ในยุค 90 ไม่มีวัยรุ่นไทยคนไหนไม่รู้จัก "วงบาซู" นักร้องสายแดนซ์ที่ในวงมีสมาชิกเป็น 2 หนุ่ม 1 สาว ซึ่งไม่ว่าจะออกเพลงอะไรมา ก็ดังสุดๆ จนมียอดขายเทปเกินล้านตลับมาแล้ว และ สมาชิกของวงที่หนุ่มๆหลายคนต้องเมาเอวยามเธอแดนซ์ก็คือ สาวหมวยตัวเล็ก "เด็บบี้ บาซู" แต่วันวานผ่านไปไวเหมือนกระพริบตา มาวันนี้เด็บบี้กลายเป็นคุณแม่ลูกหนึ่งไปแล้ว แต่บอกเลยว่ายังหุ่นดีไม่มีเปลี่ยน รายการ ต้มยำอมรินทร์ ก็เลยขอเชิญมาแดนซ์แบบแซ่บๆ ให้ชมและพูดคุยกันสักหน่อย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แชมเปญ เอ็กซ์ จากเซ็กซี่สตาร์ พลิกผันชีวิต หันหน้าสู่การเกษตร ทำไร่ทำสวนกว่า 200 ไร่
- หัวใจสีชมพู!! "เชียร์ ฑิฆัมพร" เผยคำหวานตอน "บิ๊ก ธนพนธ์" ขอเป็นแฟน
- "แนน ชลิตา" ประกาศปิดอู่! มุ่งเก็บเงิน 20 ล้าน ไว้ให้ลูกชาย
- "ตูน เอเอฟ 3" เปิดเส้นทางจากนักร้องล่าฝันสู่เชฟมืออาชีพ
- คุณแม่ 2 พิธีกร "อั๋น ภูวนาท-เอิ๊ก พรหมพร" เผยวีรกรรมสุดแสบที่จำไม่เคยลืม!
- ดูเพลิงนางย้อนหลัง ละครแซบอมรินทร์ทีวี ที่นี่
ถาม ความโด่งดังของบาซูในตอนนั้น เรารู้มั้ยว่าทะลุล้านตลับ?
เด็บบี้ : ก่อนที่หนูจะเข้ามาอยู่ที่อาร์เอส หนูก็เคยเห็นพี่ลิฟท์พี่ออย เราก็มองว่าเขาทะลุล้านตลับ ประสบความสำเร็จมากๆ วันนึงที่เราถึงจุดนั้นแล้วเราทำได้ ไม่คิดว่าจะมาถึงจุดนี้ เป็นความเซอร์ไพรส์ในชีวิตอีกแบบนึง
ถาม ภาพไหนที่รู้สึกประทับใจที่สุด ที่เรารู้ว่าฉันดังแล้ว?
เด็บบี้ : ที่ประทับใจมากๆ เลย เราไปเล่นคอนเสิร์ตต่างจังหวัด แล้วคอนเสิร์ตต่างจังหวัดเป็นเอาท์ดอร์ เรามองไปสุดสายตาเนี่ย เราไม่สามารถเห็นได้ว่าคนดูสุดตรงไหน คือมีคนดูประมาณ 4 หมื่นคน เยอะมากค่ะ
ถาม ตอนนั้นรับงานทุกวันนานแค่ไหน?
เด็บบี้ : ประมาณ 8 ปี เราออกอัลบั้มติดๆ กันมากเลย ปกติเขาจะบอกว่า 2 ปีออกที บาซูเนี่ย เพลงเราเป็นเพลงเทศกาล ก็จะออกหัวปีท้ายปี
ถาม 8 ปีเต็มๆ แล้วที่แยกย้ายกันไป ใครเป็นปัญหาที่ทำให้วงแตก?
เด็บบี้ : จริงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ว่าเด็บอยากไปเรียน เราทำงานกันมา 8 ปีแล้ว ทุกคนก็อิ่มตัว รู้สึกว่าเราต้องการที่จะไปหาประสบการณ์ใหม่ๆ บ้าง ถ้าหากเราไม่ได้เรียนตอนนี้ เราคงไม่มีโอกาสได้เรียนอีกแล้ว พอผ่านจุดนี้ไป มันก็ไปแล้วไปลับ
ถาม มีกระแสว่าทะเลาะกันจนวงแตก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ ทั้ง 3 คนนี้รักกันมาก?
เด็บบี้ :สนิทกันมาก เราเริ่มต้นโดยการเป็นเพื่อนร่วมงาน หลังจากนั้นเราก็มากลายเป็นเพื่อนสนิท มาเป็นพี่น้องกัน จนทุกวันนี้เราก็คือครอบครัวเดียวกัน แล้วก็ยังเป็นอยู่
ถาม ณ วันนี้หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า นี่คือคุณแม่ลูกหนึ่งแล้ว แต่งงานกับสามีฝรั่ง ไปเจอกันยังไง?
เด็บบี้ : เจอกันที่เมืองไทย เรียนจบโทปุ๊บ กลับมาทำงานที่นี่ก็เลยได้เจอสามี
ถาม เห็นบอกว่า เราไม่ได้เป็นคนชอบสายฝอ(ฝรั่ง)เลยสักนิด?
เด็บบี้ : ไม่ชอบค่ะ หนูชอบผู้ชายตี๋ ขาว หล่อ
ถาม แล้วสุดท้ายทำไมถึงผิดสเปคไปขนาดนั้น?
เด็บบี้ : เขาป็นเพื่อนของเพื่อนเรา แล้วเขาเข้ามาจีบ เขาคอยดูแลเทคแคร์เราอย่างดี แล้วใช้เวลาเข้ามาเป็นเพื่อนก่อน ดูไปดูมาแพ้ความดี แพ้ความดีปุ๊บ ถึงเริ่มเห็นความหล่อ
ถาม แล้วเขารู้ไหมว่าเราเป็นเด็บบี้ บาซู?
เด็บบี้ : ตอนแรกเขาไม่ทราบเลย พอได้มาคบกันแล้ว เขาก็ทราบ เพราะเราก็เล่าให้เขาฟัง เพื่อนๆ ก็เล่าให้เขาฟัง
ถาม แล้วตอนที่เขาเห็นเราตีลังกาเกี่ยวขา เขารู้สึกยังไงบ้าง?
เด็บบี้ : ก็คงตกใจ ไม่ได้คิดว่าเราจะยิมนาสติกลีลาใหญ่เบอร์นั้น คราวนี้ขอแต่งงานเลย เห็นว่ายิมนาสติกได้ ไม่งั้นไม่ได้แต่งนะ(หัวเราะ)
ถาม สามีเนี่ยห่างกันกี่ปี?
เด็บบี้ : 2 ปีค่ะ เขาแก่กว่า
ถาม มีโซ่ทองคล้องใจ 1 คน?
เด็บบี้ : อายุ 3 ขวบค่ะ น้องลีอา
เด็บบี้ : สามีอยากมีค่ะ ก็บอกว่า เธอ ถ้าเธออยากมี ก็ท้องเองไหม?
ถาม แปลว่าจริงๆ แล้วเราไม่อยากเหรอ?
เด็บบี้ : จริงๆ แล้วก็อยากนะคะ แต่ก็รู้ว่าเราก็อายุไม่น้อยแล้ว
เด็บบี้ : 38 ค่ะ
ถาม มีลูกหนึ่งแล้ว แต่คุณแม่ไม่เปลี่ยนเลย ทำยังไง?
เด็บบี้ : จะเน้นเรื่องออกกำลังกาย หลังคลอดเนี่ยมีอยู่ช่วงนึงที่ไม่ได้ออกเลย เราก็แอบรู้สึกว่าถึงเราจะไม่อ้วน แต่ไม่ฟิตไม่เฟิร์ม พอลูกเริ่มโตปุ๊บ เราก็เริ่มจัดหนักเลย ความมีวินัยเนี่ยเป็นสิ่งที่สำคัญ เราก็จะออกกำลังกายประมาณอาทิตย์ละ 3-4 วัน เข้ายิมแล้วก็เริ่มกลับมาเต้น
ถาม แต่งงานกับสามีต่างชาติทำไมถึงมาลงหลักปักฐานเมืองไทย? ตอนนั้นเคยไปอยู่ต่างประเทศด้วยกันมาแล้วใช่ไหม?
เด็บบี้ : ตอนนั้นเด็บเพิ่งเรียนจบ เพิ่งกลับมาจากอเมริกา พอตัดสินใจคบกันปุ๊บ ตอนแรกก็เล่นตัวอยู่ 3 เดือน พอคบกันคราวนี้ไม่เล่นตัวแล้ว หนีตามเขาไปเลย สามีได้งานที่อเมริกาก็เลยต้องย้าย ก็เลยไปอยู่อเมริกาประมาณ 3 ปี สามีก็ได้งานใหม่ที่เมืองไทยอีกก็ย้ายบินกลับมา
ถาม เป็นความบังเอิญไหมที่เขาได้งานที่เมืองไทยหรือเขาตั้งใจที่จะกลับเพื่อเรา?
เด็บบี้ : ตั้งใจค่ะ เขาชอบวัฒนธรรมไทย ชอบชีวิตการเป็นอยู่ที่เมืองไทย
เด็บบี้ : จริงๆ แล้วอยากอยู่ไทย เพราะว่าเด็บก็มีคุณตาคุณยายที่ยังอยู่ที่เมืองไทยอยู่ แล้วก็อายุมากแล้ว
ถาม เห็นบอกว่ามีวิธีเลี้ยงลูกซึ่งบอกว่า "อิสระอย่างมีวินัย"?
เด็บบี้ : คืออยากให้ลูกมีความคิดแบบอิสระ ให้เขาได้ถามคำถาม กล้าที่จะถาม กล้าที่จะคิด กล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง แต่ว่าในอีกแง่นึงก็ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเป็นไทย
ถาม เด็บบี้เป็นลูกครึ่งไหม?
เด็บบี้ : ลูกครึ่งสิงคโปร์-ไทยค่ะ
ถาม ตอนนี้คิดว่าลูกเป็นอเมริกันหรือไทยนิดนึง?
เด็บบี้ : ตอนเขามา เป็นอเมริกันจ๋าเลย เพราะว่าเขาโตที่โน้นแล้วก็ไม่ได้พูดภาษาไทยด้วย เขาก็จะโดนเลี้ยงมาค่อนข้างที่จะฝรั่งเลย แต่พอมาอยู่เมืองไทย ลูกต้องพูดภาษาไทยได้ ต้องมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ต้องรู้จักวัฒนธรรมไทย
ถาม ตอนนี้เราพูดภาษาอะไรกับลูก?
เด็บบี้ : ที่บ้านภาษาอังกฤษ แต่ส่งน้องไปเรียนโรงเรียนไทยก่อนค่ะ ตอนที่อยู่บ้านเนี่ย คุณพ่อบอกว่า "เธอต้องพูดภาษาไทยกับลูกนะ" นี่ก็จะลืมตลอดเลย ก็จะรู้สึกกดดัน เพราะว่าเราชินการพูดภาษาอังกฤษกับลูก แต่ตอนนี้ลูกไปโรงเรียนไทยแล้ว เราก็บอก เธอไม่ต้องแล้วนะ อยู่บ้านเราพูดภาษาอังกฤษกันได้
ถาม แล้วเขา(น้องลีอา)ใช้ภาษาไทยกับเราไหมคะ?
เด็บบี้ : มีบ้างค่ะ พอเขาเริ่มพูดกับเรา เราก็เริ่มพูดภาษาไทยกลับกับเขาค่ะ
ถาม แต่สิ่งที่เก๋มาก ไปโรงเรียนวันแรกไม่ร้องไห้เลย
เด็บบี้ : ไม่ร้องเลย คุณแม่เซอร์ไพรส์มาก คือแม่นี่เตรียมไปพังเลย ต้องยืนปลอบยังไง เซย์กู๊ดบาย ฉันจะต้องมีความอ่อนโยนและก็หนักแน่นในเวลาเดียวกัน เตรียมจิตมาพร้อมมาก สรุปลูกเดินไปโรงเรียน บาย หม่ามี๊ สะบัดบ๊อบใส่จ้า แล้วก็ไปเลย ไปกับคุณครูค่ะ ไม่งอแงเลย แต่...เป็นแค่ 3 วันแรก ไม่ร้องเลย พอวันที่ 4 เริ่มรู้ตัวแล้วว่านี้เป็นชีวิตประจำวันของฉัน ฉันจะต้องไปทุกอาทิตย์ คราวนี้ร้องมันทั้งอาทิตย์เลยค่ะ
ถาม ตอนนี้เป็นแม่และภรรยาเต็มเวลาเลยไหม?
เด็บบี้ : ก็มีรับงานบ้าง แต่ก็ส่วนใหญ่ก็จะดูแลน้อง แล้วก็ดูแลธุรกิจที่อเมริกา
ถาม มีข่าวแว่วๆมาว่า "บาซู" จะคัมแบ็ค?
เด็บบี้ : ค่ะ เด็บกับพี่กำปั้นก็ได้มีการคุยกันนะคะว่าอยากจะทำซิงเกิลเป็นโปรเจ็คพิเศษมาฝากแฟนๆ กัน จริงๆ อัดไปแล้ว แต่ว่าเจอโควิดเลยหงายหลังตึ่งไปเลยค่ะ เพราะเพลงมันเป็นเพลงแบบปาร์ตี้ ไม่ใช่ปาร์ตี้ๆ โควิดมาแล้ววงแตกไรงี้ ก็เลยเบรกไปแป๊บนึงก่อน
ถาม แดนซ์แบบโลกระเบิดเลยเปล่า?
เด็บบี้ : ก็ระเบิดเท่าที่จะไหวได้ เท่าที่ลุงกับป้าจะไหวได้ค่ะ (หัวเราะ)
ถาม แพลนหรือยังว่าจะช่วงไหน?
เด็บบี้ : ตอนนี้เราอยากจะให้เป็นปลายปีค่ะ แต่รอดูสถานการณ์อีกนิดนึงก่อน หวังว่าจะเป็นแบบนั้น
Advertisement