แม่เฒ่าหลงกลับบ้านแล้ว ที่แท้ป่วยโรคหลงลืม ลูกสาวยันไม่เคยทำร้ายแล้วนำแม่ไปปล่อยทิ้ง เคยหายจากบ้านแบบนี้มาแล้ว 2 ครั้ง ตามตัวกลับมาได้ วอนโลกโซเชียลหยุดด่า
จากกรณีนางไค แม่เฒ่า วัย 78 ปี พิการแขนขาลีบเดินโซซัดโซเซไปนั่งอยู่ริมถนนบ้านชัยเจริญ ต.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี ชาวบ้านได้นำข้าวปลาอาหารมาให้กิน ซึ่งแม่เฒ่าอ้างว่าบ้านอยู่ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร โดนลูกเขยทำร้ายทุบตีประจำ ซึ่งลูกสาวได้หลอกขึ้นรถปิกอัพบอกว่าจะพาไปเยี่ยมญาติก่อนนำมาทิ้งที่ริมถนน ตำรวจได้ประสานไปยัง สภ.สว่างแดนดิน แจ้งว่านางไคขายบ้านไปอยู่กับลูกสาวที่ จ.อุดรธานี จึงนำส่งศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.อุดรธานี เพื่อติดตามหาญาติเหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2563
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 14.30 น. วานนี้ (24 ก.ค.) ร.ต.อ.พิชัย เนตรพรหม รอง สวป.สภ.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี นายชวลิต สังสหชาติ ผู้ใหญ่บ้านบ้านชัยเจริญ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์หรือพมจ.อุดรธานี และเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.อุดรธานี เดินทางมาบ้านเช่าเลขที่ 59 หมู่ 14 บ้านชัยเจริญ ต.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อมาเยี่ยมนางไค ปัญจลักษณ์ ที่จริงอายุ 75 ปี แม่เฒ่าพิการอ้างว่าโดนลูกสาวลูกเขยนำไปทิ้ง หลังเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งประสานติดตามจนพบลูกสาวและนำกลับมาส่งบ้านและกลับมาเยี่ยมนางไคว่ามีความเป็นอยู่อย่างไร
โดยพบว่านางไคนอนหลับอยู่ภายในห้องเช่าและมี น.ส.กัลยาณี ปัญจลักษณ์ อายุ 36 ปี ลูกสาวที่กำลังตั้งครรภ์นั่งไล่ยุงอยู่ข้างๆ และเอาผ้ามาเช็ดตัวให้ โดย น.ส.กัลยาณีเปิดเผยว่า พื้นเพเป็นคนบ้านหัน ต.สว่างแดนดิน อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร แม่มีลูก 2 คน พี่ชายเสียชีวิตไปนานแล้วทำให้เหลือตนเพียงคนเดียว และตนแต่งงานและย้ายมาอยู่ จ.อุดรธานี หลังจากพ่อเสียชีวิตในปี 2555 แม่ก็มีอาการหลงลืม ตนจึงนำแม่มาอยู่ด้วยและพาแม่ไปรักษานำยามาให้กิน แต่แม่ไม่ยอมกินยาทำให้อาการหลงลืมหนักขึ้นจนจำทางกลับบ้านไม่ได้ และเคยหายออกจากบ้านไป 2 ครั้งแต่ก็ตามกลับมาได้
ตนเลือกทำงานอยู่ที่รีสอร์ทห่างจากบ้านประมาณ 300 เมตร เพราะสะดวกเวลากลับบ้านดูแลหาข้าวให้แม่กินช่วงกลางวัน ซึ่งแม่ก็เคยเดินออกจากบ้าน แต่พอร้านค้าเพื่อนบ้านพบก็จะบอกให้กลับบ้าน แม่ก็จะเดินกลับมาเองหรือบางครั้งจะมีเพื่อนบ้านมาบอกตนให้ไปรับแม่กลับบ้าน ก่อนเกิดเหตุวันนั้นตนและสามีออกไปทำงานปล่อยให้แม่อยู่บ้านตามปกติ เสร็จแล้วกลับมาดูแม่พบแม่อยู่บ้านและบอกว่าหิวข้าวจึงออกไปซื้อข้าวให้แม่กินพอกลับมาก็ไม่พบแม่แล้ว ตนได้นั่งรอให้สามีกลับมาเพื่อออกไปตามหาแม่ จนกระทั่งค่ำมีเจ้าหน้าที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งโทรมาบอกว่าแม่เดินออกจากบ้านห่างจากบ้านประมาณ 500 เมตรและกลับบ้านไม่ถูก มีเจ้าหน้าที่นำแม่ไปไว้ที่ศูนย์ตนกับสามีจึงไปรับแม่กลับมา
“หลังมีข่าวเสนอออกไปมีคนมาคอมเมนต์ในข่าวพออ่านคอมเมนต์แล้วรู้สึกแย่ ตอนแรกทำใจได้เพราะคนด่าไม่รู้ว่าเราเป็นอย่างไร แต่คนที่รู้ก็มี แต่พอหนักเข้าก็ลำบากใจเพราะว่าแฟนทำงาน ออกไปตลาดก็มีแต่คนมอง คนถาม คนมาคอมเมนต์ด่าว่าลูกเลวลูกชั่วด่าทุกอย่างสารพัด ทางพี่น้องก็โทรมาด่าว่าทำไมปล่อยให้แม่เป็นอย่างนั้น เราดูแลแม่อย่างดีแค่เราเผลอเท่านั้น และคนไปส่งที่ศูนย์ก็เร็ว อยากฝากว่าถ้ารู้ไม่จริงอย่าเพิ่งว่าอย่าให้ข่าวเพราะมันมีผลกระทบเยอะ ครอบครัวรู้สึกแย่โดนว่าสารพัดโดยเฉพาะทางครอบครัวสามีที่ว่าไปทำร้ายแม่ยาย”
น.ส.กัลยาณีเปิดเผยอีกว่า ตนขอยืนยันว่าตนและสามีไม่เคยทำร้ายแม่หรือเอาแม่ไปทิ้ง ส่วนรอยดำบริเวณขาคล้ายรอยฟกช้ำเป็นร่องรอยเก่าที่แม่หกล้มและผ่าตัดขาทำให้แม่พิการ และแม่ชอบนอนทับขาตัวเองเพราะตนและสามีต้องทำงานปล่อยให้แม่อยู่ตามลำพังเกรงว่าจะเหงา ส่วนเรื่องที่เจ้าหน้าที่ให้คำแนะว่าให้นำแม่ไปไว้ที่บ้านพักคนชรานั้น เช้านี้จึงได้ถามแม่ว่าไปอยู่บ้านพักคนชรารึเปล่าจะได้มีเพื่อน แม่จึงถามว่าจะไปส่งจริงหรือเปล่า ความรู้สึกตนยังห่วงแม่ตนจึงลังเลแต่ก็กลัวแม่จะหายออกจากบ้านอีกจะแก้ปัญหาด้วยการล็อกประตูให้แม่อยู่ในบ้าน ป้องกันแม่เดินออกจากบ้านอีก