จากกรณีเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 ส.ค.63 พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วย พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี และ พ.ต.อ.ดิเรก ยศนันท์ ผกก.สส.ภ.จว.นนทบุรี ร่วมกันแถลงผลจับกุม นายประวิท หรือ ต่อ เกตุสกุล อายุ 56 ปี ชาวจ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาคดีอุ้มฆ่าเผาทำลายศพแม่และพี่ของอัยการท่าหนึ่ง โดยสามารถจับกุมได้ที่ริมถนนอู่ทอง ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 17 ส.ค.63 ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.อำพล กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 ส.ค.50 เวลาประมาณ 13.30 น. มีกลุ่มคนร้าย 6 คน วางแผนเข้าปล้นพระเครื่องมูลค่าสูงของนายธีรศักดิ์ ธีระชิต และนางรัชนี ธีระชิต พี่ชายและแม่ของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครองจังหวัดอุดรธานี ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่งอัยการพิเศษ เขต 5 เชียงใหม่ เหตุเกิดภายในบ้านพักซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 41 ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
โดยคนร้ายทำทีเป็นติดต่อขอเช่าพระเครื่องดังกล่าวในราคาองค์ละ 8 ล้านบาท แต่ขณะที่กลุ่มผู้ต้องหาทำทีขอดูพระอยู่นั้น หนึ่งในผู้ต้องหาก็อาศัยจังหวะที่นายธีรศักดิ์เผลอ ใช้ค้อนทุบศีรษะนายธีรศักดิ์จนเสียชีวิต ระหว่างนั้นแม่ของนายธีรศักดิ์ลงมาเห็น จึงถูกกลุ่มผู้ต้องหาฆ่าเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ศพ
ทีมข่าวเดินทางย้อนรอยจุดเกิดเหตุบ้านพักภายในซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 41 ต.คลองเกลือ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี บริเวณบ้านจุดเกิดเหตุได้เลี้ยงสนัขเอาไว้หลายตัว มีการปิดล็อกประตูบ้านเอาไว้ สอบถามชาวบ้านในละแวกนั้น หลายคนไม่ทราบเหตุการณ์เนื่องจากเวลาผ่านมากว่า 13 ปีแล้ว ซึ่งลักษณะพื้นที่ในซอยค่อนข้างเงียบ ไม่ค่อยมีรถสัญจรผ่านไปมา อีกทั้งบริเวณจุดเกิดเหตุเป็นท้ายซอยด้วย
ทีมข่าวเรียกเจ้าของบ้านอยู่พักใหญ่ และมีผู้หญิงเดินออกมาทักทายทีมข่าว จากการสอบถามทราบชื่อนางสรุตินาถ ธีระชิต อายุ 57 ปี ลูกสาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เบื้องต้นตนยังไม่ทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนร้ายได้เพิ่มอีก 1 คน แต่เมื่อทราบแบบนี้ ตนก็ยินดีที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้อีก
นางสรุตินาถ ยังได้เล่าย้อนเหตุการณ์ให้ทีมข่าวฟังว่า วันเกิดเหตุวันที่ 21 ส.ค.50 ช่วงบ่ายคุณแม่และพี่ชายอยู่บ้าน 2 คน ซึ่งขณะนั้นตนรักษาศีลบวชเป็นชี อยู่ที่ จ.ชลบุรี เป็นเวลา 13 พรรษาแล้ว
โดยในวันดังกล่าวตนกำลังโทรศัพท์คุยกับแม่ คุยกันไม่นาน ได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนขึ้นมาถามว่า “มีใครอยู่บ้านไหม” แม่ตนเลยบอกว่า “ป้าอยู่นี่ ขึ้นมาสิ” ตนได้ยินเสียงผ่านโทรศัพท์ จึงบอกแม่ไปว่า “คุณแม่ลองลงไปดูก่อนไหมว่าเป็นใคร แต่ไม่ต้องวางสายนะ” เมื่อคุณแม่ลงไป ตนได้ยินแค่เสียงคุณแม่ร้อง และไม่ได้ยินเสียงใครเพิ่ม จากนั้นสายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป โทรอีกครั้งก็ถูกตัดสาย 2-3 ครั้ง
ทั้งนี้ตนจึงโทรศัพท์ไปหาพี่สาวที่บ้านอยู่ใกล้ ให้เข้ามาดูที่บ้านเกิดเหตุ ใช้เวลาประมาณ 10 นาที พี่สาวก็มาถึงบ้าน พี่สาวบอกว่าพบประตูบ้านเปิดอยู่ มีกองเลือดอยู่ในบ้าน แต่ไม่พบใครอยู่ในบ้าน ตอนนั้นพี่สาวเข้าใจว่าแม่และพี่ชายอาจจะมีใครคนหนึ่งหกล้มเกิดอุบัติเหตุ จึงได้ไปตามหาที่โรงพยาบาล แต่ก็ไม่พบ และเข้าแจ้งความ ภายหลังจึงมาทราบภายหลังว่าแม่และพี่ชายถูกอุ้มฆ่า
นอกเหนือจากช่วงแรก ๆ ที่เป็นข่าว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็ยังไม่ได้มีเจ้าหน้าที่แจ้งความคืบหน้าอะไร แต่ตอนนี้เมื่อมาทราบว่ามีการจับเพิ่มได้ 1 คน ตนรู้สึกยินดี และดีใจ อยากให้จับคนที่เหลือให้ได้อีก เพราะตนก็อยากรู้แค่ว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร เพราะจากเดิมตามที่เป็นข่าวคือเรื่องของพระเครื่อง
ทั้งนี้ทางครอบครัวไม่รู้จักผู้ก่อเหตุมาก่อนแม้แต่คนเดียว แต่ก็รับทราบข้อมูลผ่านทางตำรวจว่าแรงจูงใจการก่อเหตุ น่าจะมาจากการหวังในทรัพย์สิน ตอนนี้แม้เวลาผ่านมาค่อนข้างนาน ตนก็ยังมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม เพราะทราบว่าใช้ค้อนตีแม่ และหนึ่งในผู้ต้องหาสารภาพว่าคุณแม่ได้พยายามร้องขอชีวิต แต่ไม่มีใครยอม จึงได้ฆ่าแม่ตนจนเสียชีวิต ตนรู้สึกหดหู่มาก เพราะแม่ตนก็อายุมากแล้ว
หากวันหนึ่งจับตัวคนร้ายได้ครบทุกคน ตนก็อยากเห็นหน้าคนร้าย อยากให้กระบวนการยุติธรรม นำบุคคลที่กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมาย สุดท้ายตนอยากบอกคนร้ายว่า ครอบครัวตนไม่รู้จักกันกับคนร้ายเป็นการส่วนตัว แต่เหตุการณ์นี้ทำให้ตนสูญเสียคนที่รักไป ตนอยากให้ผู้กระทำผิดมารับโทษในสิ่งที่ก่อ ซึ่งตนอโหสิกรรมให้ได้ เพราะไม่อยากผูกใจเจ็บ ไม่ขอผูกเวรผูกกรรมกัน แค่อยากให้มารับโทษ
อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้แจ้งข้อหา 1 ในแก๊งร่วมฆ่า 3 ข้อหาดังนี้ 1.ร่วมกันปล้นทรัพย์ฯ 2.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรอง และ 3.ร่วมกันฝังซ้อนเร้นทำลายศพ