จากกรณีการเสียชีวิตของนายจารุชาติ มาดทอง อายุ 40 ปี พยานคนสำคัญในคดี บอส วรยุทธ อยู่วิทยา เกิดเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถจักรยานยนต์อีกคัน บริเวณแยกฟ้าธานี ถนนห้วยแก้ว ในตัวเมืองเชียงใหม่ เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. ของวันที่ 30 ก.ค. 63 ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิด พบว่าคู่กรณีมีการพูดคุยกันก่อนจะเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
วันที่ 3 ส.ค. 63 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่ร้านคาราโอเกะ ย่านพืชสวนโลก ต.หนองควาย อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นร้านที่นายจารุชาติ และนายสมชาย ตาวิโน คู่กรณี มานั่งดื่มกินก่อนเกิดเหตุ
นางหมวย อ่อง อายุ 36 ปี เจ้าของร้าน เปิดเผยว่า คืนวันที่ 29 ก.ค. 63 เวลา 22.50 น. นายจารุชาติได้ขับรถจักรยานยนต์เข้ามาที่ร้านเพียงคนเดียว และได้เข้าไปนั่งโต๊ะในสุดของร้าน โดยสั่งเบียร์จำนวน 2 ขวด โดยไม่ได้สั่งกับแกล้ม
ต่อมาในเวลาประมาณ 23.30 น. นายสมชายขับรถจักรยานยนต์เข้ามานั่งโต๊ะบริเวณหน้าร้านเพียงลำพัง สั่งเบียร์ 1 ขวด โดยไม่สั่งกับแกล้มเช่นกัน ซึ่งขณะนั้น นายสมชายมีอาการเมาและส่งเสียงดัง ตนทราบจากร้านค้าในพื้นที่มาว่านายสมชายแวะดื่มเหล้าครึ่งแบนก่อนมาที่ร้านของตน
กระทั่งเวลาประมาณ 23.50 น. ตนเตรียมจะปิดร้านให้ทันเวลาเที่ยงคืน ซึ่งขณะนั้นทั้งร้านมีลูกค้าเหลือเพียง นายจารุชาติที่นั่งอยู่ภายในร้าน นายสมชายที่นั่งอยู่หน้าร้าน และลูกค้าชายอีก 3 คน ที่นั่งอยู่ด้วยกันหน้าร้านอีก 1 โต๊ะ ตนจึงได้บอกนายจารุชาติให้ออกไปนั่งดื่มเบียร์อีกครึ่งขวดที่เหลือทึ่โต๊ะหน้าร้าน โดยนายจารุชาติก็ยิ้มแย้มบอกกับตนว่า ขอนั่งต่อหน่อยนะ และได้นั่งลงที่โต๊ะใกล้กับนายสมชาย หันหน้าเข้าหากัน
เมื่อตนปิดร้านเสร็จ จึงปล่อยให้ลูกค้ากินเบียร์ที่เหลืออยู่บริเวณโต๊ะหน้าร้าน จากนั้นตนก็ได้เดินทางกลับที่พัก ไม่ทราบว่าทั้งคู่ออกไปเที่ยวต่อด้วยกันหรือไม่ ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าตลอดเวลาที่ตนอยู่ที่ร้าน นายจารุชาติและนายสมชายไม่ได้คุยกัน และไม่ได้มาด้วยกัน
จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามถนน ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ ทั้งหมด 7 ตัว พบว่า กล้องตัวที่ 1 รถจักรยานยนต์ของนายจารุชาติ และนายสมชาย ขี่ตีคู่กันมาพร้อมกันทางคลองชลประทาน และจอดรถติดสัญญาณไฟจราจร
จากนั้น กล้องวงจรปิดตัวที่ 2 รถจักรยานยนต์ของทั้งคู่ ขี่ตีโค้งมาด้วยกันจากแยกสัญญาณไฟจราจร โดยนายสมชายขี่นำหน้ามา
กล้องวงจรปิดตัวที่ 3 ทั้ง 2 คันยังขี่ตีคู่กันมา แล้วมีการชี้นิ้วมือกัน คล้ายบอกทางกันไปตามถนน และขี่ตีคู่กันไปตลอดทาง
กล้องวงจรปิดตัวที่ 4 นายสมชายขับขี่นำหน้านายจารุชาติ และมีการเบรกชะลอรถ ก่อนที่นายจารุชาติขี่ตามมาด้านหลัง
กล้องวงจรปิดตัวที่ 5 นายสมชาย ขี่รถตีคู่กันมากับนายจารุชาติ คล้ายกับมีการพูดคุยกันมาตามทางเป็นระยะ
กล้องวงจรปิดตัวที่ 6 ที่บริเวณแยกรินคำ รถจักรยานยนต์ของทั้งคู่ผ่านมาแล้วเลี้ยงขวา ก่อนไปยังถนนเส้นที่เกิดอุบัติเหตุ
กล้องวงจรปิดตัวที่ 7 ขณะที่เกิดอุบัติเหตุ รถของนายสมชายเกี่ยวท้ายรถของนายจารุชาติจนทั้งคู่ล้มลง นายสมชายได้รับบาดเจ็บ ส่วนนายจารุชาติอาการสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา
โดยพลตำรวจโทประจวบ วงศ์สุข ผู้จัดการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วยพลตำรวจตรีพิเชษฐ จีระนันตสิน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และศาสตราจาย์นายแพทย์บรรณกิจ โลจนาภิวัฒน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ มช. และรองศาสตราจารย์แพทย์หญิงกานดา เมฆใจดี หัวหน้าภาควิชานิติเวชศาสตร์ ร่วมกันประชุมสรุปผลการผ่าชันสูตรศพนายจารุชาติ
จากการชันสูตรศพครั้งที่ 2 พบบาดแผลหลักบริเวณใบหน้าด้านซ้าย และบ่าซ้าย ภายในพบเลือดออก ทั้งนี้ ไม่พบว่ามีร่องรอยการบีบคอหรือมีเลือดออกในคอ โดยสรุปสาเหตุการเสียชีวิต ผลการชันสูตรเหมือนเดิม แอลกอฮอล์ในเลือด 218 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์
ด้านนายสมาน วังมูล อายุ 64 ปี พ่อเลี้ยงผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่สงสัยสาเหตุการเสียชีวิตของนายจารุชาติ คิดว่าเกิดจากอุบัติเหตุเท่านั้น แต่ก็ปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอายัดศพไปตรวจอีกรอบ โดยนายจารุชาติมักจะดื่มเหล้าจนเมาแล้วขับรถจักรยานยนต์ออกไปหาเพื่อนช่วงกลางคืน ซึ่งตนก็เคยเตือนแล้ว เพราะกลัวจะเกิดอุบัติเหตุ แต่ลูกไม่ฟัง จึงคิดว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ก็น่าจะเกิดจากความเมาด้วย
ส่วนเรื่องข้าวของที่นายจ้างนายจารุชาติเก็บมาฝากไว้ที่โรงพยาบาล ตนเปิดดูแล้วพบว่ามีแค่เสื้อผ้า จึงแจกจ่ายเสื้อผ้าใหม่ให้ญาติ ส่วนเสื้อผ้าเก่าได้เผาไปเมื่อวานนี้ ในพิธีเผาหลอกศพนายจารุชาติแล้ว กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าโทรศัพท์ของนายจารุชาติหน้าจอแตกละเอียด แต่ซิมถูกถอดนั้น ตนไม่ทราบ และตนไม่เคยทราบเรื่องการไปเป็นพยานในคดีดัง มั่นใจว่าลูกไม่มีทางไปรับเงินเพื่อแลกกับการเป็นพยานแน่นอน
นายวัลลภ ใจชื้น อายุ 32 ปี ผู้ที่เคยจ้างงานนายจารุชาติ เปิดเผยว่า เมื่อเดือ ม.ค. 63 ที่ตลาดเมืองใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ตนให้นายจารุชาติเข้ามาทำหน้าที่เป็นขับรถรับกุ้งที่ จ.สุพรรณบุรี เป็นงานที่ทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เนื่องจากงานนี้ไม่ได้มีตลอด นายจารุชาติจึงได้ปรึกษาว่าขอทำงานเสริม เนื่องจากเงินไม่พอใช้ ตนจึงได้โทรศัพท์ไปสอบถาม นายชูชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ ส.ว.ก๊อง ว่ามีงานให้ทำหรือไม่ โดยให้นายจารุชาติทำงานรดน้ำสนามหญ้าสนามฟุตบอล
ล่าสุดก่อนที่นายจารุชาติจะเสียชีวิต ได้พักอยู่ที่บ้านของตน ส่วนตนไม่อยู่บ้าน เนื่องจากไปรับกุ้งที่ จ.สุพรรณบุรี ในวันที่นายจารุชาติเสียชีวิต ตนเก็บของของนายจารุชาตินำไปส่งให้กับญาติ ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่นายจารุชาติจะเสียชีวิตประมาณ 2 สัปดาห์ เคยบอกว่าเป็นพยานในคดีของบอส อยู่วิทยา แต่บังเอิญไปอยู่ตรงจุดนั้นพอดี พร้อมทั้งบ่นให้ฟังด้วยว่าเสียเวลาต้องเดินทางไปเป็นพยาน