จากกกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ข้อความว่า วันหนึ่งระหว่างตัวเองกลับบ้าน มีเพื่อนร่วมงานอาสาไปส่งที่บ้าน ปรากฎว่า เมื่อถึงบริเวณหน้าบ้าน กลับล็อครถไม่ให้ตนลง ก่อนจะข้ามฝั่งจากคนขับ มาเบาะด้านข้าง และพยายามข่มขืนตน แต่วันนั้นตนเองมีประจำเดือน ทำให้ชายรายดังกล่าวไม่ทำอะไรตัวเอง
วันนี้ (26 ธ.ค.60) ทีมข่าวจึงได้เดินทางไปยัง สน.หนองแขม ซึ่ง น.ส.อธิชา ได้เข้ามาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับให้ปากคำกับพนังงานสอบสวนนานกว่า 5 ชั่วโมง ก่อนจะเปิดเผยกับทีมข่าวว่า วันที่เกิดเหตุคือ คืนวันที่ 22 ธ.ค. ต่อเช้า 23 ธ.ค. ตนไปทำงานร้านอาหารปกติ เป็นพนักงานแนะนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (สาวเชียร์เบียร์) หลังเลิกงานชายคู่กรณีได้อาสาไปส่งบ้าน เนื่องจากอ้างว่าบ้านอยู่ใกล้กับบ้านตน จึงยอมให้ไปส่ง เพราะก่อนหน้านี้ชายคนดังกล่าว เคยไปส่งตนที่บ้านจึงไว้ใจ
เมื่อถึงบริเวณหน้าหมู่บ้าน กลับขับรถเลยไป พอตนทักว่าเลยหมู่บ้านแล้ว ชายคนดังกล่าว ได้ดึงมือตนไปจับอวัยวะเพศของเขา ตอนนั้นตกใจมาก ได้แต่บอกว่าให้ขับไปที่บ้าน มาถึงหน้าบ้านชายคนดังกล่าวได้ล็อกประตูรถ พร้อมข้ามมายังเบาะที่ตนนั่ง และพยายามล่วงละเมิดทางเพศ วินาทีนั้น น.ส.อธิชา ยืนยันว่าพยายามดิ้นขัดขืน พร้อมหยิบโทรศัพท์โทรหาคนช่วยเหลือ แต่ถูกโยนโทรศัพท์ทิ้ง
น.ส.อธิชา เปิดเผยว่า ตนขอร้องให้หยุดทำแบบนี้ และขู่จะไปแจ้งความ โดยจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องภรรยา ชายคนดังกล่าวยังบอกตนว่า “ไหนๆก็จะไปแจ้งแล้วหนิ งั้นขอเอาที” จากนั้นจึงชกท้องตนอีก 2 ครั้ง
ระหว่างนั้น น.ส.อธิชา เปิดเผยว่า กรีดร้องด้วยความกลัว ชายคนดังกล่าวจึงหยุดมือ และข้ามไปที่เบาะคนขับตามเดิม พร้อมบอกว่า ทำไปเพราะเมา
อย่างไรก็ตาม คาดว่าสาเหตุที่ชายคนดังกล่าว หยุดลวนลามเพราะว่าตนมีประจำเดือน จึงทำให้รอดมาได้ เมื่อสำรวจตามร่างกายพบว่า มีแต่รอยเขียวช้ำ พร้อมนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อยากจะอ้วกออกมา
น.ส.อธิชา ยอมรับว่า ดื่มแอลกอฮอล์บ้างเพราะทำงานร้านอาหาร แต่ทุกครั้งที่ดื่มจะมีสติ หลังเกิดเหตุการณ์ ได้เล่าให้แฟนฟัง พร้อมติดต่อชายคนดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊ก แต่เขาไม่ยอมรับว่าทำผิด ก่อนจะบล็อกเฟซบุ๊กตนไป และขอยืนยันว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องจริง พร้อมทั้งชายคนดังกล่าว ยังเคยออกมาพูดให้ตนอภัย แต่ตนคงไม่มีทางให้อภัย
น.ส.อธิชา ยืนยันอีกครั้งว่า จะเอาเรื่องถึงที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาคู่แล้วในข้อหา "ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญ ด้วยประการใดๆด้วยการใช้กำลังและพาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้อุบาย หลอกลวง ขู่เข็ญ ใช้กำลังประทุษร้าย และหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใด ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย"
ส่วนเรื่องตำรวจไม่รับแจ้งความนั้น เป็นเรื่องเข้าใจผิด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียงแนะนำว่า อาจแพ้คดี หากไม่มีพยานหลักฐาน แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องดำเนินการทางคดีแล้ว