เมื่อวันที่ 22 ก.ค.63 เจ้าหน้าที่ตำรวจสน. สายไหม ได้ควบคุมตัวนายจรูญ รอดเกษม หรือทวน อายุ 53 ปี ผู้ต้องหา สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ก.ค.63 ที่ผ่านมา ซึ่งใช้รถเก๋งยี่ห้อ โตโยต้าแคมรี่ ป้ายแดง ทะเบียน ก-9273 กรุงเทพฯ ตระเวนลักทรัพย์ ขณะผู้เสียหายจอดรถนอนอยู่ริมถนนเยื้องหน้าทางเข้าตลาดทรัพย์เจริญ สายไหม ในยามค่ำคืน
จนเมื่อคืนที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สายไหม ได้ออกหมายจับ และได้ตรวจค้นบ้านของนายทวน พบของกลางเป็นรถเก๋งคันก่อเหตุ สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท, พระสมเด็จบางขุนพรหม, กรอบทองคำฝังเพชร, นาฬิกา, กระเป๋าหนัง, อาวุธปืนปลอม, ทะเบียนรถปลอม, ไอโฟน และพระเครื่องหลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 3 แสนบาท
สอบสวนเบื้องต้นพบว่านายทวน ก่อเหตุในพื้นที่เขตสายไหม 3 ครั้ง และน่าจะก่อเหตุในพื้นที่ใกล้เคียงอีกหลายครั้ง โดยก่อเหตุเหยื่อรายแรก เมื่อวันที่ 1 ก.ย.62 เวลา 03.05 น. ก่อเหตุลักทรัพย์ ขณะเจ้าทุกข์จอดรถยนต์ ยี่ห้อ โตโยต้า ซี-เอชอาร์ สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบป้ายทะเบียน นอนหลับอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อย่านตลาดวงการ โดยสวม หมวกสีดำ เสื้อโปโลสีเขียวขี้ม้า กางเกงยีนส์ขายาว
ส่วนรายที่ 2 เมื่อวันที่ 8 พ.ย.62 ก่อเหตุลักทรัพย์ขณะจอดรถหลับอยู่บริเวณหน้าโรงพยาบาลสายไหม (ไม่มีกล้องวงจรปิด)
และล่าสุดเหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ก.ค.63 ก่อเหตุบริเวณถนนสุขาภิบาล 5 ขณะผู้เสียหายกำลังนอนหลับเหมือนกัน ทราบชื่อ ผู้เสียหายคือ นายชัยรัตน์ พุ่มทับทิม อายุ 46 ปี หลังจากเกิดเหตุได้มาแจ้งความที่ สน.สายไหม
โดยนายทวนได้จอดรถเก๋งคันดังกล่าว แล้วเดินมายังรถเก๋ง ยี่ห้อ Honda Accord สีขาว ป้ายทะเบียนรถ ฆษ 737 กรุงเทพฯ ซึ่งใช้ไฟฉายส่องไปยังกระจกรถเก๋งด้านซ้ายฝั่งคนนั่ง ก่อนจะเปิดรถ แล้วเดินอ้อมมาฝั่งคนขับ และได้ปลดสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท, พระสมเด็จบางขุนพรหม และโทรศัพท์มือถือ iPhone x ก่อนหลบหนีไป
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายชัยรัตน์ พุ่มทับทิม ผู้เสียหาย เล่าว่า คืนวันที่ 11 ก.ค.63 ที่ผ่านมา ตนได้ไปทานข้าวบ้านเพื่อน หลังจากนั้นได้ขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางเวลาประมาณ 03.30 น. เกิดง่วงนอน จึงได้จอดรถยังบริเวณริมถนนเยื้องหน้าทางเข้าตลาดทรัพย์เจริญ สายไหม
ขณะนั้นตนได้นอนหลับอย่างสนิท เท่าที่ทราบคนร้ายได้มาจอดรถเก๋งอยู่ท้ายรถของตน จากนั้นเดินลงมายังประตูหน้าฝั่งซ้าย แล้วค้นกระเป๋าเงินตน แล้วเดินอ้อมหลังรถ เพื่อไปเปิดประตูฝั่งขวาฝั่งที่ตนนอนอยู่ แล้วได้ปลดสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท พร้อมกับพระสมเด็จบางขุนพรหม พระเลียมทองฝั่งเพชร และโทรศัพท์มือถือ iPhone x ไป ขณะนั้นตนไม่รู้สึกตัว พอรุ่งเช้าตนตื่นมากลับพบว่ามีของหาย จึงรีบเข้าไปแจ้งความที่สน.สายไหมทันที เพราะมูลค่าของที่หายไปนั้นรวมแล้วประมาณ 3 แสนบาท และยังเชื่อว่าสร้อยคอที่ตนสวมใส่นั้น อาจเป็นสิ่งล่อตาล่อใจของโจรหรือผู้ที่พบเห็น เพราะเป็นเส้นขนาดใหญ่ ต่อไปนี้คงจะไม่สวมใส่ในเวลาตอนกลางคืนแล้ว
ตนยังเชื่อว่าผู้ต้องหา น่าจะช่ำชองการกระทำแบบนี้ และยังแฝงตัวในคราบตำรวจ โดยมีการพกปืนปลอม บัตรประจำตัวของตำรวจ ไฟฉาย พร้อมทั้งแต่งกายคล้ายกับตำรวจนอกเครื่องแบบ ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ตนนั้นถูกลักทรัพย์ขณะตอนนอนหลับ เพราะปกติแล้วหากง่วงก็จะไปจอดรถบริเวณปั๊มน้ำมัน และต่อไปนี้ก็คงจะไม่จอดนอนริมข้างทางหรือข้างนอกบ้านแล้ว ประสบการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียน
หลังจากที่ทีมข่าวพูดคุยกับนายชัยรัตน์ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.สายไหม ได้นำตัวนายทวน มาทำแผนชี้จุดเกิดเหตุ ก่อนขึ้นรถกลับสน.สายไหม ทางนายชัยรัตน์ ได้สอบถามกับผู้ต้องหาว่า ได้นำโทรศัพท์มือถือไปขายในร้านไหน ซึ่งผู้ต้องหาปฏิเสธบอกว่าไม่ได้เอาไป และเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถาม ถึงรถที่นำมาใช้ในการก่อเหตุ ว่าเป็นรถของใคร และก่อเหตุมากี่ครั้ง ทางผู้ต้องหาไม่ได้ตอบคำถาม ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเอาตัวกลับไปขังที่สน.สายไหม
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.สายไหม ได้ตั้งข้อกล่าวหาเบื้องต้น ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะ ส่วนรถที่ผู้ต้องหาใช้ขับตระเวนลักทรัพย์นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสืบสวนสอบสวนอีกครั้งว่าเป็นรถของผู้ต้องหาหรือเป็นรถของบุคคลใด และในขณะนี้ผู้ต้องหาได้ยอมรับว่าลักทรัพย์จริง แต่ปฏิเสธไม่ได้ขโมยโทรศัพท์มือถือไป หลังจากนี้ขอสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้วันวันที่ 23 ก.ค.63 จะนำตัวของผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลมีนบุรี