จากกรณีที่มีรถเทรลเลอร์บรรทุกรถแบคโฮ พุ่งชนสะพานลอยคนข้ามบริเวณใกล้ตู้ยามตำรวจทางหลวง ถนนสายเอเชีย กม.ที่ 50+700 หมู่ที่ 4 ต.บ้านอิฐ อ.เมือง จ.อ่างทอง เมื่อต้นเดือน ก.พ. 60 ที่ผ่านมา
จนทำให้สะพานลอยพังลงมาทับรถยนต์เก๋งเสียหาย 2 คัน ซึ่งหลังเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ต้องยกซากสะพานออกจากพื้นผิวการจราจร พร้อมทั้งปิดการใช้สะพานลอยดังกล่าวเนื่องจากเกรงว่าตัวสะพานที่ถูกชนอย่างแรงจะพังตามลงมา ก่อนที่จะประสานเจ้าของบริษัทรถเทรลเลอร์เข้ามาทำการซ่อมแซม
ซึ่งทำให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณดังกล่าว และต้องใช้สะพานข้ามไป-มา รวมถึงเด็กนักเรียนที่ต้องเดินทางไปโรงเรียนและพระภิกษุที่ต้องออกบิณฑบาต ต้องเสี่ยงข้ามถนนทีมีความกว้างถึง 8 ช่องจราจร
แม้ทางเจ้าหน้าที่จะนำป้ายเตือนและสัญญาณไฟ ไปติดตั้งก่อนถึงบริเวณดังกล่าว เพื่อเตือนให้ผู้ใช้รถบนถนนสายเอเชีย ใช้ความระมัดระวังเมื่อมาถึงจุดดังกล่าว แต่ก็ไม่ทำให้รถชะลอตัวแต่อย่างใด รวมถึงป้ายเตือนบางป้ายอยู่ในมุมอับ ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ จึงทำให้ประชาชนต้องทนเสี่ยงกับอุบัติเหตุตลอดเวลาที่ต้องข้ามถนน
เวลาผ่านไปเกือบ 1 ปี สะพานลอยแห่งนี้ก็ยังคงไม่มีความคืบหน้าในการซ่อมแซม มีเพียงคนงานที่รับจ้างในการซ่อมแซมสะพานนำคอนกรีตมาเททำคานทิ้งไว้ไกล้ๆจุดเกิดเหตุ แต่ด้วยความล่าช้าทำให้เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านเกิดเหตุสลดขึ้น เมื่อรถกระบะคันหนึ่งพุ่งชนพระภิกษุวัย 75 ปี วัดมธุรสติยาราม ขณะที่พยายามข้ามถนนเพื่อไปบิณฑบาต จนมรณภาพ นำไปสู่คำถามที่ชาวบ้านฝากไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าดำเนินการก่อสร้างล่าช้าไปหรือไม่ หรือต้องรอให้มีคนตายอีกกี่ศพจึงจะซ่อมแซมเสร็จ
นายสมชาย อินศวร รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านอิฐ ซึ่งเคยนำชาวบ้านทวงถามหน่วยงานของรัฐในการซ่อมแซมสะพานลอยดังกล่าวเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุประมาณ 4 เดือน ตนเองได้นำชาวบ้านไปทวงถามความคืบหน้า กับทั้งทางจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งประชุมหารือกันและรับปากว่าจะมีสะพานชั่วคราว
ภายใน 7 วัน และจะซ่อมสะพานให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน แต่นี่ผ่านไปเกือบ 1 ปี ทุกอย่างก็เหมือนเดิมอย่างที่เห็น จนกระทั่งมาเกิดเหตุสลดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ไม่ทราบว่าหน่วยงานที่รับปากประชาชนไว้ไปอยู่ไหนกันหมด แล้วจะต้องให้มีอีกกี่ศพจึงจะซ่อมเสร็จ
ด้านนายปฎิเวชวุฒิศักย์ สุขขี ผอ.แขวงทางหลวงอ่างทอง เปิดเผยว่า ตามกำหนดการที่เลื่อนมาทางผู้รับเหมาจะยกคานสะพานวางในวันที่ 26 ม.ค.นี้ และจะต้องใช้เวลาสร้างส่วนประกอบอีกประมาณครึ่งเดือน ประมาณเดือน ก.พ.จึงจะแล้วเสร็จ ซึ่งที่ผ่านมาเราไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เจรจาต่อเนื่องกับผู้ละเมิด(บริษัทรถเทรลเลอร์)มาโดยตลอด ซึ่งทางเราก็เตรียมฟ้องร้องดำเนินคดี แต่ทางผู้ละเมิดได้ดำเนินการเริ่มซ่อมแซมแล้วจึงชะลอไว้
ตั้งแต่เกิดเหตุทางเราก็นำป้ายเตือนไปติดไว้ทั้งสองข้าง แต่ยังมีความเสี่ยงอยู่ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นถนนสายเอเชียรถใช้ความเร็วสูง ส่วนกรณีสะพานชั่วคราวได้เคยคิดทำแล้ว ซึ่งก็ต้องใช้เวลาในการทำไม่ต่างจากสะพานจริง ทางผู้ละเมิดจึงขอทำสะพานจริงเลยเพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาและยืดเยื้อออกไป คาดว่าภายในเดือน ก.พ.นี้ จะสามารถซ่อมแซมแล้วเสร็จได้ทั้งหมด ส่วนตัวก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์เกิดขึ้น และจะพยายามเร่งรัดให้ดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุด