ร้องไห้บ้างก็ได้ ระบายออกมาให้ใครได้ยิน คือหนึ่งในวิธีเยียวยาตัวเองที่เราได้เรียนรู้จากซีรีส์ It’s Okay to not be Okay ผ่านตัวละครโกมุนยอง มุนคังแท มุนซังแท พยาบาลนัมจูรี รวมถึงเหล่าตัวละครในซีรีส์เรื่องนี้ที่ล้วนมีปมปัญหาในจิตใจ ซึ่งจะว่าไปแล้วไม่แตกต่างจากผู้คนในชีวิตจริงสักเท่าไหร่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เผย "3 นิทาน" สุดหดหู่ จากซีรีส์ It’s Okay to not be Okay
- "8 โมเมนท์ละลายหัวใจ" จากซีรีส์ดัง It’s Okay to Not Be Okay
- ทอล์คออฟเดอะทาวน์! "5 เหตุผล" ต้องดู It’s Okay to Not Be Okay
ความดีงามของซีรีส์เรื่องนี้ตรงกับที่ ซอเยจี คิมซูฮยอน และโอจองเซ ให้สัมภาษณ์กับ Netflix ไว้ในวันแถลงข่าว ว่าพวกเขาตั้งใจจะถ่ายทอดเรื่องราวออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้คนที่ดูซีรีส์ได้รู้สึกผ่อนคลายและเยียวยาจิตใจไปพร้อมๆ กับตัวละคร
และนี่คือ 10 เคล็ดลับหรือวิธีเยียวยาจิตใจที่เรานำมาใช้ได้จริงจากซีรีส์ It’s Okay to not be Okay
01 ตุ๊กตาดักฝันร้าย
มุนคังแทบอกว่าเขาเย็บตุ๊กตาตัวนี้ให้พี่ชาย ตอนที่พี่ชายฝันร้าย ตั้งชื่อตุ๊กตาว่า “มังแท” ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของพวกเขา และเจ้ามังแทก็ถูกมอบให้กับโกมุนยองที่ฝันร้ายเป็นประจำเช่นกัน
จริงๆ แล้วตุ๊กตาตัวเล็กๆ ที่ใช้กอดนอนมีสัมผัสนุ่มๆ ที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย การพูดคุยกับตุ๊กตาอาจจะดูแปลกๆ แต่ก็ช่วยระบายความรู้สึกต่างๆ ให้เบาบาง ยิ่งถ้าเป็นตุ๊กตาที่มีคุณค่าทางใจ ก็ยิ่งเป็นสิ่งช่วยให้เรามีความอบอุ่นใจมากขึ้น
02 การกอด
เป็นพื้นฐานง่ายๆ ที่ได้ผลทันที ในซีรีส์ It’s Okay to not be Okay มีหลายฉากที่เราได้เห็นการกอดเป็นเหมือนยารักษาใจ ทั้งในฉากที่ที่มุนคังแทกอดโกมุนยองเอาไว้ในคืนที่เธอถูกผีอำจนร้องไห้ ส่วนฉากที่ประทับใจและเรียกน้ำตาก็คือในอีพี 10 ที่มุนซังแทเข้าไปกอดน้องชายเขา หลังการเปิดใจครั้งใหญ่ที่มุนคังแททั้งขอโทษ บอกรัก และขอร้องไม่ให้พี่ชายทิ้งเขาไป การเปิดเผยแง่มุมที่อ่อนแอที่สุดออกมาเป็นครั้งแรก ทำให้พี่ชายออทิสติกเลือกกอดน้องชายไว้ แบบที่เขาเคยเป็นคนได้รับอ้อมกอดมาตลอด
ล่าสุดในอีพี 14 มุนคังแทก็ขอให้พี่ชาย “ช่วยกอดผมสักครั้งนะครับ ช่วยตบหลังผมด้วย” ฉากนี้แสดงให้เห็นความรักความห่วงใยของพี่น้องที่ถ่ายทอดพลังใจให้กันทำให้คนดูอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลตามไปด้วย
03 ร้องไห้ก็ได้ ระบายมันออกมาก็ได้
นัมจูรี เป็นตัวละครที่พ่อเสียชีวิตไปตั้งแต่เธอยังเล็ก การที่ต้องดิ้นรนกันมาเพียงลำพังกับแม่ทำให้เธอมีลักษณะของคนที่ไม่ร้องขอความช่วยเหลือ และไม่แสดงออกความรู้สึกมากนัก นั่นทำให้เวลาที่เธอดื่มเหล้าจนเมา นัมจูรีจะเปลี่ยนเป็นอีกคนที่กล้าแสดงออก กล้าหยาบคาย กล้าร้องไห้เสียใจได้เต็มที่ เช่นเดียวกับมุนคังแท ที่แม้ว่าจะปิดความความรู้สึกของตัวเองเอาไว้อย่างแน่นหนา แต่กับเพื่อนสนิทแซจู ก็มีฉากที่เราได้เห็นว่าเขานอนมองฟ้าแล้วน้ำตาไหล ด้วยความเศร้าเสียใจในชะตากรรมของตัวเอง
การระบายสิ่งที่คับข้องอยู่ในใจ เป็นกลวิธีที่ช่วยให้สภาพจิตใจฟื้นตัวได้รวดเร็ว ถ้าวันหนึ่งที่เจอปัญหาหนักๆ ก็จงร้องไห้ออกมาให้หมด แล้วลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
04 หายใจลึกๆ 3 ครั้ง
ในอีพีแรก เราได้ทริกเล็กๆ จากฉากที่มุนคังแทบอกให้พี่ชายตั้งสติ หลังจากได้ข่าวว่าจะได้เจอกับนักเขียนโกมุนยองที่เขาติดตามมานาน “พี่ หายใจลึกๆ สามครั้ง หนึ่ง.. สอง.. สาม..” การหายใจลึกๆ เป็นเทคนิกการผ่อนคลายความตื่นเต้นวิตกกังวลในจิตใจ ในการดึงสติกับมาอยู่กับเนื้อกับตัว
การหายใจเป็นจังหวะ ลึกๆ ยาวๆ ทำให้กล้ามเนื้อรอบปอดขยายตัว กระบังลมยุบพองอย่างเป็นจังหวะ จะช่วยลดอาการตึงเครียดที่ง่ายที่สุด โดยไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์ช่วยใดๆ
05 อ้อมกอดผีเสื้อ ก่อนนอน
ฉากอ้อมกอดผีเสื้อในซีรีส์ It’s Okay to not be Okay ได้รับความสนใจอย่างมากหลังจากซีรีส์ออกฉายและวิธีบำบัดจิตใจนี้เป็นเทคนิคที่แพร่หลาย ซึ่งจริงๆ แล้ว “อ้อมกอดผีเสื้อ” นอกจากจะใช้ปลอบประโลมในเวลาที่ตึงเครียด ยังสามารถนำมาใช้ในช่วงก่อนนอนเพื่อให้ร่างกายและจิตใจที่ว้าวุ่นสงบลงได้ด้วย
วิธีการคล้ายๆ กัน เพียงแต่อยู่ในท่านอนสบายๆ จับมือไขว้แตะที่หัวไหล่ แล้วหลับตา หายใจเข้าออกยาวๆ ใช้มือตบหัวไหล่เบาๆ สลับซ้ายขวา
06 เปลี่ยนแปลงตัวเอง
ลุกมาเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นคนใหม่ เป็นอีกหนึ่งวิธีในการปรับเปลี่ยนอารมณ์ จิตใจ และการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด อย่างในซีรีส์เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโกมุนยอง ที่ตัดผมยาวสลวยทิ้งเพื่อหลุดพ้นเงาสีดำของแม่
หรือมุนคังแทเองก็มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องการแต่งตัว ในช่วงแรกของซีรีส์ เขามักใส่เสื้อผ้าสีโทนหม่น ดูโคร่งกว่าตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นความไม่ใส่ใจในตัวเอง แต่ในช่วงครึ่งหลัง เราเริ่มเห็นมุนคังแทในเสื้อผ้าที่มีสีสันมากขึ้น อย่างเสื้อลายสก๊อต เสื้อสีฟ้า ที่ทำให้เห็นด้านสดใสของเขา
07 ปล่อยตัวเป็นอิสระ ไปเที่ยวบ้างก็ได้
ปล่อยตัวหลุดออกจากปัญหาสักวันอาจทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น อย่างน้อยๆ อาจมองเห็นหนทางแก้ปัญหาจากการใช้สายตาคนข้างนอกมองเข้ามา มากกว่าการจมปลักอยู่กับปัญหา ความทุกข์เศร้าเหล่านั้น
มุนคังแทที่ขอมีหนึ่งวันได้ไปเที่ยวเล่นที่ไหนก็ได้ พอได้ทำไปแล้ว มันก็ช่วยปลดล็อกตัวเขาออกจากภาระต่างๆ ที่แบกไว้บนไหล่ตลอดเวลาที่ผ่านมา การได้พักสักนิด วางทุกสิ่งอย่างลงบ้าง เป็นเหมือนการชาร์จพลังที่ร่อยหรอให้กลับคืนมา
08 มีคนรู้ใจสักคนมาหัวเราะด้วยกัน
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือคนใกล้ตัวที่พร้อมจะโอบรับเราไว้ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม อาจจะเป็นคนในครอบครัว คนรัก เพื่อนสนิท หรือบางทีอาจเป็นสัตว์เลี้ยงที่เรากอดได้ อย่างสุนัข การได้แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา เปิดเผยความในใจไม่ว่าจะเป็นด้านดีหรือร้ายกับใครสักคน มันช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง และเมื่อเป็นใครสักคนที่เราสบายใจก็ยิ่งสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ด้วย
ฉากที่โกมุนยองกับมุนคังแท นั่งอยู่ที่บันไดในปราสาทต้องสาปแล้วหัวเราะไปด้วยกันเป็นครั้งแรก ก็เป็นสัญญาณของการเปิดใจโอบรับอีกคนไว้ และพร้อมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปด้วยกัน หรือหลายฉากที่ซึงแจ เพื่อนสนิทมุนคังแท ไม่เคยถาม ไม่เคยต้องการคำตอบ แต่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเขาเสมอ ก็ทำให้ซึงแจเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับมุนคังแทที่จะร้องไห้ หรือเปิดเผยความทุกข์ใจให้เขารับฟัง
09 นับ 1 ถึง 3 ก่อนระเบิด
เชื่อว่าเป็นเทคนิกที่น่าจะรู้กันดีอยู่แล้ว ว่าช่วยยับยั้งชั่งใจในช่วงเวลาที่หัวร้อนขั้นสุด หรือกำลังตัดสินใจทำอะไรบางอย่างที่ไม่ควร หรือจริงๆ ก็เป็นมุมในการเตรียมความพร้อมให้ตัวเองยอมรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้า อย่างเช่น โกมุนยองลองใช้วิธีนี้ตามที่มุนคังแทสอน และทำให้เธอไม่หัวร้อนไปทำร้ายร่างกายใครไปหลายคน
เคล็ดลับอย่างหนึ่งของการนับ 1 ถึง 3 ก่อนระเบิด คือการเอาสติกลับมาอยู่กับตัวและการกระทำตรงหน้า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเรามักลืมนึกถึงเทคนิกนี้และลุยทำไป แต่ถ้าเราตั้งใจจะนับ 1 2 3 อยู่บ่อยๆ จะทำให้เกิดความคุ้นเคย และการนับ 1 2 3 จะเป็นสิ่งที่เหมือนเครื่องเตือนใจก่อนจะตัดสินใจทำอะไรลงไป
10 กินอาหารให้อิ่มท้อง
“เวลามีเรื่องลำบากใจ กองทัพต้องเดินด้วยท้องไม่ใช่จิตใจ” ซุนด๊อก แม่ของนัมจูรี บอกเอาไว้ ในซีรีส์ It’s Okay to not be Okay ซุนด๊อกเป็นเหมือนที่พักใจอันแสนอบอุ่นของทุกตัวละคร แม้กระทั่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์ เธอคือตัวแทนความเป็นแม่ที่พร้อมจะเข้าใจ ช่วยให้คำแนะนำในแบบคนที่ผ่านโลกมามากและเข้าใจอะไรได้รอบด้าน
ความโดดเด่นของบทซุนด๊อกคือ อาหารของแม่ ที่อร่อยกว่าในภัตตาคารชื่อดัง อย่างในอีพี 10 ที่โกมุนยองไปขอให้ซุนด๊อกทำซุปสาหร่ายให้กินในวันเกิด หรือในอีพี 14 ที่เธอทำข้าวปั้นให้มุนคังแทเก็บไว้กินได้หลายวัน ทั้งยังทำโจ๊กให้โกมุนยอง พร้อมไข่นกกระทาที่เธอชอบกิน
“ไม่ไหวยังไงก็ไม่เป็นไรหรอก” คำขวัญนี้ติดอยู่ในห้องทำงานของผู้อำนวยการโรงพยาบาลจิตเวชรื่นรมย์ ชีวิตก็เท่านี้ มีทุกข์มีสุข และคุณแม่ซุนด๊อกก็รู้ว่าการมีอาหารอร่อยอิ่มท้องเป็นความสุขที่เธอทำให้ผู้คนที่กำลังเผชิญปัญหาชีวิตมีแรงสู้ต่อไปได้.