จากคดีวันที่ 26 ก.ค. 63 พบโครงกระดูกมนุษย์ในซากรถเก๋งที่เกิดเพลิงไหม้ บริเวณหน้าบ้าน ม.2 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ซึ่งเปิดเป็นอู่รับทำเบาะรถยนต์
โครงกระดูกที่พบอยู่ในรถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน กม 6094 ราชบุรี บริเวณที่นั่งคนขับ และรถยนต์เก๋งเก่าญี่ปุ่น ไม่ทราบยี่ห้อและหมายเลขทะเบียน ลักษณะคล้ายชนท้ายกัน สภาพรถมีร่องรอยถูกไฟไหม้เสียหายทั้ง 2 คัน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าโครงกระดูกที่พบ น่าจะเป็นนายธิตินันท์ ภู่สุวรรณ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของอู่ เนื่องจากนายธิตินันท์ได้หายตัวไป
แต่หลังจากนั้นได้มีการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล นิติวิทยาศาสตร์ จนพบว่าศพในรถที่ถูกเผาคือนายเปลี่ยน ยงฮะ อายุ 56 ปี เป็นชายเร่ร่อนที่เดินเก็บขยะขายในบริเวณดังกล่าว
โดยผู้ก่อเหตุล่อลวงนายเปลี่ยนมาดื่มเหล้า และฆ่าอำพรางศพ เพราะต้องการให้คนอื่นเข้าใจว่าตัวเองเสียชีวิต เพื่อจะได้หลุดพ้นจากคดีพยายามฆ่าผู้อื่น เมื่อปลายปี 2562 ที่ศาลจะตัดสินคดีวันที่ 18 ส.ค. 63
ล่าสุด วันที่ 1 ส.ค. 63 ทีมข่าวเดินทางมาที่ ม.2 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี นางขวัญเรือน บุญมี หรือ แต๋ว อายุ 54 ปี พี่สาวผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ปกติน้องชายจะอาศัยอยู่ที่บ้านคนเดียวจึงไม่รู้ว่าใครเข้าออก ตอนแรกที่ตนเข้าไปพบศพน้องในวันที่ 26 ก.ค. 63 ก็คิดว่าเป็นศพน้องชายที่เกิดอุบัติเหตุแก๊สระเบิดขึ้น ยังไม่ได้เอะใจ แต่ก็แปลกใจในตอนนั้นที่รู้สึกว่ากระดูกที่พบในรถดูเล็กต่างจากตัวของน้องชาย
ทั้งนี้ ตนเพิ่งทราบจากผู้ใหญ่บ้านเมื่อช่วงเที่ยงว่าศพดังกล่าวไม่ใช่ศพน้องชาย แต่เป็นศพนายเปลี่ยน ชาวบ้านอีกหมู่บ้านหนึ่ง ตอนนั้นตนเองก็ไม่ได้รู้สึกตกใจที่น้องชายทำแบบนี้ ปกติตนก็สนิทกับน้องชายที่สุด น้องจะโทรมาคุยด้วยตลอด แต่ก็ไม่เคยมาเล่าเรื่องส่วนตัวให้ตนฟัง หลังทราบข่าวตนก็ไม่ได้เดินทางไปดู เพราะตนเหนื่อยและเครียด ไม่อยากรับรู้ ตนไม่ทราบว่าสาเหตุที่น้องชายทำแบบนี้เพราะอะไร แต่สำหรับตนเองก็เคยเห็นผู้ตายเดินผ่านไปมาอยู่แถวบ้าน เพราะนายเปลี่ยนสติไม่ค่อยดี เดินลากรถเก็บขยะอยู่ประจำ ตนก็ไม่รู้ว่านายเปลี่ยนเข้าไปอยู่บ้านน้องชายได้อย่างไร อีกทั้งจุดดังกล่าวก็ลับตาคน เพราะเป็นบริเวณทุ่งนา
ทีมข่าวเดินทางมาที่วัดหนองบัวค่าย ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี สถานที่ตั้งศพนายเปลี่ยน ยงฮะ อายุ 56 ปี ผู้เสียชีวิต บรรยากาศที่วัด มีญาติเพียงไม่กี่คนเดินทางมาร่วมงาน นางสาวภันฑิรา พรมรัตน์ อายุ 36 ปี น้องสาวผู้ตาย เปิดเผยว่า ปกติแล้วพี่ชายของตนสติไม่ค่อยสมประกอบ ชอบเดินเก็บขยะตามหมู่บ้าน และนอนอยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง แต่วัน 2 วันก็จะเดินกลับบ้านเอง ทั้งนี้ พี่ชายหายออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 23 ก.ค. 63 ตอนแรกตนก็เข้าใจว่าพี่ชายไปเก็บขยะเหมือนทุกครั้ง กระทั่งเวลาผ่านไป 3 วันพี่ชายไม่กลับบ้าน จึงรู้สึกแปลกใจ เริ่มออกตามหาแต่ก็ยังไม่พบ กระทั่งวันที่ 27 ก.ค. 63 ตัดสินใจเข้าแจ้งความคนหายที่ สภ.จอมบึง
จากนั้น ตำรวจเข้ามาตรวจสอบและเก็บดีเอ็นเอของพ่อตนไป ผลออกมาทราบว่าพี่ชายตนได้เสียชีวิตจากการถูกไฟเผาร่างแล้ว ซึ่งตนเองตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะครอบครัวตนและผู้ก่อเหตุไม่เคยรู้จักกันหรือเคยเห็นหน้ากันมาก่อน ตนก็ไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมถึงทำได้ลงคอ
"ตนรู้สึกว่าผู้ก่อเหตุทำแบบนี้เป็นการกระทำที่โหดร้ายเกินไป ทำเหมือนชีวิตคนคนหนึ่งไม่มีค่า ไม่มีประโยชน์อะไรเลย การฆ่าแล้วยังเผาซ้ำอีกมันโหดร้ายเกินไป อีกทั้งพี่ชายตนเองก็ยังไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร แม้จะสติไม่ดีก็จะเดินแค่เก็บขยะอยู่ตามข้างถนนเท่านั้น ไม่ได้ไปวุ่นวายกับใคร"
ตนเองรู้สึกโคตรหู่ใจมาก เพราะพี่ชายคงทรมานมากที่ต้องเสียชีวิตในกองเพลิง ซึ่งตนก็รู้สึกโกรธคนก่อเหตุที่ทำแบบนี้ และหลังจากทราบเรื่องตนก็ยังไม่ได้เดินทางไปที่โรงพัก เพราะมัวแต่ยุ่งกับเรื่องงานศพอยู่ ทางตำรวจก็ไม่ได้ให้ตนเข้าพบกับผู้ก่อเหตุ หากตนได้เจอก็อยากจะถามว่าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร เพราะพี่ตนไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร หากเป็นไปได้ตนก็อยากจะให้ผู้ก่อเหตุมาขอขมาศพพี่ชายของตนเองด้วย