลจากหมู่บ้าน สำหรับนายนรินและนายอ๊อด น้องชายทั้ง 2 คน เป็นคนที่มีนิสัยพูดตรงไปตรงมา ซึ่งสภาพจิตใจของตนตอนนี้ค่อนข้างแย่ ตนเสียใจและคิดถึงน้องมาก
หลังจากให้สัมภาษณ์ทีมข่าวอมรินทร์ นายไสวกลั้นน้ำตาไม่ไหว ร้องไห้ออกมาทันที พร้อมใช้หมวกเช็ดน้ำตา
ทีมข่าวเดินทางมายังบ้านของนายนรินในตอนเช้า พบน้องสาวของนายนริน นั่งอยู่หน้าบ้าน 1 คน แต่ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ ที่พื้นดินหน้าบ้าน มีเทียน 5 คู่ ดอกพุทธ 5 คู่ ใส่จานวางไว้ที่หน้าบ้าน และธูปอีก 5 ดอก ปักไว้ข้างกัน
น้องสาวนายนริน ให้ข้อมูลว่า ตนเองนำจากดอกไม้ธูปเทียนมาวางไว้หน้าบ้าน เพื่อไหว้วิญญาณบรรพบุรุษให้เป็นขวัญกำลังใจให้กับนายนริน
น.ส.หมวย (นามสมมติ) ลูกสาวของนายนริน เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวของตนและครอบครัวของนายอ๊อด ไม่เคยทะเลาะกัน ปัญหาของหลาน 5 ขวบ คือถูกเพื่อนผู้ชายเล่นกันจนมีบาดแผล ตั้งแต่ช่วงเดือน ก.พ. 63 ก็คิดว่าเรื่องจบไปแล้ว ตอนนั้นพ่อของตนก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และนายอ๊อด พ่อของเด็กก็มาชวนพ่อของตนไปหาปลาตามปกติ และเคยมาจ้างพ่อของตนไปกรีดยางอีกด้วย เรื่องทั้งหมดก็ไม่เกี่ยวกับพ่อของตน
ยอมรับว่ารู้สึกงงที่ตำรวจนำตัวพ่อของตนไปสอบปากคำตั้งแต่วันที่ 20 มิ.ย. 63 ซึ่งเป็นวันเดียวกับนายอ๊อดและเมียถูกคุมตัวไป กระทั่งวันที่ 24 มิ.ย. ก็มีหมายจับพ่อตน ตนเชื่อใจพ่อว่าพ่อไม่ใช่คนก่อเหตุแน่นอน
ซึ่งจากข้อมูลบันทึกการจับกุมของตำรวจ ระบุพฤติการณ์ของนายนรินว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2563 เวลาประมาณ 13.30 น. แม่ของเด็กพบว่าเด็กมีอาการปัสสาวะไม่ปกติ จึงได้พาไปตรวจที่สถานพยาบาลชุมชนบ้านกกตูม และกลับบ้านในวันเดียวกัน แต่อาการก็ยังไม่หาย จึงได้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเต่างอย และแจ้งว่าเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ
ล่าสุด วันที่ 27 มิ.ย. 63 ทีมข่าวได้รับเอกสารบันทึกข้อความของโรงเรียนในพื้นที่เกิดเหตุ โดยระบุว่า หลังเด็กหญิงผู้เสียหายวัย 5 ขวบ ได้รับบาดเจ็บมีอาการป่วยและเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเต่างอย ให้เหตุผลว่าเด็กหญิงวัย 5 ขวบและเด็กชายแมน (นามสมมติ) เพื่อนร่วมชั้นเรียน มีการหยอกล้อเล่นกันจนเกิดอุบัติเหตุ
ซึ่งมีการเรียกผู้ปกครองทั้ง 2 ฝ่ายมาตกลงพูดคุยกัน มีการผูกข้อไม้ข้อมือและชดใช้เงินค่าทำขวัญ 4,000 บาท พร้อมเซ็นเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ โดยมีแม่ของเด็กหญิงเป็นผู้ลงลายมือชื่อด้วยตัวเอง
หลังจากนั้น ผ่านมานานกว่า 4 เดือน มีการเชิญตัวพ่อแม่ของเด็กหญิงผู้เสียหายไปซักถาม และหลังจากนั้นมีการเชิญตัวนายนรินไปซักถามคดีของน้องชมพู่นาน 4 วัน 3 คืน และต่อมามีการออกหมายจับนายนริน ในความผิดฐานอนาจารเด็ก
โดยมีการอ้างวันเกิดเหตุวันที่ 19 ก.พ. 63 เวลา 13.30 น. ที่บ้านพักของเด็กหญิงผู้เสียหายวัย 5 ขวบ ถูกนายนรินล่วงละเมิด แต่รูปภาพที่ถูกอัปโหลดลงทางเฟซบุ๊กของโรงเรียนที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นวันราชการเปิดทำการเรียนการสอนตามปกติ และเด็กหญิงผู้เสียหายไปเรียนตามปกติ โดยมีภาพของเด็กหญิงผู้เสียหายวัย 5 ขวบ ร่วมทำกิจกรรมกับทางโรงเรียนทำความสะอาดโรงเรียนอยู่ จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการณ์นี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายนรินหรือไม่
นางฝน (นามสมมติ) ภรรยาของนายนริน ยืนยันว่าตนเองพูดความจริง ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนเองไปที่บ้านของน้องเอ (นามสมมติ) เด็กผู้เสียหายแล้ว เห็นน้องเอยืนร้องไห้ ปัสสาวะไม่ออก จึงบอกให้เเม่น้องเอพาไปหาหมอ แม่ของน้องพาไปที่โรงพยาบาลเต่างอย ในวันที่ 1 มี.ค. 63 จากนั้นแม่น้องเอโทรมาเล่าให้ฟังว่าผลการตรวจถูกล่วงละเมิดทางเพศ ใบรับรองเเพทย์ระบุว่า "ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ต้องรักษาตัวที่หอผู้ป่วยโรงพยาบาลเต่างอย วันที่ 1-8 มีนาคม 63" ระหว่างนี้เเพทย์จึงเชิญสหวิชาชีพมาร่วมซักถาม เเล้วน้องเอก็บอกว่าถูกน้องแมน (นามสมมติ) วัย 5 ขวบ ล่วงละเมิดโดยการใช้นิ้ว แพทย์เเนะนำให้เอาเรื่องให้ถึงที่สุด
ซึ่งแม่น้องเอก็มาปรึกษาขอร้องให้ตนช่วย ตนจึงติดต่อไปที่ ผอ.โรงเรียน จากนั้น ผอ.โรงเรียน พร้อมด้วยคณะครู เดินทางไปเยี่ยมน้องเอที่โรงพยาบาล นัดผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายเจรจาไกล่เกลี่ยที่โรงเรียนต่อหน้า ในวันที่ 10 มี.ค. 63 มีการผูกข้อไม้ข้อมือ และจ่ายค่าเสียหาย
จากนั้นล่าสุด ตำรวจนำตัวนายนรินไปสอบปากคำพร้อมแจ้งข้อหา อ้างกับตนว่ามีการนำตัวเด็กไปตรวจร่างกาย พบหลักฐานการล่วงละเมิด แม่เด็กได้เเจ้งความว่านายนรินเป็นผู้กระทำ ตนเองก็ตกใจมาก เพราะตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา ครอบครัวเด็กไม่เคยพูดเรื่องนี้ จึงตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดตำรวจเพิ่งจะมาแจ้งความช่วงคดีน้องชมพู่ ส่วนวันที่ 11 พ.ค. 63 ที่น้องชมพู่หายตัวไป ยืนยันว่านายนรินอยู่กับลูกชายที่บ้านทั้งวัน ส่วนจักรยานคันสีน้ำเงินก็จอดทิ้งไว้ที่เดิมมาหลายเดือนเเล้ว ดังนั้นอยากขอความเป็นธรรมให้กับสามีด้วย ตอนนี้เครียดมาก เพราะกลัวว่าจะเป็นเเพะทั้ง 2 คดี ส่วนครอบครัวของน้องเอ ตนเองอยากให้เขาพูดความจริง อย่ากล่าวโทษคนบริสุทธิ์