กรณี
เพจเฟซบุ๊ก "ห้องสืบสวย-สยอง" โพสต์ภาพและข้อความ ระบุว่า มีคนไข้เสริมหน้าอกที่คลินิกแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง หลังจากเสริมหน้าอกมาไม่ถึง 1 สัปดาห์ พบว่า มีเลือดทะลักออกมา ซึ่งทางคลินิกให้คนไข้กินยาฆ่าเชื้อและฉีดยา แต่อาการกลับไม่ดีขึ้น สุดท้าย คนไข้รายนี้จึงตัดสินใจเอาซิลิโคนออก ก่อนจะพบว่า มีผ้าก๊อซอยู่ในหน้าอกข้างขวา และซิลิโคนไม่ได้มาตรฐาน
วันนี้ (20 ม.ค.61) ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้พูดคุยกับผู้เสียหาย ชื่อว่า
นางสาวเอ๋ (นามสมมติ) เล่าว่า ได้ไปเสริมหน้าอกที่คลินิกแห่งหนึ่ง เป็นสาขาเปิดใหม่ในจังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 21 พ.ย. 60 โดยหลังจากทำไปได้ 4-5 วัน หน้าอกของตนก็เริ่มมีสีเขียวช้ำมีเลือดซึมทะลักออกมา จึงติดต่อกลับไปยังคลินิกอีกครั้ง โดย คุณหมอ ได้นัดให้ตนมาเอาเลือดที่คั่งอยู่ออก ราวๆ ต้นเดือนธันวาคม
ในวันนั้น หมอได้ผ่าเอาซิลิโคนออกมาแช่น้ำเกลือไว้ แล้วจึงเสริมกลับเข้าไปใหม่ แต่ครั้งนี้ตนรู้สึกเจ็บและปวดมากกว่าครั้งแรกที่ทำ หน้าอกก็เริ่มมีน้ำเหนียวๆ ไหลออกมาใต้ราวนม ซึ่งหมอพยายามพูดให้ตนใจเย็นไว้บอกว่า เดี๋ยวก็หาย และให้ยากินยาฉีดในปริมาณเพิ่มขึ้น อีกทั้ง ให้ตนไปฉีดยาเองที่คลินิกอีกแห่งใกล้บ้าน โดยหมออ้างว่าไม่สะดวกที่จะมาพบ ทำให้ตนต้องใช้เวลาในการรักษาเป็นเวลานานนับเดือน กระทั่งทนไม่ไหวแล้วจึงกลับไปที่คลินิกหวังให้หมอเอาซิลิโคนออก แต่ก็ถูกบ่ายเบี่ยงบอกให้รอ ตนจึงตัดสินใจไปถอดซิลิโคนกับคลินิกอีกแห่งหนึ่ง
คุณเอ๋ เล่าว่า หลังถอดซิลิโคนออกมาก็พบว่า มีผ้าก๊อซอยู่ภายในหน้าอกของตน คาดว่า หมอคงลืมทิ้งไว้เมื่อตอนผ่าตัด ทำให้รู้สึกตกใจมาก และคิดว่าสาเหตุที่ทำให้หน้าอกตนอักเสบติดเชื้อ น่าจะเป็นเพราะผ้าก๊อซที่ลืมทิ้งไว้ ประกอบกับ ซิลิโคนที่เสริมให้ที่ทางคลินิกอ้างว่ามาจากอเมริกา แต่จริงๆ แล้วเป็นซิลิโคนจากประเทศจีน ไม่ได้มาตรฐาน
ถึงแม้ว่าภายหลัง ทางคลินิกจะยินยอมชดใช้ค่าเสียหายให้เป็นเงิน 300,000 บาท แต่ตนก็อยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์กับคนที่คิดจะเสริมหน้าอกว่า ให้ศึกษาประวัติความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่จะเสริมหน้าอกให้ดี รวมถึงศึกษารายละเอียดคลินิกที่จะทำด้วยว่ามีมาตรฐานหรือไม่
ด้าน
นางสาวสอง (นามสมมมติ) ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่า ตนรู้จักคลินิกแห่งนี้ทางเฟซบุ๊ก จากโปรโมชั่นรีวิวเปิดคลินิกสาขาใหม่ที่ จ.ระยอง ในราคา 26,999 บาท จึงตัดสินใจเลือกทำ เพราะมีการโฆษณาว่าเสริมหน้าอกโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่เอาเข้าจริงใช้เวลาผ่าตัดนาน 4 ชั่วโมง มีการนำซิลิโคน 400 ซีซี ยัดเข้าไปด้านใน ซึ่งหมอถึงกับถอนหายใจพูดว่า 'มันยากนะ ยัดเข้าไปไม่เข้า' แต่สุดท้ายหมอก็นำซิลิโคนยัดเข้าไปได้
นางสาวสอง บอกว่า หลังเสริมหน้าอกแล้วตนรู้สึกเจ็บปวดมาก แผลที่หน้าอกเริ่มปริ จึงติดต่อกลับไปที่คลินิก มีผู้ช่วยพยาบาลเป็นคนเย็บแผลให้ ซึ่งภายหลังมีอาการแผลบวมแดง ไข้ขึ้นสูง ตนจึงขอให้ทางคลินิกนำซิลิโคนออกให้ ก็ถูกบ่ายเบี่ยงอ้างว่าหมอไม่ว่าง ตนจึงหาคลินิกอีกแห่งหนึ่งให้เอาซิลิโคนออกให้ พบว่า มีการใส่ซิลิโคนพลิกกลับด้าน ไม่ตรงกับช่องหน้าอก และแผลที่เย็บไปโดนกับเนื้อซิลิโคนทะลุถึง 6 รู ซึ่งตนคาดว่า อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าอกเน่า พร้อมเตือนไปยังหลายๆ คน ที่คิดจะไปทำหน้าอกที่คลินิกแห่งนี้ด้วยว่าอย่าไปทำหน้าอกเพราะเห็นแก่โปรโมชั่น
เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ได้สอบถามไปยัง
แพทย์หญิงณัฐชญา ไมตรีเวช ผู้บริหารณัฐชญาคลินิก เป็นผู้ถอดซิลิโคนให้กับผู้เสียหายทั้ง 2 ราย เปิดเผยว่า ครั้งแรกที่เห็นแผลจากการเสริมหน้าอกของคนไข้ทั้ง 2 ราย มีเลือดไหลออกมานั้น คิดไว้แล้วว่าต้องมีการติดเชื้ออย่างแน่นอน แต่ไม่คาดคิดว่า จะมีผ้าก๊อซชิ้นสีแดงทิ้งไว้ในหน้าอกของคนไข้ ซึ่งการที่มีผ้าก๊อซถูกทิ้งไว้ในหน้าอกก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หน้าอกเน่าได้ เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค จึงเกิดการติดเชื้อ ส่วนซิลิโคนที่นำออกมาเป็นยี่ห้อโดนัทซีด ไม่ผ่านการรับรองของคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และไม่แน่ใจว่าเป็นซิลิโคนประเทศจีนหรือไม่
ส่วนอีกรายที่เข้ารับการรักษาพบว่า ซิลิโคนที่ถูกเสริมเข้าไปนั้นถูกพลิกอีกด้านหนึ่ง โดยนำฐานซิลิโคนไว้ด้านบนแทน ทำให้ทรงหน้าอกผิดปกติ อีกทั้ง พบว่ามีวิธีการเย็บซิลิโคนติดกับเนื้อหนังหน้าอกของคนไข้ ทำให้ซิลิโคนเป็นรูแล้วแตก ส่งผลให้มีการติดเชื้อ และหากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
แพทย์หญิงณัฐชญา ยังฝากถึงคนไข้ที่จะเสริมหน้าอกว่า คนไข้จะต้องขอดูหมายเลขรหัสของซิลิโคนกับทางคลินิกที่จะไปเสริมหน้าอก ซึ่งแต่ละรหัสจะมีการบอกเลขลอตของซิลิโคนที่จะผลิตเพียงชิ้นเดียวในโลก อีกทั้ง คนไข้จะต้องตรวจสอบด้วยว่ายี่ห้อซิลิโคนที่คลินิกจะนำมาเสริมให้นั้นได้รับการรับรองจาก (อย.) ด้วยหรือไม่ โดยซิลิโคนที่ผ่านการรับรองของไทย มียี่ห้อ แอลเลอแกน, เมนเทอร์ และซิลิเนท รวมถึงคนไข้จะต้องตรวจสอบประวัติของแพทย์ที่จะทำการเสริมหน้าอกด้วยว่า ได้รับการรับรองจากแพทย์สภาหรือไม่