จากกรณีคุณครูลืม "น้องกองบิน" เด็กชายวัย 2 ขวบ ไว้ในรถตู้รับส่งนักเรียน ที่จอดกลางแดดร้อนจัด ตั้งแต่เวลา 07.30 น. จนมาพบตัวในเวลา 13.30 น. มีอาการสาหัส รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช แพทย์เผยว่าอยู่ในอาการวิกฤต ตับ ไตเริ่มไม่ทำงาน และมีอาการสมองบวม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 63 กระทั่งน้องกองบินเสียชีวิตอย่างสงบเมื่อวันที่ 15 ส.ค.63 เวลา 17.20 น. นั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- พ่อแม่ร้องเอาผิด หน.ศูนย์เด็กเล็กฯ "น้องกองบิน" ถูกลืมบนรถตู้เสียชีวิต
- โรงเรียนรับลืมเด็กคารถตู้ 6 ชม.ทำโคม่า อ้างเช็กแล้วแต่ไม่เห็น จ่าย 1 หมื่นช่วยแม่
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี จำลองเหตุการณ์ขณะที่ครูเวรได้เปิดประตูให้นักเรียนลงจากรถ โดยมีน้องการ์ตูนวัย 3 ขวบ สูง 100 ซม. แทนน้องกองบิน และได้วัดความสูงจากพื้นของรถตู้ ถึงปลายพนักพิง 108 ซม. จากพื้นของรถตู้ถึงเบาะนั่ง มีความสูง 43 ซม. วัดจากเบาะนั่งถึงปลายพนักพิง มีความสูง 72 ซม.
และเมื่อน้องการ์ตูนที่มีความสูง 100 ซม. ได้ไปนั่งเบาะพบว่าขาจะลอย และปลายพนักพิง จะสูงกว่าศีรษะของน้อง ซึ่งหากวัดจากศีรษะของน้องขึ้นไปที่ปลายพนักพิง เหลือ 28 ซม.
ล่าสุดวันที่ 16 ส.ค.63 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางมายังบ้านเลขที่ 333 บ้าาห้วยกลาง ต.กระทูน อ.พิปูน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพของน้องกองบิน บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า น.ส.สุวภัทร ไชยธรรม แม่ของน้องกองบิน ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวอมรินทร์ทีวีว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค.63 ก่อนที่ตนจะส่งน้องกองบินขึ้นรถตู้ ตนได้วิดีโอคอล ไปหาพ่อของน้องกองบินที่ทำงานอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อให้ผู้เป็นพ่อดูว่าวันนี้กองบินแต่งกายด้วยชุดอะไร
ในระหว่างที่ตนรอรถตู้ ก็มีพระสงฆ์กำลังเดินบิณฑบาต ตนจึงพาลูกชายใส่บาตร และไหว้พระก่อนไปโรงเรียน กระทั่งรถตู้รับส่งของโรงเรียนได้มาถึงที่หน้าบ้าน ตนก็ได้ส่งกองบินขึ้นรถ ทีแรกลูกชายของตนนั่งที่บริเวณริมทางเดิน จากนั้นครูหยุ่น จึงให้ลูกตนไปนั่งที่แถวที่ 2 เบาะติดกระจกทางด้านขวาของรถตู้
โดยหลังจากส่งลูกชายขึ้นรถเสร็จ ระหว่างที่ตนเดินเช้าบ้าน กิ่งไม้ก็หักลงมาตกใส่หลังคาบ้าน แต่ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งเวลา 13.28 น. ตนกำลังจะเดินทางไปรับลูกชายที่ศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์วัดศรีมาราม ตนได้ดูไลน์กลุ่มของห้องเรียนลูกชาย ก็ปรากฏว่าในไลน์กลุ่มไม่มีรูปลูกชายตน จึงทักไปสอบถามในกลุ่มว่า “กองบินไปไหน ไม่เห็นเลยวันนี้” ซึ่งครูก็ตอบตนว่า วันนี้กองบินไม่ได้มาโรงเรียนนะแม่ ตนก็ตอบกลับอีกว่า ไม่ได้มาได้อย่างไร ตนไปส่งลูกชายขึ้นรถด้วยตัวเอง
จากนั้นตนจึงได้โทรศัพท์สอบถามครูที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก กระทั่งมีครูคนหนึ่งบอกตนว่า “ตอนนี้น้องกองบินหมดสติ ติดอยู่ในรถตู้” ตอนที่ทราบข่าวลูกชาย ตนก็รู้สึกแทบช็อก และได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปดูลูกชายที่โรงพยาบาล สภาพที่ตนเห็นลูกชายอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น ลูกชายของตนได้อยู่ในอาการที่กำลังนอนตาค้าง ตาแดง และมีน้ำตาไหลออกจากตาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งตนก็ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับลูกชายตัวเอง
โดยที่ตนให้ลูกชายเรียนที่ศูนย์อบรมแห่งนี้เพราะตนเห็นว่าครูที่สอน ก็เป็นครูแถว ๆ บ้าน และเป็นศูนย์อบรมเด็กที่สอนหนังสือดี อยู่ใกล้บ้าน และสะดวกอีกด้วย
น.ส.สุวภัทร เล่าต่อว่า สำหรับช่วงเวลาประมาณ 11.00 น. ของวันนี้ ครูสุนิษฐา ผูกพาณิชย์ หัวหน้าศูนย์อบรมเด็ก และครูวิลัยวรรณ ริยาพันธ์ หรือครูหยุ่น ครูเวรที่นั่งรถตู้ในวันเกิดเหตุ ก็ได้เดินทางมาที่บ้านของตน โดยมาบริจาคเงินให้ตน จำนวน 100,000 บาท แต่เงินที่ตนได้รับนั้น ไม่สามารถแลกกับชีวิตลูกชายตนได้ ส่วนสามีของครูสุนิษฐา คนที่ขับรถมารับน้องกองบินในช่วงแรกนั้น เขาไม่ได้มาที่งานศพด้วย ตอนที่ครูทั้ง 2 คนมาถึง เขาก็ได้ขอโทษยายของน้องกองบิน แต่เขาไม่ได้ขอโทษตนแม้แต่สักคำ แม้แต่พูดเขาก็ไม่เอ่ยปากพูดกับตน จากนั้นเขาก็ไหว้ขอขมาศพ ตนจึงพูดขึ้นมาว่า “กรวดน้ำให้ลูกหนูหน่อย อย่าได้ต้องจองเวรจองกรรมไปถึงชาติหน้า”
ทั้งนี้ครูทั้ง 2 คนก็ไม่ได้บอกกับตน ว่าสาเหตุที่ลืมลูกชายไว้ในรถตู้มาจากอะไรอีกด้วย สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เท่าที่ตนได้ฟังข่าว ที่ครูเขาบอกว่าลูกชายของตนหลับอยู่ในรถ ถ้าลูกชายตนหลับ เขาจะไม่มีทางมองเห็นลูกชายเลยหรือ ตอนที่ตนส่งลูกชายขึ้นรถ ตนยืนอยู่บริเวณหน้าประตูรถตู้ ตนยังมองเห็นเด็กนักเรียนคนอื่นเลย
หากจะสอบถามว่า ตนจะมีการฟ้องร้องเอาเรื่องครูที่เกี่ยวข้องทั้งหมดหรือไม่นั้น ตนรอให้เสร็จงานศพลูกชายก่อน ตนถึงจะมีการพูดคุยในส่วนของคดีความ เพราะตอนนี้ตนเหนื่อยมาก ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชาย ตนไม่ทันตั้งตัวจริง ๆ ตนตั้งความหวังในตัวน้องกองบินไว้มาก กองบินเป็นลูกคนแรกในครอบครัว และเป็นหลานคนแรกของคุณตา คุณยาย ตนวางแผนไว้ว่าถ้าเขาเรียนจบระดับอนุบาล ตนจะให้กองบินไปเรียนต่อระดับประถมศึกษาในโรงเรียนเอกชน ให้เขาได้เรียนภาษาต่างประเทศ ได้เรียนว่ายน้ำ และถ้าเขาเรียนจบ ตนจะให้เขาไปเรียนเตรียมทหาร เพราะลูกชายตนเองชื่อกองบิน ตนอยากให้เขาเป็นนักบิน
ส่วนกรณีหลังจากที่ตนส่งลูกชายในวันที่ 11 ส.ค.63 แล้วกิ่งไม้ล้มมาใส่หลังคาบ้านตนนั้น ตนคิดว่าน่าจะเป็นลางสังหรณ์ ตนก็อยากให้เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นตัวอย่าง และเป็นอุทาหรณ์สำหรับครูทุกคน ส่วนครูที่ก่อเหตุ เขาไม่พูดคุยกับตน ไม่ขอโทษตนสักคำเดียว เขาน่าจะมีสำนึกมากกว่านี้ ถ้าเขาขอโทษตนตน อาจหายแค้นมากกว่านี้ก็ได้
ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนางขนุน (นามสมมติ) ผู้ปกครองของ ด.ญ.นิสา หนึ่งในเด็กนักเรียนที่นั่งรถตู้ไปกับน้องกองบิน ให้สัมภาษณ์ว่า หลานสาวตนใช้บริการรถตู้ของครูสุนิษฐา มากว่า 1 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ กระทั่งมาเกิดเหตุร้ายกับน้องกองบิน ตนก็รู้สึกเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องนิสา และหลังจากนี้ก็จะไม่ให้น้องนิสา โดยสารไปกับรถตู้ของครูสุนิษฐาอีกแล้ว
นางขนุน ให้ข้อมูลทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เพิ่มเติมว่า ตนเสียค่าบริการรถตู้รับส่งนักเรียนให้หลานสาว จำนวน 400 บาท/เดือน ซึ่งสำหรับน้องนิสาหลานสาวตนนั้น ใช้บริการมาแล้วกว่า 1 ปี
สำหรับความคิดเห็นของผู้ปกครอง กับการใช้บริการรถรับส่งนักเรียน นางขนุน บอกว่า "ไม่ใช้บริการ" ส่วนผู้ปกครองน้องเก้า บอกว่า "ไม่ใช้บริการ" และผู้ปกครองน้องแก้ม บอกว่า "ไม่ใช้บริการ"
รศ.นพ.สุริยเดว ทรีปาตี ผอ.ศูนย์คุณธรรม กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและวัยรุ่น ยอมรับว่า เศร้าใจที่เห็นข่าวนี้เกิดขึ้นในสังคมอีก เป็นความประมาทเลินเล่อของครู อ้างไม่ได้ว่า เร่งรีบจึงไม่ได้ตรวจ เพราะชีวิตของคนมีความสำคัญมากกว่าคำว่า เร่งรีบ ทั้งนีตนขอแนะนำว่า ต้องมีการซ้อมแผนกันอย่างจริงจัง ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย ต้องกำหนดรถรับส่งที่ได้มาตรฐาน ซึ่งทางผู้อำนวยการโรงเรียน ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้
นพ.สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “คุณหมอสตอรี่” พูดถึงพฤติกรรมเด็ก 2 ขวบว่า เด็กจะเห็นครูเป็นที่พึ่งมากที่สุด ยังไม่ต้องการเพื่อน ยังไม่เป็นห่วงเพื่อน ไม่ได้ผูกพันกันเป็นมิตรภาพ จึงยังไม่มีความเป็นห่วงเพื่อน และช่วยเหลือกันสักเท่าไร
หากคุณครูเรียกให้ลงจากรถ เด็กก็จะรีบทำตาม โดยไม่ได้สนใจเพื่อนที่หลับอยู่ เพราะพฤติกรรมเด็กวัยนี้ จะทำตามคำสั่งครู เด็กจะเอาตัวรอด และคิดถึงตนเองก่อนเสมอ ยิ่งถ้าทำตามคำสั่งครูแล้วได้รับรางวัล ได้กินขนม เด็ก ๆ ก็จะดีใจ ความเห็นส่วนตัวคิดว่า ตอนเด็ก ๆ ลงจากรถตู้ คงไม่มีใครปลุกน้องตอนนอนหลับในรถตู้อย่างแน่นอน