จากกรณีเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 63 เวลาประมาณ 02.00 น. ร.ต.อ.ประเสริฐด้วงเอียดร้อยเวร สภ.เมืองพัทลุง รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายบนถนนราเมศวร์ บริเวณหน้าธนาคาร ธกส. สาขาท่ามิหรำ ใจกลางเมือง จ.พัทลุง พบศพนายรัตนพงษ์ จันทร์ปน อายุ 38 ปี สวมเสื้อยืดสีเทาดำ กางเกงยีนส์สีน้ำเงินเข้ม สวมหมวกสีดำ สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ นอนเสียชีวิตอยู่กลางถนน
สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืน 9 มม. บริเวณลำตัวและหน้าอกจำนวน 7 จุด ต้นขาขวา 3 จุด แขนซ้าย 1 จุด แขนขวา 2 จุด ลำคอ 1 จุด และบนใบหน้าอีก 3 จุด รวม 17 จุด กระสุนอีกส่วนหนึ่งทะลุด้านหลังและทะลุท้ายทอย เลือดไหลนองพื้น พบปลอกกระสุนชนิด 9 มม. ตกกระจัดกระจายในบนถนนกว่า 40 นัด
ล่าสุด วันที่ 29 ก.ค. 63 เวลาประมาณ 06.50 น. รับแจ้งว่าพบศพชาย 2 ราย คือนายภาสกร ดำสนิท อายุ 21 ปี และนายอรรถกร นุ่นปาน อายุ 25 ปี ถูกยิงเสียชีวิต ร่างอยู่ในรถเก๋งที่นำมาจอดทิ้งไว้ บนถนนบริเวณหัวสะพานคลองลำเบ็ดเชื่อ ติดกับถนนสายเอเชีย ม.12 ต.ท่าแค อ.เมืองพัทลุง จ.พัทลุง
เจ้าหน้าที่พบรถเก๋ง หมายเลขทะเบียน 3กล 6280 กรุงเทพมหานคร สภาพถูกยิงเป็นรูพรุน ประมาณ 10 จุด ภายในรถดังกล่าว ทั้ง 2 ศพถูกยิงด้วยกระสุนปืน 9 มม. พรุนทั้งร่างกว่า 10 จุด
และพบอาวุธปืนลูกซองสั้นแบบไทยประดิษฐ์ตกอยู่บริเวณที่วางเท้าของตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลัง 1 กระบอก ภายในกระเป๋าสะพายสีแดงของผู้เสียชีวิตที่นั่งบริเวณหลังคนขับ พบยาบ้าและไอซ์จำนวนหนึ่ง โดยห่างจากจุดแรก 12 กม.
ภาพจากกล้องวงจรปิดจุดเกิดเหตุที่คนร้าย กราดยิงกลุ่มผู้เสียชีวิตเสียชีวิต 3 คน พบรถเก๋งโตโยต้า อัลติส สีดำของผู้เสียชีวิตได้จอดที่หน้า ธกส. แต่ยังไม่มีการดับเครื่องยนต์ จากนั้น รถยนต์กระบะของกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ขับมาจอดด้านหลังรถของผู้เสียชีวิต ห่างประมาณ 4 เมตร กลุ่มผู้ก่อเหตุเปิดประตูลงจากรถมา 3 คน ใช้ปืนกระหน่ำยิงนายรัตนพงษ์หลายนัด
จากนั้น คนร้าย 2 คน วิ่งกลับมาที่รถเก๋งของผู้เสียชีวิต กระหน่ำยิงนายภาสกร ดำสนิท และนายอรรถกร นุ่นปาน ที่อยู่เบาะด้านหลังรถเก๋งจนเสียชีวิต ก่อนขับรถยนต์กระบะหลบหนีออกไปและนำรถไปจอดทิ้งไว้
พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ลงพื้นที่ติดตามคดี เรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเข้าประชุมร่วม พร้อมระบุว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รวบรวมหลักฐานจากที่เกิดเหตุได้มากพอสมควร ทั้งปลอกกระสุน ภาพจากกล้องวงจรปิดเส้นทางการก่อเหตุ ตำรวจทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว กำลังสืบทราบติดตามตัว
ด้านพล.ต.ต.กฤษฎา แก้วจันดี ผบก.ภ.จว.พัทลุง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ระบุว่า จากการตรวจสอบแล้ว เชื่อว่าทั้ง 2 จุดพบศพเป็นเหตุเดียวกัน ปมเหตุน่าจะเป็นการทะเลาะวิวาทกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่หรือเรื่องยาเสพติด
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ถนนราเมศวร์ หน้าธนาคาร ธกส. สาขาท่ามิหรำ นางดอน (นามสมมติ) ผู้เห็นเหตุการณ์ ให้ข้อมูลว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เวลา 02.10 น. มีเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 40-50 นัด ดังมาจากหน้าธนาคาร เห็นมีกลุ่มผู้ชายยืนอยู่ แต่จำจำนวนคนไม่ได้ คนร้ายเปิดประตูเข้าไปยิงในรถเก๋ง จากนั้นตนก็ไม่กล้าดูเหตุการณ์อีก รีบหลบหนี วินาทีนั้นก็ยังมีเสียงปืนดังอยู่ และกระสุนปืนก็ได้หล่นมาตกที่หลังคาบ้านของตน ได้ยินเสียงผู้หญิงพูดขึ้นมาว่า “พอแล้ว พอแล้ว อย่า ๆ ขอ ๆ”
สำหรับปมกราดยิง คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด หลังจากเหตุการณ์สงบประมาณ 30 นาที มีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ และตนสภาพจิตใจก็แย่มาก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นราวกับในหนัง ตั้งแต่ตนเกิดมาตนก็เพิ่งเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้
ทีมข่าวลงพื้นที่จุดพบรถเก๋ง นายฟ้า (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า ช่วงเช้ามืด 05.30 น. ตนมานั่งดื่มกาแฟที่บริเวณหน้าบ้าน ก็เหลือบไปเห็นรถเก๋งสีดำจอดอยู่ที่ถนนตรงข้าม ลักษณะหันหน้าเข้าคลอง เปิดไฟกระพริบไว้ ตนจึงคิดแค่ว่ารถคันดังกล่าวคงแค่จอดนอนพักผ่อน
กระทั่งเวลา 06.10 น. รถยังจอดที่เดิม มองเห็นล้อรถยนต์คันดังกล่าวลักษณะยางระเบิด ข้างรถเป็นรูกระสุน ตนจึงตัดสินใจเดินไปดู พบศพของชายทั้ง 2 คน มีเลือดไหลตามเนื้อตัว จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจ
ซึ่งเมื่อคืนนี้ บ้านของตนก็นอนด้วยกันทั้งหมด 3 คน ไม่ได้ยินเสียงคนร้ายหรือเสียงความผิดปกติ โดยปกติแล้วเวลาเกิดเหตุที่บ้านตน หมาที่บ้านจะเห่าส่งเสียงดังตลอด แต่ครั้งนี้หมาของตนก็ไม่เห่า
ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านของนายรัตนพงษ์ จันทร์ปน ผู้เสียชีวิต โดยนางบุญมี จันทร์ปน อายุ 63 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดใจว่า ตนทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกชายเมื่อเวลา 09.00 น. ตอนแรกญาติบอกว่าลูกชายตนเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ กระทั่งตนเดินทางไปถึงโรงพยาบาล ทราบว่าลูกชายเสียชีวิตเพราะถูกคนร้ายกระหน่ำยิง ซึ่งตนไม่รู้สาเหตุ
สำหรับลูกชายเพิ่งออกจากเรือนจำสงขลามาได้ 4 เดือน เนื่องจากเคยติดคุกคดีปล้นและฆ่าผู้อื่นจนเสียชีวิต อยู่ในเรือนจำถึง 14 ปี ตั้งแต่ลูกชายออกจากเรือนจำมา ก็ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ทำงานเป็นช่างสักลาย ที่ผ่านมาตนไม่เคยเห็นลูกชายเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่เพื่อนของลูกชายก็มียุ่งเกี่ยวบ้าง โดยครั้งสุดท้ายที่ตนเจอลูกชายก็คือบ่ายวานนี้ ลูกชายเข้ามากินข้าว มีสีหน้าปกติ ไม่ได้หมองคล้ำ หรือมีลางสังหรณ์
ส่วนคดีเก่าที่ลูกชายตนฆ่าคน จะตามมาแก้แค้นหรือไม่ ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่สามารถตอบได้ และตนก็ไม่ทราบว่าการตายของลูกชายจะเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในเมืองพัทลุงหรือไม่ คิดว่าคนร้ายทำกับลูกชายเกินกว่าเหตุ โหดเหี้ยม อยากให้คนร้ายถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุด "ภาพวงจรปิดบันทึกเหตุการณ์ได้ ถ้าตำรวจจับคนร้ายไม่ได้ ตนก็ไม่รู้ว่าจะพูดว่าอย่างไร และเป็นเหตุที่เกิดขึ้นกลางเมืองพัทลุงอีกด้วย"