จากกรณีมีผู้เสียหายรายหนึ่ง ได้ร้องเรียนมายังทีมข่าวอมรินทร์ทีมี ว่าถูกร่างทรงอ้างเป็นฤๅษี ในจ.สิงห์บุรี หลอกให้ทำพิธีแก้คุณไสย์ ก่อนทำการอนาจาร และให้อมนกเขา อ้างเป็นศิวลึงค์ เสมือนเป็นการสะเดาะเคราะห์ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนม.ย.63 ที่ผ่านมา แต่ขณะนี้ร่างทรง ก็ยังคงลอยนวล เนื่องจากคดีไม่มีความคืบหน้า
ล่าสุดวันที่ 15 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปที่บ้านของผู้เสียหายใน ต.บางน้ำเชียว อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี ได้พูดคุยกับ น.ส.ส้ม (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา โดยตนกับแฟนหนุ่มคบกันมานาน 10 ปี ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาก็อาจทะเลาะกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง เป็นเรื่องปกติ ตามประสาหนุ่มสาว แต่เมื่อเดือนที่ผ่านมาเริ่มหนัก ตนและแฟนหนุ่มเริ่มมีปัญหา ทะเลาะกันบ่อยมากขึ้น พูดอะไรก็เหมือนจะผิดใจกันไปทุกอย่าง
ทั้งนี้ตนจึงไปปรึกษารุ่นพี่ที่สนิและเล่าให้ฟัง โดยรุ่นพี่แนะนำว่า ให้ตนลองไปปรึกษาร่างทรงดูไหม ซึ่งร่างทรงคนนี้ รุ่นพี่นับถือ และรู้จักกันมานาน มีลูกศิษย์ลูกหามาก ให้ลองไปปรึกษาดู ซึ่งเมื่อตนได้ยินรุ่นพี่เล่าให้ฟัง จึงเกิดความศรัทธา และอยากลองเข้าไปปรึกษาร่างทรงคนดังกล่าว เพราะปกติแล้วเวลามีเรื่องอะไร รุ่นพี่คนนี้ก็จะแนะนำแต่สิ่งดี ๆ ให้ตนเองตลอด จึงตัดสินใจไปหาร่างทรงคนดังกล่าว ทั้งหมด 3 วัน
วันที่ 1 คือวันที่ 19 มิ.ย.63 เวลา 17.00 น. ตนและแฟนได้เข้าไปหาร่างทรง โดยร่างทรงได้ทักตนว่า บ้านที่อาสัยอยู่เป็นพื้นที่เก่าของคนพม่า วิญญาณอาฆาต จะทำให้ตนกับแฟน ทะเลาะกัน เพราะต้องการนำตนและแฟนไปอยู่ด้วย จึงอยากให้ทะเลาะและก็ฆ่ากันตาย ซึ่งวิธีแก้ไข คือ ตนและแฟน ต้องรดน้ำมนต์ที่บ้านของร่างทรง ติดต่อกัน 3 วันแล้วจะดีขึ้น
จากนั้นร่างทรงก็ให้ตนและแฟนไปเปลี่ยนเป็นนุ่งผ้าถุง เพื่อมารดน้ำมนต์ให้ตามปกติ จากนั้นร่างทรงก็ขอมาดูที่บ้าน โดยอ้างว่ามาดูที่ทางและรดน้ำมนต์เพื่อเสริมสิริมงคล
วันที่ 2 คือวันที่ 20 มิ.ย.63 เวลา 10.00 น. ตนและแฟนก็เดินทางไปอีก ในวันนี้ร่างทรงทักตนว่าคืนที่ผ่านมา ร่างทรงได้นั่งสมาธิ จับญาณเห็นว่าตนโดนคนทำของใส่ ก่อนถามตนว่าปวดตามเนื่อตามตัวไหม ตนก็บอกว่าปวด ปวดบริเวณขา ทางแพทย์บอกเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรง
แต่ทางร่างทรงบอกว่า ตนถูกของหากไม่เอาของออก อีกไม่นานก็จะเป็นอัมพาต จึงจะนวดไล่ของให้ วิธีนวดคือ ใช้มือ-เท้า นวดเน้นที่บริเวณขา และตามร่างกาย รู้มาว่า ร่างทรงเคยเป็นหมอจับเส้นมาก่อน หลังจากนวดเสร็จ ร่างทรงก็บอกว่าพรุ่งนี้ให้กลับมานวดไล่ของ และอาบน้ำมนต์ เป็นครั้งที่ 3 อาการจะดีขึ้น
วันที่ 3 คือ 21 มิ.ย.63 เวลา 10.00 น. ตนก็กลับมาทำพิธีกับร่างทรงตามนัดเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งในวันนี้ตนมากับแฟน และรุ่นพี่ที่สนิท รวม 5 คน เมื่อไปถึงตนก็ไปกราบและพูดคุยกันตามปกติ เหมือนทุกครั้งที่ไปถึง ก็จะบอกให้ตนไปเปลี่ยนเสื่อผ้า ไม่ให้ใส่ชุดชั้นใน ซึ่งขณะนี้ตนไปเปลี่ยนเสื่อผ้า ร่างทรงได้บอกกับแฟน และพวกรุ่นพี่ว่า ให้ลงไปด้านล้าง เพื่อให้ช่วยทำความสะอาดรอบบริเวณบ้าน แต่ตอนนั้นก็ไม่มีใครได้คิด หรือเอ๊ะใจอะไร เนื่องจากเคยมาแล้วถึง 2 วัน ร่างทรงก็ไม่เคยลวนลาม จึงเกิดความไว้ใจ
กระทั่งถึงตอนเริ่มนวดไล่ของ ร่างทรงกลับไม่ได้นวด เหมือนปกติที่เคยนวดให้กับตน แต่ในครั้งนี้กลับนวดเน้นบริเวณ ระหว่างขา ใกล้อวัยวะเพศ โดยให้เหตุผลว่า ตนโดนของหนัก อีกทั้งร่างทรงก็พูดกับตนตลอดว่า "อย่าคิดมาก มันเป็นพิธีกรรม ปู่ไม่ได้อยากทำ" เมื่อทำไปได้สักพัก ตนก็ไม่ได้มีอารมณ์ร่วมด้วย ร่างทรงก็ใช้น้ำอะไรบางอย่างฉีดไปที่มือของร่างทรง และใช้นิ้วแหย่เข้าไปในอวัยวะเพศของตน ก่อนใช้มือบีบหน้าอกของตน แต่ก็ไม่กล้าร้อง เนื่องจากเกรงว่า หากแฟนของตนรู้ จะต้องอารมณ์ร้อนและไปทำร้ายร่างกายร่างทรงดังกล่าว อาจทำให้เกิดเรื่องใหญ่ ตนจึงต้องทน และฟังดูว่าร่างทรงจะทำกับตนเองถึงขั้นไหน
เมื่อทำไปสักพัก ร่างทรงก็บอกว่าของก็จะไม่ออกจากตัว ต้องอมศิวลึงค์ ซึ่งในความคิดของตนเข้าใจว่าคือท่อนไม้อะไรสักอย่าง แต่ตนคิดผิด เนื่องจากร่างทรงบอกให้ตนอ้าปาก ก่อนควักอวัยวะเพศใส่ปากของตนเอง หลังจากกลับบ้านไปอาบน้ำ จึงตัดสินใจเล่าให้แฟนหนุ่มฟัง ก่อนจะไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสิงห์บุรี ตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.63 แต่คดีก็ยังคงไม่มีความคืบหน้า โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่า อยู่ในขั้นตอนการทำสำนวนคดี
หลังเกิดเหตุ ตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่ไปหลงเชื่อ และโง่ไปทำตามที่ร่างทรงดังกล่าวบอก จนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งตนเคยเห็นแต่ข่าวคนอื่นในลักษณะนี้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเกิดเหตุดังกล่าวกับตัวเอง สุดท้ายนี้ตนอยากจะให้ร่างทรงดังกล่าวเปลี่ยนพฤติกรรม และเลิกใช่ความศรัทธา มาทำอนาจารผู้อื่นแบบนี้ ซึ่งตนคิดว่าครั้งนี้คงไม่ใช่ครั้งแรก แต่น่าจะมีอีกหลายราย ที่โดนแต่ไม่มีใครออกมากล้าพูด เนื่องจากอับอาย
นายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 29 ปี แฟนของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุก็รู้สึกตกใจ และโกรธมาก เนื่องจากเสมือนตนถูกร่างทรงดังกล่าวหยามเกียรติ มาทำพฤติกรรมชั่ว ๆ กับแฟนของตน อีกทั้งตนยังรู้สึกเจ็บใจที่หลงเชื่อ และศรัทธาร่างทรงดังกล่าว หลังจากที่ตนทราบเรื่อง ตนก็ได้โทรศัพท์ไปต่อว่าร่างทรงด้วยความโมโห
แต่ร่างทรงก็กลับบอกว่า "ไม่ได้ตั้งใจ และขอโทษ" โดยอ้างว่าจะขอชดใช้ค่าเสียหายให้ โดยให้ลูกศิษย์โทรมาเจรจาเพื่อให้ไปถอนแจ้งความ แต่ตนไม่ยินยอม เพราะเสมือนเป็นการหยามเกีรยติและศักดิ์ศรีของตนอย่างมาก ในตอนแรกตนโกรธจัดจนจะไปเอาเรื่องกับร่างทรงคนดังกล่าว แต่แฟนของตนเองห้ามไว้ เพราะกลัวเป็นเรื่องราวใหญ่โต จึงได้พากันไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่คดีก็ไม่มีความคืบหน้า
หลังจากเกิดเหตุ ตนอยากบอกกับร่างทรงดังกล่าวว่า "คนยังมึงต้องถูกกฎหมายลงโทษ มึงต้องไปแก่ตายในคุก เพราะสิ่งที่มึงทำมันระยำ เอาความศรัทธาของคนอื่นมาทำไม่ดี" สุดท้ายนี้ตนก็อยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย กับคนผิดให้เร็วที่สุดอย่านิ่งเฉย เนื่องจากหวั่นเกิดเหตุซ้ำ
หลังจากนั้นทีมข่าว ได้เดินทางไปยังบ้านของร่างทรงดังกล่าวที่ ต.บางกระบือ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี เมื่อไปถึงพบว่า เป็นบ้านไม้ 2 ชั้นปกติ ไม่ได้ดูเหมือนตำหนักร่างทรงแต่อย่างใด ทีมข่าวได้พบกับ ร่างทรงปู่ฤาษี โลกอุดร หรือ ฤาษี 108 ผู้ถูกกล่าวหา เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้น ยืนยันว่าที่ตนถูกกล่าวหาไม่เป็นความจริง ตนรับหน้าที่ร่างทรง ช่วยเหลือคนมานานกว่า 20 ปี ลูกศิษย์ลูกหามากที่เดินทางมาให้ตนช่วย
ทั้งนี้ตนไม่ได้ช่วยในเรื่องแก้คุณไสย หรือไล่ของ ตามถูกกล่าวอ้าง แต่ตนรับดูดวงและช่วยรักษาอาการปวดเหมื่อย โดยการบีบ เหยียบ นวด ซึ่งคนที่มาให้ตนช่วยรักษา ก็อาการดีขึ้นแล้วหายกันไปแล้วหลายคน โดยตนยอมรับ ว่าน.ส.ส้ม ผู้ที่กล่าวหาตนเอง และแฟนหนุ่มมาหาตนเองจริง เพื่ออยากจะให้ตนเองดูว่า อาการปวดเมื่อยเกิดจากอะไร อีกทั้งเชื่อว่าในพื้นที่บ้านอาจมีสิ่งไม่ดี จึงจะให้ตนเองช่วยดูให้ ซึ่งตนก็คงไม่สามารถช่วยได้
สุดท้ายนี้ตนยืนยันอีกครั้งว่า ตนไม่เคยทำอนาจาร-ลวงละเมิดทางเพศ หรือให้ใครมาอมนกเขาให้แน่นอน เพราะตนก็มีภรรยาแล้ว ซึ่งตอนที่ น.ส.ส้ม มาหาตนก็มีคนอยู่ด้วยเยอะ ตนจะสามารถก่อเหตุดังกล่าวได้อย่างไร หลังจากที่ น.ส.ส้ม ไปแจ้งความตำรวจก็ได้มีการเรียกให้ตนไปสอบสวน แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากตนไม่ได้ทำ ซี่งหลังจากนี้ตนจะต้องมีการเข้าไปพูดคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเรื่องคดี และนัดเจรจากับ น.ส.ส้ม ถึงกรณีที่เกิดขึ้นก่อนว่าจะตกลงกันได้อย่างไร เนื่องจากขณะนี้ น.ส.ส้ม ไม่ยอมพูดคุยหรือเจรจาอะไรกับตนเลย อีกทั้งตนยังถูกแฟนหนุ่มของ น.ส.ส้ม ขู่ทำร้ายอีก ตนก็ไม่รู้ จะทำอย่างไร และรู้สึกเสียใจที่ต้องถูกกล่าวหา ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำ จนเสื่อมเสียชื่อเสียง