ไม่โง่เอาเปรี้ยวมาเล่นหนัง! "พชร์" ยอมตัดบท "ปืน" อย่าเทียบฆาตกรกับเด็ก-เจ้าตัวขอโอกาส (คลิป)

หลังจากสังคมได้วิพากษ์วิจารณ์ มิวสิควิดีโอเพลงประกอบภาพยนตร์ “หลวงพี่แจ๊ส 5 G” ประเด็นที่ นายพายุ แซ่โง้ว หรือ “ปืน” เคยก่อวีรกรรมด่าตำรวจ และ น.ส.สราวรรณ หว่างตาล แม่ของปืน ร่วมแสดงอยู่ด้วย โดย นายพายุ เคยด่าตำรวจด้วยถ้อยคำหยาบคาย และถ่มน้ำลายใส่ พร้อมกับวลีที่ถูกนำมาพูดถึง “ท้าให้ตำรวจถอดชุดมาต่อยกัน” ฉากภายในหนังได้เลียนแบบเหตุการณ์ดังกล่าว โดยให้นายพายุ ท้าพระถอดจีวรมาต่อย วันนี้ (27ธ.ค.60)  “รายการต่างคนต่างคิด” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ อมรินทร์ทีวี ช่อง 34  ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.45 น.ได้เชิญ นายพายุ หรือ “ปืน” น.ส.สราวรรณ แม่ของปืน และ นายพชร์ อานนท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ “หลวงพี่แจ๊ส 5 G” มาอธิบายสาเหตุที่นำเหตุดังกล่าวมาเขียนเป็นบทภาพยนตร์

นายพายุ เล่าว่า หลังจากที่เกิดเรื่องเพียง 2-3 วัน ก็ได้รับการติดต่อจากทีมงานของ พจน์ อานนท์ ชวนให้มาเล่นหนัง หลวงพี่แจ๊ส 5 G พ่อและแม่เห็นว่าไม่มีอะไรเสียหาย เพราเป็นหนังตลก และเห็นว่าเป็นโอกาสครั้งหนึ่งที่ได้เล่นหนัง จึงรับแสดงบทดังกล่าว ซึ่งหากได้ดูทั้งหมด จะเห็นว่าเป็นการสั่งสอนมากกว่า และหากสังคมเห็นว่าดูไม่ดี ไม่เหมาะสม ก็ตัดทิ้งไปเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับทางผู้กำกับที่จะตัดสินใจ นายพายุ ยังบอกอีกว่า ตั้งแต่เกิดเรื่อง รู้สึกเครียด ทั้งๆ ที่เรื่องก็จบไปแล้ว แต่สังคมก็ยังไม่หยุดวิพากษ์วิจารณ์ บางครั้งรู้สึกไม่พอใจ เพราะมีบางคนมา ยั่วยุด้วยคำพูดบ้าง มองหน้าแล้วพูดในทางที่ไม่ดี บ้าง แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะไปทำร้ายพวกเขา เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าพวกเขาต้องการอะไรจากผม ด้าน น.ส.สราวรรณ แม่ของปืน บอกว่า หลังจากมีเรื่องลูกชายไม่ได้มาช่วยขายของเป็นเดือน เพราะไม่อยากจะเจอใคร การที่ทีมงานติดต่อมาให้เล่นหนัง ถือว่าเป็นโอกาสที่ดี จึงรับเล่นหนังเรื่องนี้ ซึ่งตอนที่คุยเรื่องบทให้ทะเลาะกับเด็กวัด แต่พอถึงกองถ่ายเขาขอให้เปลี่ยนมาทะเลาะกับพระแทน แต่ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเป็นเพียงการแสดงเล่นไปตามบท ตอนรับงานไม่ได้คิดอะไร เพราะกว่าหนังจะออกฉากอีกนาน เรื่องจบไปแล้ว อาจจะถูกต่อว่าอีกหลังจากที่หนังออกฉาย ซึ่งคิดว่าไม่ได้สร้างความเสียหายอะไร เพราะเป็นการแสดง บทที่เล่นก็มีเพียงฉากเดียวเท่านั้น นายพชร์ อานนท์ บอกว่า ที่ผ่านมาหนัง หลวงพี่แจ๊ส 5 G จะเป็นการนำกระแสสังคมมาทำเป็นหนัง หลายคนที่เป็นข่าวตนก็นำมาเล่น แล้วให้หลวงพี่แจ๊สนำธรรมะไปสั่งสอนว่าถ้าไม่มีสติชีวิตก็จะพัง เป็นการสั่งสอนเตือนสติผู้ที่หลงผิด กรณี "ปืน" เป็นแค่แขกรับเชิญเล่นเพียงฉากเดียวเท่านั้น ถ้าสังคมเห็นว่าการนำเรื่องนี้มานำเสนอในหนังเป็นเรื่องผิด ยินดีที่จะแก้ไข หรือตัดออก และขอโทษสังคม และยืนยันว่า ไม่ได้ต้องการให้เกิดพฤติกรรมเลียบแบบในสิ่งที่ผิด เพราะจุดประสงค์ของการสร้างหนังเรื่องนี้คือ การนำธรรมะมาสั่งสอนให้เกิดสติ ก่อนที่จะกระทำอะไรลงไป เพราะถ้าไม่มีสติเท่าที่เห็นก็พังมาหลายคนแล้ว

อย่างไรก็ตาม นายพายุ แซ่โง้ว หรือ "ปืน" ยังได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมหลังจบ รายการต่างคนต่างคิด โดยยืนยันว่า ตอนแรกตนได้รับบทให้ทะเลาะกับเด็กวัด แต่บังเอิญ พี่พชร์ เปลี่ยนบทให้ไปเถียงกับพระแทน ซึ่งตอนจบของหนังเรื่องนี้ หลวงพี่แจ๊ส สอนให้ใช้สติเยอะกว่านี้ เพราะการขาดสติไม่ดี โดยความจริงคลิปจะยาวกว่านี้ และมีคำพูดที่พระสอนเป็นจำนวนมาก แต่มิวสิควิดิโอดังกล่าวตัดมาเพื่อเป็นตัวอย่าง ส่วนตัวรู้สึกเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกโกรธหรือน้อยใจ เพราะสังคมจะพูดอะไรก็อยู่ที่ตัวเขา ตนห้ามไม่ได้ และไม่ได้เครียด ทั้งหมดคือการแสดง คนด่าก็ปล่อยไป ทุกวันนี้ ตนช่วยแม่ขายของตามปกติ คนที่รู้จักตนดีจะเข้าใจว่าตนไม่ใช่คนแบบนี้ ส่วนเรื่องของตนที่ผ่านมาก็จบลงในชั้นศาลแล้ว ขอวอนสังคมจะขุดคุ้ยไปเพื่ออะไร

ขณะที่ น.ส.สราวรรณ แม่ของปืน ระบุว่า ตนไม่รู้สึกอะไรกับกระแสสังคมในตอนนี้ เพราะไม่อยากเอามาคิดให้ปวดหัวและเป็นปัญหา ส่วนตนไม่มีอะไรจะบอกกับสังคม ทั้งหมดเป็นการแสดง ที่ได้รับโอกาสมา จึงไม่น้อยใจกับกระแสที่เกิดขึ้น โดยตนและน้องปืนทุกวันนี้ไม่ได้ให้กำลังใจอะไรกัน เพราะไม่มีอะไรให้เครียด ทั้งนี้ น.ส.สราวรรณ ยืนยันว่า ไม่คิดจะเกาะกระแส หรือสร้างกระแสจากหนัง ให้ยอดขายดีขึ้น เพราะจุดขายคือลูกค้าเท่าเดิม หนังที่ออกมา เรียกเสียงหัวเราะสนุกสนาน มีแง่คิดธรรมมะสอนใจ และไม่รู้จะสร้างกระแสไปเพื่ออะไร ตนก็ใช้ชีวิตตามปุถุชนคนธรรมดา และไม่ได้อยากรู้จักใคร แค่นี้คนทั้งประเทศรู้จักหมดแล้ว ไม่ต้องการอะไรเพิ่มเติม

ด้านนายพชร์ อานนท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ กล่าวยืนยันว่า ปืนไม่ได้เป็นเน็ตไอดอล เพราะเน็ตไอดอลบางคน ตนยังเอามาเล่นไม่ได้ เพราะบางคนเบื้องหลังไม่ดี ความจริงแล้วต้องดูมิวสิควิดิโอ ตัวเต็มเสียก่อน ถึงจะรู้ว่าเนื้อหาเป็นอย่างไร โดยตัวอย่างที่ออกมา คือ ตัวอย่างเพียงนิดเดียว จึงดูเหมือนร้ายแรง แต่ยอมรับว่าหากมีปัญหา ตนก็พร้อมจะแก้ไขและตัดออกจากหนังทันที ตอนนี้ทางทีมงานกำลังพูดคุยถึงเรื่องดังกล่าว แต่ยังคงทำอะไรไม่ได้ เพราะติดช่วงปีใหม่ ทั้งนี้ หลังปีใหม่ คาดว่าอาจจะได้เห็นมิวสิควิดิโอตัวใหม่ ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับสังคมเลยก็ได้ นอกจากนี้เรื่องสังคมที่บอกว่า หากเปรี้ยวออกมาจากคุก ตนจะนำมาแสดงหนังด้วยหรือไม่นั้น ขอบอกว่า สังคมต้องแยกแยะให้ถูก เพราะตนมีสมอง เนื่องจาก "เปรี้ยว" ฆ่าคนตาย ฆ่าหั่นศพ แต่ "ปืน" แค่หมิ่นประมาทตำรวจ คนละกรณีกัน ตนคงไม่โง่เอาเปรี้ยวมาเล่นหนัง ตนคิดเป็น ไม่ถึงกับโง่ขนาดนั้น และหากกระแสสังคมไม่ชอบมิวสิควิดิโอที่เผยแพร่ไป แค่ตัดออกและแก้ไข ตนเชื่อว่าถ้าสังคมไม่ให้โอกาสเด็กที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ในอนาคต ต้องตัดบทออก แต่ยืนยันว่าไม่ได้ตัดปืนออก ตัดแค่ตอนที่ไม่เหมาะสม ตนคิดได้ว่า ไม่ใช่จะเอาใครที่ด่าตำรวจมาเป็นดาราได้ ตนต้องดูว่าคนๆนั้น เล่นได้แค่ไหน ถ้าสังคมยังไม่เห็นหนังเต็มๆ ก็ไม่น่าจะพูดอะไร ท้ายที่สุดเห็นน้องปืน จากรายการทุบโต๊ะข่าว และรายการต่างคนต่างคิด จึงอยากชวนน้องปืน มาร่วมแสดง เพื่ออยากให้ทุกคนรู้ว่า ปืนในอดีต กับชีวิตจริงปัจจุบันนั้น เป็นอย่างไร อยากให้หลวงพี่แจ๊ส มาสอนการดำเนินชีวิตให้แค่นั้น หนังมันยาวไม่ใช่สั้นๆ มิวสิควิดิโอที่ออกมาเลยดูไม่ค่อยสุภาพ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ วรัชญ์ ครุจิต ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสื่อสารองค์การ NIDA แสดงความเห็นกรณี พจน์ อานนท์ ผู้กำกับภาพยนตร์ หลวงพี่แจ๊ส5จี ที่นำ นายพายุ แซ่โง้ว หรือ "ปืน" วัยรุ่นที่เคยมีคลิปแสดงพฤติกรรมด่าว่าตำรวจ ด้วยวาจาและกริยาที่ไม่สุภาพ มาแสดงบทบาทในภาพยนตร์ โดยคิดเห็นว่า การนำเอาคนดัง คนที่อยู่ในกระแส มาแสดงภาพยนตร์ เป็นเรื่องปกติ แต่ในกรณีเอาคนดังในกระแสที่ไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องความรุนแรง ซึ่งอาจเกิดพฤติกรรมลอกเลียนแบบได้โดยไม่รู้ตัว เพราะจะเป็นการซึมซับพฤติกรรมไม่ดี ทั้งยังมองได้อีกว่า คนที่ทำไม่ดี แล้วได้ดี ก็ยิ่งส่งเสริมให้เกิดพฤติกรรมแบบนี้ได้