ปมภาพหลุดหนอนน้อยแฟนหนุ่ม
"วุฒิ นันทวุฒิ" กลายเป็นเรื่องบานปลายใหญ่โต เมื่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ฮึ่ม! เรียกดาราสาว
"สายป่าน อภิญญา" เข้าชี้แจงปมภาพหลุดของลับแฟนหนุ่มจนเกิดเป็นประเด้นร้อนแรงในโลกออนไลน์
ล่าสุด "สายป่าน" พร้อมด้วย
"วุฒิ" ได้เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าตามหมายเรียก เพื่อ
รับทราบข้อหาความผิด
พ.ร.บ.คอมพ์ฯ เผยแพร่ภาพอนาจาร พร้อมเปิดใจกับสื่อมวลชนต่อกรณีที่เกิดขึ้น
"วันนี้มารับทราบข้อกล่าวหาและมาชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ว่าลำดับเหตุการณ์เป็นยังไง ซึ่งป่านก็ชี้แจงไปแล้วทางไอจี เฟสบุ๊กก็ตามนั้นเลยค่ะ
โดยในวันนี้เป็นในส่วนของการสอบสวน ชี้แจงความจริง สำหรับผลยังไม่ออกมา สำนานทั้งหมดจะส่งไปที่ศาลฯ อีกที ซึ่งหลักฐานของป่านก็คือแคปจากไอจีและก็ข้อความที่เราคุยกับเพื่อนๆ แฟนคลับว่าเราไม่ได้มีเจตนาจริงๆ ในการโพสต์คลิปนั้นลงไป"
เป็นเรื่องที่ค่อนข้างบานปลาย?
"น่าจะเป็นในส่วนของก่อนหน้านี้ที่ป่านไม่ได้ออกมาพูด ข้อมูลมันก็เลยผิดพลาดไปบ้าง"
ทางวุฒิเป็นอย่างไรบ้างกับเหตุการณ์นี้
?
"วันนี้ก็พาเขามารับทราบข้อกล่าวหา ในส่วนของเราไม่ต้องชี้แจงอะไร ในส่วนของผลกระทบ
ผมเป็นห่วงความรู้สึกของป่านมากกว่า เพราะเขาเป็นผู้หญิง ผมเป็นผู้ชายไม่เป้นไรหรอก
ห่วงในส่วนของครอบครัวเขาด้วย"
สายป่าน แจงต่อถึงเรื่องข้อกล่าวหาว่า
"การแจ้งข้อกล่าวหาเป็นของป่านคนเดียว แต่ยังไม่ทราบข้อกล่าวหา
รู้แค่ว่ามาตราที่กระทำเข้าข่ายความผิดมาตรา 14 (4) โดยให้การยอมรับว่าได้กระทำจริง
แต่ก็ดูถึงเจตนาจริงๆ ซึ่งอย่างที่แจ้งก็คือวันนี้เรามาชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้นและก็เจตนาของเรา เรา สำหรับทิศทางของเรื่องนี้ป่านไม่แน่ใจว่ามันจะออกมาในรูปแบบไหน ตอนนี้ก็รอเป็นไปตามขั้นตอนและยังไม่มีการนัดวันขึ้นศาล"
ยังไม่ได้คิดว่าจะทำยังไงกับคนแคป มันก็ควบคุมยาก แต่ทั้งหมดมันก็เกิดจากตัวเราเองที่ไม่รอบคอบ การที่เรื่องมันหยุดแค่นี้สำหรับป่านมันก็ใหญ่มากพอแล้ว ไม่อยากให้มันใหญ่กว่านี้ เพียงแต่ว่าป่านก็ภาวนาขอให้กรณีของป่านเป็นกรณีศึกษา ณ ตอนนี้ยังไม่ได้คิดว่าจะดำเนินการยังไงกับคนที่แชร์
ต่อไปจะทำให้เรามีสติมากขึ้นไหม?
"ป่านคิดว่าป่านมีสตินะ ไม่ว่าจะเป็นแคปชั่น ภาพนิ่ง ป่านคิด ด้วยประสบการณ์การทำงานที่ไม่ได้น้อย ก็ยังรู้สึกว่าทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับ แต่มันก็สอนให้ป่านได้รู้ว่า คนที่มั่นใจในตัวเองว่าคิดดีแล้ว มีสติแล้ว บางทีมันก็พลาดได้ ก็อาจจะต้องมีสติมากขึ้น"
ด้านหนุ่มวุฒิกล่าวเสริมว่า
"ในเมื่อมันผิดพลาดไปแล้วก็ต้องแก้ไข ตัวผมเองผมไม่เสียหายหรอก ผมเป็นห่วงความรู้สึกเขามากกว่า ไม่เคยโกรธเขานะ ไม่เคยว่า เพราะผมเป็นคนเห็นก่อนด้วยซ้ำก็เลยบอกว่าให้ลบ เราก็ตกใจพอๆ กัน ผมดูตั้งหลายรอบ จนกระทั่งมีแฟนคลับทักเข้ามา"
"ป่านเตรียมตัวนะตั้งแต่วันที่รู้ว่ามันพลาด เอาละซวยละแต่ก็ภาวนาขอให้มีคนเข้าใจในเจตนาว่าเราพลาด ใครที่ติดตามป่านจะรู้อยู่แล้วว่าปกติแล้วป่านเป็นคนที่จะทำอะไรแบบนั้นและมันไม่มีประโยชน์ ไม่มีเหตุผลที่จะทำแต่พอมันพลาดบางทีเราก็ต้องยอมรับเพราะไม่เคยมีใครที่ไม่เคยทำพลาด ตัวเราพลาดเราก็ต้องออกมายอมรับ ด้วยหน้าที่การงานและสถานะของป่านตอนนี้เป็นคนของสังคม เป็นตัวอย่าง ป่านต้องรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งเดียวที่ป่านทำได้คือยอมรับความจริงทั้งหมดและก็รับสภาพแบบไม่มีเงื่อนไข ทำตามขั้นตอนของกฎหมายไป"
"สำหรับกระแสวิพากษณ์วิจารณ์ในโซเชียล ป่านก็อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง แต่เราแคร์ความรู้สึกคนในครอบครัวมากกว่า ตัวป่านเองก็คอ่นข้างเจอข่าวที่ค่อนข้างหนักอยู่แล้ว การรับมือก็เป็นแบบสเตปบายสเตป เราก็อธิบายให้ครอบครัวของทั้ง 2 ฝั่ง เขาก็เข้าใจในเจตนา เราเลยมีกำลังใจการจัดการเรื่องนี้"
"สำหรับกระแสในโลกออนไลน์มองว่าตนสร้างกระแส สายป่านยันไม่คุ้มกับการจะมาสร้างกระแสด้วยเรื่องแบบนี้
ด้านวุฒิกล่าวเสริมว่า หากตนต้องดังจากเรื่องแบบนี้ขอเป็นว่าอย่าดีกว่า อยากให้คนรู้จักตนจากผลงานมากกว่า"
"หนูเครียดค่ะแต่ถึงกับเสียน้ำตาไหม ถามว่ามันไหลออกมาขนาดนั้นไหมก็ไม่ค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าป่านยอมรับความจริง มันไม่มีอะไรที่จะต้องทำไปมากกว่ายอมรับความจริงและทำมันออกมาให้ดีที่สุด เรามีเจตนาที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าเราไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นการพูดว่าเราไม่ได้ตั้งใจ ให้ตายยังไงเราก็บอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นมันให้อภัยตัวเอง แต่เราไม่รู้ว่าสังคมจะให้อภัยเราหรือเปล่า"
"หนูก็ไม่รู้ว่าหนูจะพูดอะไรกับสังคม คือหนูรู้ว่าสิ่งที่หนูทำมันไม่ควรทำเพราะเราเป็นคนของสังคม เรื่องนี้ป่านยอมรับจริงๆ ว่าป่านพลาดมากๆ ป่านไม่รอบคอบเอง มันเป็นความสะเพร่าของป่านทั้งหมด ป่านอยากให้กรณีของป่านเป็นตัวอย่างกับใครหลายๆ คนในการใช้โซเชียล บางครั้งผลกระทบมันไม่ได้เกิดขึ้นกับแค่ตัวเราเอง มันอาจเกิดขึ้นกับสังคม คนรอบข้างของเรา"
"ส่วนเรื่องของการแชร์ จริงๆ แล้วป่านไม่ได้เจตนาที่จะโพสต์ลงไป
ป่านรู้ว่าผิดพลาด ป่านแก้ไขในทันที แต่ทุกวันนี้ ที่ป่านต้องมายืนอยู่ตรงนี้ มันเป็นเพราะการแชร์ (เสียงสั่น น้ำตาคลอ) มันเป็นเพราะการส่งต่อกันอย่างสนุกปากของทุกๆ คน เลยทำให้ป่านมายืนอยู่ตรงนี้ แต่ป่านไม่โทษใคร ป่านโทษตัวเองเพราะป่านเอง การแชร์กันมันห้ามไม่ได้ แต่อยากให้ทุกคนคิดนึดหนึ่งว่า หลังจากที่เราแชร์ไป มันส่งผลกระทบกับใครบ้าง"