จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "อยากดังเดัยวจัดให้ Travel" โพสต์คลิปพร้อมบรรยายข้อความถึงกรณีหญิงสาวรายหนึ่ง ที่ได้รับจ้างดูแลผู้สูงอายุ แต่กลับทำพฤติกรรมและกิริยาไม่เหมาะสม โดยการพูดจาไม่ดีกระโชกโฮกฮาก เสมือนไม่มีคุณสมบัติที่จะดูแลผู้สูงอายุได้
โดยในข้อความต้นโพสต์ ที่เพจนำมาเสนอ ระบุว่า "ต้องทำยังไงกับคนแบบนี้ ยังไม่สำนึกยังโพสต์วีน คิดไม่ถึงว่าทางลูก ๆ จะมีคลิปลงเรื่อย ๆ หลายคลิปจิตใจทำด้วยอะไร กรรมมีจริงนะทำกับแม่แบบนี้ รอรับกรรมได้เลยไม่ช้าก็เร็ว จ้างมาวันละ 600 บาท ให้มาดูแลอยู่เป็นเพื่อนส่งรูปจัดฉากว่า หาข้าวให้ยายกิน รักยาย ที่ไหนได้ ชาตินี้เป็นแบบนี้มาสร้างกรรม ต่อชาติหน้านางจะเกิดมาเป็นอะไร ขอสาปแช่ง รอรับกรรมกับสิ่งที่นางทำไว้เลย"
เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปในโซเชียลฯ ต่างมีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็น ถึงกรณีที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
ล่าสุดวันที่ 23 ก.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปยังบ้านจุดเกิดเหตุตามคลิป ภายในเขตพื้นที่ ต.ท่าวุ้ง อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางจิรภา พาณิชย์เจริญ อายุ 53 ปี ลูกสาวยายผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นายมล สาวประเภทสอง อายุประมาณ 30 ปี ส่วนผู้เสียหาย คือ นางลินจง พาณิชย์เจริญ อายุ 88 ปี แม่ของตนเอง โดยเหตุเกิดจากครอบครัวของตนมีพี่น้องรวมกันทั้งหมด 4 คน แต่ทุกคนติดต้องทำธุรกิจส่วนตัวกันหมด จึงหาคนมาช่วยดูแลคุณแม่ที่เป็นหญิงชราวัย 88 ปี
กระทั่งตนมาพบนายมล ที่เป็นเพื่อนของพี่ชายที่สนิทกัน จึงวานขอให้ช่วยมาดูแลคุณแม่ โดยให้ค่าจ้างวันละ 600 เดือนละ 18,000 บาท ซึ่งตลอดเวลาที่นายมล ได้ดูแลคุณแม่มานาน 1-2 ปี นายมลมีพฤติกรรมดีมาตลอด ดูแลคุณแม่เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นป้อนอาหาร พาออกไปเดินเล่น อีกทั้งทุก ๆ ครั้งที่จะนำของให้คุณแม่กิน นายมลจะถ่ายรูปส่งมาให้ตนดูตลอด เพื่อความสบายใจ และเสมือนเป็นการบอกว่า นายมล นำอาหารมาให้ คุณแม่กินแล้ว ตามที่ตนกำหนดไว้ ซึ่งทุกอย่างเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี
จนวันหนึ่งตนไปเดินซื้อของที่ตลาดแถวบ้าน พ่อค้าแม่ค้าที่รู้จักกันได้ทักตนเองว่า ให้ดูแลแม่ให้ดี ๆ เพราะเห็นเวลาที่นายมล พาคุณแม่มาตลาด มักจะชอบตีมือ และยิกตามร่างกายของคุณแม่อยู่บ่อยครั้งในเวลาไม่พอใจ ในตอนแรกที่ตนได้ฟังก็ยังไม่เชื่อ เนื่องจากนายมล ดูแลแม่ของตนมาเป็นอย่างดีตลอด แต่ด้วยความที่ตนต้องฟังหูไว้หู จึงไปที่ห้องของแม่ และลองเปิดกล้องวงจรปิดดู ปรากฏว่ากล้องวงจรปิดเสีย ลักษณะเหมือนมีคนถอดปลั๊กออก จึงทำให้ตนเริ่มเอ๊ะใจและเริ่มจับตามองนายมล มาโดยตลอด แต่ก็ไม่มีความผิดปกติอะไร
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายมลได้ พาญาติ ๆ มาช่วยเฝ้าคุณแม่ของตนด้วย ซึ่งญาติของนายมล ตนก็รู้จัก เห็นพฤติกรรมของนายมลว่ามีการทุบหลัง ตบหน้า และตะคอก ดุด่าแม่ต่าง ๆ นานา ตนจึงทนไม่ไหว เพราะทนเห็นคุณแม่ถูกนายมล ทำพฤติกรรมแบบนี้อยู่บ่อยไม่ได้ จึงแอบถ่ายคลิป และทราบว่าเป็นคนนิสัยอย่างไร ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตนได้ลองไปตรวจสอบร่างกายของคุณแม่ พบว่า ผิวหนังตามร่ากายที่อยู่ในร่มผ้า มีรอยเขียวช้ำ คาดว่าเกิดจากถูกตีและหยิก
ทั้งนี้ตนจึงพยายามโทรหานายมล แต่นายมลก็ไม่สามารถติดต่อได้ อีกทั้งบล็อกช่องทางการติดต่อของตนและคนในครอบครัวทั้งหมด ก่อนหายหน้าไปไม่สามารถติดต่อได้ เหมือนรู้ทัน หลังจากทราบเรื่อง ตนอยากจะเอาเรื่องดำเนินคดีกับนายมลให้ถึงที่สุด แต่ทางตำรวจบอกว่า ต้องพาคุณแม่ไปตรวจร่างกายก่อนจะนำใบแพทย์ไปประกอบในสำนวนคดี เพื่อดำเนินการแจ้งความ
หลังจากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยถามตอบกับ นางลินจง พาณิชย์เจิรญ อายุ 88 ปี ผู้เสียหาย ทีมข่าวถามว่า เคยถูกคนดูแลตีไหม นางลินจง ตอบว่า "เคยโดนตี" ทีมข่าวถามต่อว่า โดนตีเจ็บไหม นางลินจง ตอบว่า "เจ็บ" ทีมข่าวถามต่อว่า เคยบอกคนทำว่าเจ็บไหม นางลินจง ตอบว่า "อืม" ทีมข่าวถามต่อว่า เคยบอกว่าจะฟ้องลูกไหม นางลินจง ตอบว่า "อืม"
เนื่องจากผู้เสียหายเป็นหญิงชรา วัย 88 ปี จึงมีการถามตอบที่ค่อนข้างช้าเล็กน้อย เนื่องจากเริ่มไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว
หลังจากนั้นทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปพูดคุยกับ นายมล อายุ 30 ปี คนดูแลคุณยาย เปิดเผยว่า ตนไม่สดวกที่จะให้สัมภาษณ์ใด ๆ ผ่านสื่อทั้งสิ้น เนื่องจากอยากให้เรื่องดังกล่าวเงียบลง โดยยืนยันได้ว่า กรณีที่เกิดขึ้นตามคลิป ตนไม่ได้ทำร้ายหรือทำอะไรไม่ดีกับนางลินจง ยอมรับว่าตนรับจ้างดูแลนางลินจงจริง ได้ค่าจ้างวันละ 600 บาท ตกเดือนละ 18,000 บาท ในแต่ละวันก็มีหน้าที่คอยเฝ้า ป้อนข้าว-น้ำ พาออกเดินเล่นบริเวณใกล้บ้านบ้าง
กรณีที่กล่าวหาว่าตนทุบตี แอบหยิกตามร่างกายไม่เป็นความจริง ซึ่งภาพที่เห็นในคลิปคล้ายกับว่า ตนทุบหลังนางลินจงขณะกินข้าว อันนี้ไม่ได้เป็นการทุบหลัง แต่ขณะนั้นนางลินจงที่นั่งกินข้าวอยู่บนเตียงจะหงายหลัง ตนจึงใช้มือซ้อนหลังนางลินจงขึ้นมา นางลินจงจึงตกใจและอุทานออกมาเท่านั้น
กรณีที่ตนใช้คำพูดเหมือนตะคอก โวยวายเสียงดัง ตนอยากชี้แจงว่าไม่ได้ตะคอก หรือโวยวาย นางลินจงแต่อย่างใด แต่ที่ตนต้องพูดเสียงดังใส่ เป็นเพราะนางลินจง เป็นหญิงชรา หูไม่ค่อยดี ตนจึงต้องพูดเสียงดัง นางลินจง ถึงจะได้ยินและเข้าใจในสิ่งที่ตนเองพูดก็เท่านั้น
หลังจากเกิดเหตุ ตนยืนยันว่าไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับนางลินจงเลย เพราะก่อนหน้าที่ตนจะได้มาดูแลนางลินจง ลูก ๆ ของนางลินจงก็ได้จ้างพยายาลมาดูแลก่อนหน้าตนแล้วหลายคน แต่ดูแลไม่ดี นางลินจง จึงบอกให้หาคนใหม่มาดูแลตลอด จนมาเจอกับตนเอง ซึ่งอยากจะให้สังเกตว่า ตนดูแลนางลินจง มานาน 1-2 ปี ไม่เคยมีปัญหาอะไร กระทั่งญาติของตนได้ถ่ายคลิปไว้ และไปให้ลูกของนางลินจงดู จึงเกิดความเข้าใจผิด
อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้น ตนไม่อยากจะพูดอะไรมาก เพราะพูดไปก็เสมือนเป็นการแก่ตัว ใครอยากจะทำอะไรก็ทำไป อีกทั้งหากลูกของนางลินจง จะทำการแจ้งความจับตนก็พร้อมโดยที่ไม่คิดหนี เพราะตนไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกกล่าวหา และจะขอดำเนินคดีฟ้องกลับ หากเรื่องที่ตนถูกกล่าวหาไม่เป็นความจริง เสมือนเป็นการทำให้ตนได้รับผลกระทบ